ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 674
ด้านในเป็นชุดสีแดงชุดหนึ่ง เป็นตัวที่นางชอบใส่ที่สุด “เมื่อตอนยังมีชีวิต”
เพราะเหตุใดถึงให้นางสวมกระโปรงตัวนี้ กู้โม่หานสื่อถึงกัน?
นางขมวดคิ้ว แต่ก็รู้ดีแก่ใจไม่ว่ากู้โม่หานจะต้องการสื่ออะไร กระโปรงตัวนี้ซึ่งคับอยู่บ้าง ครรภ์ของนางปรากฏชัดเจนแล้ว หากใส่กระโปรงตัวนี้ จักต้องเห็นท้องนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเป็นแน่
หนานหว่านเยียนไม่ใส่ และเปลี่ยนเป็นชุดสาวใช้ที่นางสวมเมื่อวานแทน
พอเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว นางก็ใช้น้ำร้อนในกะละมังเช็ดมือทั้งสองข้างอย่างเรียบง่าย แล้วใช้จอกหยกบ้วนปาก คิดไปคิดมา ถึงอย่างไรจูเอ๋อร์ก็เป็นคนที่กู้โม่หานส่งมา หากไม่ให้นางทำอะไรสักอย่าง กลับจักยิ่งทำให้มีพิรุธ
หนานหว่านเยียนเดินมาถึงข้างประตู แล้วตะโกนเรียกเบาๆ “จูเอ๋อร์ ข้าล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้ว เจ้ามาช่วยข้าแต่งหน้าหวีผมที”
“บ่าวจะไปประเดี๋ยวนี้เพคะ” จูเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้น ก็รีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง
แต่นางเห็นบนตัวหนานหว่านเยียนเป็นเสื้อผ้าชุดเดิม ก็เอียงศีรษะอย่างไม่เข้าใจ “เหตุใดแม่นางถึงไม่เปลี่ยนอาภรณ์เล่า?”
ต้องรู้ก่อนว่า นั่นเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทตั้งใจให้นางหามาให้แม่นางใส่เป็นพิเศษ ดูเหมือนว่า……จะเป็นกระโปรงของฮองเฮาเหนียงเหนียงกระมัง
หากคนอื่นได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ได้ คงจักกระตือรือร้นกันตั้งนานแล้วเป็นแน่ เหตุใดแม่นางไป๋จื่อผู้นี้ถึงได้แปลกประหลาดเช่นนี้ ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบเลย
หนานหว่านเยียนเอ่ย “ดูท่าแล้วกระโปรงตัวนี้คงราคาไม่น้อยเลย และเป็นของในวังอีก ข้าเป็นเพียงฮูหยินของแม่ทัพน้อย มิบังอาจใช้ของในวังดอก จะได้ไม่ถูกคนประณาม และวิพากษ์วิจารณ์ไม่ดีออกมา”
ข้ออ้างนี้ละเอียดรอบคอบ จูเอ๋อร์เองก็พูดไม่ออก
เพียงหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้น ฝ่าบาทจะไม่กล่าวโทษนาง
“ท่านนางลง บ่าวจะหวีผมแต่งหน้าให้”
หนานหว่านเยียนนั่งลงหน้ากระจกทองเหลือง แล้วนึกอะไรบางอย่างออกจึงเอ่ยบอก “ทำเพียงแค่มวยผมง่ายๆ ก็พอแล้ว”
ฝีมือการแปลงโฉมของเฟิงยางดียิ่งนัก แทบจะมองพิรุธอะไรไม่ออกเลย เพียงแค่ไม่ใช้มือลูบก็พอ เพราะถึงอย่างไรของที่ใช้แปลงโฉมก็มีอุณหภูมิเย็น ไม่เหมือนกับผิวหน้าคนที่มีอุณหภูมิอุ่นอย่างเห็นได้ชัด
จูเอ๋อร์ก็ทำตาม “เพคะ”
พอหวีผมแต่งหน้าเสร็จ จูเอ๋อร์ก็นำทางหนานหว่านเยียนไปตำหนักหยูซิน
ด้านในตำหนักหยูซิน
เมื่อวานเกี๊ยวน้อยไม่ได้นอนเพราะตื่นเต้นดีใจเล็กน้อย เมื่อเช้ายังไม่ถึงยามเฉิน (เวลาช่วง 7 โมงเช้าถึง 9 โมงเช้า)ก็ลุกแล้ว
เพลานี้ กู้โม่หานกำลังเสวยอาหารเป็นเพื่อนนางอยู่ในตำหนัก เซียงอวี้กับเสิ่นอี่ว์ยืนอยู่ข้างๆ คอยปรนนิบัติรับใช้
บนโต๊ะอาหาร เกี๊ยวน้อยนั่งติดกับกู้โม่หาน เท้าน้อยๆ แกว่งไปมาอยู่ในอากาศอย่างกระสับกระส่าย นัยน์ตากลมมนชำเลืองมองกู้โม่หานบ่อยๆ
ในปาก เต็มไปด้วยขนมอบนมม้าที่หวานและเหนียว
นางอยากถามอย่างยิ่งว่าตอนนี้ท่านแม่อยู่ที่ใด เมื่อวานหลังแยกกัน พ่อเฮงซวยได้รังแกท่านแม่หรือไม่ แต่ก็กลัวว่าหากถามมากเกินไป กลับจะทำให้พ่อเฮงซวยเกิดความสงสัย
แต่พูดแล้วก็แปลกนัก วันนี้พ่อเฮงซวยดูท่าแล้วเหมือนจะ……มีความสุขเลย?
