ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 737
หัวใจของกู้โม่หานราวกับถูกมีดแหลมคมแทงอย่างรุนแรงทันที สีหน้าซีดลงเล็กน้อย
เขาเหลือบมองหนานหว่านเยียนอย่างลึกซึ้ง ทำท่าอึกๆ อักๆ สุดท้ายก็พูดเพียงว่า “พักผ่อนให้ดี”
พูดจบ เขาก็หันกายออกไป ปิดประตูตำหนักอย่างแผ่วเบา
เมื่อกู้โม่หานออกประตูตำหนักไปแล้ว ดวงตาอ่อนโยนดุจปุยฝ้ายต่อหน้าหนานหว่านเยียนเมื่อครู่ พลันเปลี่ยนเป็นมืดมนน่าสะพรึงกลัวทันที
สีหน้าเขามืดครึ้ม เจอคนมากมายยืนอยู่นอกตำหนัก
นอกจากอวี๋เฟิง เสิ่นอี่ว์และหมอหลวงหลิว ยังมีพี่น้องเซียงอวี้ที่รีบมาหลังจากได้ยินข่าว
เมื่อพี่น้องเซียงอวี้ได้ยินว่าหนานหว่านเยียนล้มป่วย ก็ปิดบังเกี๊ยวน้อย หาข้ออ้างมาที่ตำหนัก เมื่อเห็นสีหน้าของกู้โม่หานน่าเกลียดเช่นนั้น หัวใจก็เต้นแรง
ไม่มีใครเอ่ยปาก ต่างรอกู้โม่หานออกคำสั่ง
กู้โม่หานชำเลืองมองเซียงอวี้ทั้งสอง พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ฮองเฮาไม่สบาย พวกเจ้าดูแลฮองเฮาให้ดี ต้มยาตามใบสั่งยาของหมอหลวงหลิวทุกวัน สถานการณ์ร้ายแรงมิแล้วอาจชักช้า หากดูแลไม่ทั่วถึง ข้าจะให้พวกเจ้ารับผิดชอบ!”
เซียงอวี้กับเซียงเหลียนไม่กล้าเมินเฉย รีบโค้งกายขานรับทันที “บ่าวเข้าใจแล้วเพคะ”
พูดจบ สองคนพี่น้องก็เปิดประตูตำหนักอย่างระมัดระวัง เข้าไปดูแลหนานหว่านเยียน
ส่วนเสิ่นอี่ว์มองกู้โม่หานอย่างตึงเครียด ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่
หมอหลวงหลิวเพิ่งจะส่งสายตาให้เขา ฝ่าบาทรู้เรื่องฮองเฮาเหนียงเหนียงตั้งครรภ์แล้ว ไม่พอพระทัยยิ่ง
หรือว่า… เหนียงเหนียงสวมหมวกเขียว1ให้ฝ่าบาทจริงๆ
ด้วยนิสัยของเหนียงเหนียง ไม่น่าจะเป็นไปได้กระมัง
แต่เขากลับไม่ได้พูดมาก เพียงรอด้วยความนอบน้อม สังเกตทุกย่างก้าวของกู้โม่หาน
กู้โม่หานส่งสายตาเย็นชาใส่หมอหลวงหลิว “ฮองเฮาตั้งครรภ์นานเท่าไรแล้ว”
คำนวณเวลาแล้ว ก็น่าจะสามเดือน
หมอหลวงหลิวไม่กล้าปิดบัง รีบตอบด้วยความนอบน้อมว่า “ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาเหนียงเหนียงตั้งครรภ์ได้สามเดือนกว่าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หนานหว่านเยียนตั้งครรภ์มาสามเดือน? !
เมื่อได้ยิน อวี๋เฟิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจมาก
สีหน้าของเสิ่นอี่ว์เปลี่ยนไปทันที ขมวดคิ้วแน่น
คาดไม่ถึงว่า ฮองเฮาเหนียงเหนียงจะตั้งครรภ์มาสามเดือนแล้ว นั้นมันก่อนที่ฝ่าบาทจะขึ้นครองบัลลังก์
หากว่ากันตามนี้ ชัดเจนว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงจงใจจะพาครรภ์มังกรที่อยู่ในท้องหลบหนีน่ะสิ!
เหนียงเหนียงช่างกินดีหมีหัวใจเสือ ถึงได้กล้าปิดบังอย่างโอ่อ่าเช่นนี้ ตอนนี้ฝ่าบาทเขา…ต้องพิโรธหนักมิใช่หรือ
คิดเสร็จ เสิ่นอี่ว์ก็เหลือบมองกู้โม่หานอย่างระมัดระวัง อดกระดกลูกกระเดือกไม่ได้
แต่ไม่มีความว้าวุ่นบนใบหน้ากู้โม่หานสักเท่าไร
กลับกัน ดวงตาของเขามืดมนและเศร้าหมองเล็กน้อย ราวกับนึกถึงอะไรบางอย่าง นิ้วขาวซีดกำแน่นครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย
เขายังจำได้ว่าเมื่อสามเดือนก่อน เขาเพิ่งจัดการเรื่องในวังเสร็จสิ้น
เขาก็คิดว่าทุกอย