ยิ่งไปกว่านั้นอาหารบนโต๊ะ นอกจากของที่นางชอบกินแล้ว ก็ยังมีของที่ปกติท่านแม่ชอบกินด้วย
กู้โม่หานใช้มือข้างหนึ่งค้ำยันแก้มอยู่บนโต๊ะ แหวนที่นิ้วก้อยส่องแสงแวววาวกับแสงในยามเช้าตรู่ นิ้วเรียวยาวพอดีกับกรามที่เด่นชัดของเขา หล่อเหลาเป็นพิเศษ
คิ้วของเขาโก่งดูดี บนใบหน้างดงามขาวผ่องไม่เงียบเหงาเหมือนวันวานอีกแล้ว แต่กลับมีชีวิตชีวาแทน
กู้โม่หานมองดูเกี๊ยวน้อย เห็นนางมองซ้ายแลขวา เห็นได้ว่ากำลังรอใครสักคนอยู่ จู่ๆ เขาก็เกิดอารมณ์อยากหยอกล้อขึ้นมา ริมฝีปากบางเอ่ย “เจ้าชอบไป๋จื่อผู้นั้นมากใช่หรือไม่?”
เกี๊ยวน้อยเกือบจะสำลัก วางตะเกียบลงอย่างลนลาน หันไปกะพริบตาให้กู้โม่หานอย่างไร้เดียงสา “ก็ในระดับหนึ่ง หลักๆ สำคัญเพราะนางช่วยข้า ดังนั้นข้าเลยรู้สึกว่านางดีมากๆ”
กู้โม่หานยิ้มจางๆ ในแววตาเต็มไปด้วยความโปรดปราน ยื่นมือไปเช็ดเศษขนมที่มุมปากให้นาง “เจ้าตะกละ อาหารช่วงนี้ถูกปากหรือไม่ อยากให้ข้าไปหาคนนอกวังมาทำอย่างอื่นให้เจ้าทานหรือไม่? ทานถังหูหลูหรือไม่?”
ถังหูหลู?
เกี๊ยวน้อยเลียปากอย่างอดไม่ได้ แต่ภายในใจกลับอ้างว้างเล็กน้อย ถึงอย่างไรเสียพ่อเฮงซวยก็ปฏิบัติกับนางไม่เลวเลยจริงๆ แต่อีกใจนางก็อยากหนีไปกับท่านแม่
“ไม่ต้องดอก ข้าจะทานเมื่อออกจากวังคราวหน้า”
กู้โม่หานตอบรับอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “เอาตามที่เจ้าว่าก็ได้”
เซียงอวี้กับอวี๋เฟิงที่อยู่ข้างๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกเล็กน้อย
ต้องรู้ว่าสองเดือนมานี้ นานมากแล้วที่พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้ยินฝ่าบาทกับองค์หญิงน้อยคุยกันอย่างเป็นมิตรเยอะเช่นนี้ วันนี้เกิดอะไรขึ้น หรือว่า ไป๋จื่อผู้นั้นทำให้จิตใจของฝ่าบาทดีขึ้นแล้วจริงๆ
คิดถึงตรงนี้ เซียงอวี้ก็แค้นเคืองใจอย่างยิ่งขึ้นมา โกรธจนทนไม่ไหว จึงยังออกแรงหยิกหลังมืออวี๋เฟิงอย่างแรง
อวี๋เฟิงร้องด้วยความเจ็บ หันไปก็เห็นเซียงอวี้จ้องมองเขาอย่างโหดเหี้ยม
เขามีความทุกข์ใจแต่ยากที่จะพูดออกมา ทำได้เพียงอดกลั้นอยู่เงียบๆ
กู้โม่หานไม่มีกะจิตกะใจมาสนใจสองคนนี้อยู่แล้ว เพราะในสายตาเขามีเพียงลูกสาวเท่านั้น
เขากำลังคิด ว่าตอนนี้ลูกสาวอีกคนของเขาอยู่ที่ใด จากนั้นก็ยกมือขึ้นบีบแก้มนุ่มนิ่มของเกี๊ยวน้อยไปมา “เจ้าใกล้จะฉลองวันเกิดแล้ว ข้าอยากจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้เจ้า เจ้ามีอะไรที่อยากได้หรือไม่?”
“งานเลี้ยงวันเกิด!” นัยน์ตาของเกี๊ยวน้อยเปล่งประกายขึ้นมา นางเลียปาก “เช่นนั้นข้าสามารถกินของอร่อยเยอะๆๆ ได้หรือไม่?”
“ได้อยู่แล้ว”
“เยี่ยมเลย!” เกี๊ยวน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจทันที “ข้าอยากดูผู้ที่ทำแป้งปั้นในเมือง และอยากกินถังหูหลูสิบไม้ด้วย และอยาก……”
พ่อลูกทั้งสองเต็มไปด้วยความอบอุ่น พูดคุยกันอย่างสนิทชิดเชื้อ
เซียงอวี้ที่เมื่อครู่นี้กำลังโกรธอยู่เห็นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะปลื้มอกปลื้มใจเล็กน้อย
ยังดี ที่ไม่ว่าฝ่าบาทจะพูดอย่างไร สุดท้ายก็รักใคร่เอ็นดูองค์หญิงใหญ่อยู่ดี
แต่น่าเสียดายเหนียงเหนียงกับองค์หญิงอานเล่อ……
ขณะที่เซียงอวี้เศร้าซึม นางก็มองเห็นหนานหว่านเยียนเดินตามจูเอ๋อร์เข้าตำหนักมา
วันนี้หนานหว่านเยียนยังใส่ชุดสาวใช้อยู่ ใบหน้าธรรมดาปราศจากการแต่งหน้า แต่พอยืดอกเชิดหน้า ก็มีบุคลิกที่น่านับถือของบุตรสาวครอบครัวมั่งคั่ง
หนานหว่านเยียนเห็นท่าทางคุยไปหัวเราะไปอย่างสนิทสนมของกู้โม่หานกับเกี๊ยวน้อยพอดี สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที หัวใจก็จมดิ่งเล็กน้อย
“ฝ่าบาท แม่นางไป๋จื่อมาถึงแล้วเพคะ” จูเอ๋อร์หันไปคำนับกู้โม่หานอย่างเคารพนอบน้อม
กู้โม่หานกับเกี๊ยวน้อยหันมาพร้อมกัน มองไปทางหนานหว่านเยียน
หนานหว่านเยียนคำนับทั้งสองคน “ข้าถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมองค์หญิงใหญ่อานผิง”
เกี๊ยวน้อยยิ้มหวานทันที “พี่ไป๋จื่อ!”
หากไม่ใช่ไม่สามารถจำท่านแม่ได้ ตอนนี้นางคงพุ่งไปกอดท่านแม่แล้ว
สีหน้าของกู้โม่หานกลับไม่ค่อยดีนัก มองดูการแต่งตัวของนาง นัยน์ตาที่สวยงามของเขาก็ค่อยๆ เย็นเยือกขึ้น ใบหน้างดงามปรากฏความไม่เบิกบานใจเล็กน้อย
“ไม่ใช่ว่าข้าให้คนส่งชุดไปให้เจ้าเปลี่ยนหรือ เหตุใดถึงไม่ใส่ หรือว่าเจ้าดูแคลนสิ่งของในวัง?”
“หรือจะบอกว่า ของที่จวนแม่ทัพให้เจ้า ดีกว่าที่ข้าให้——”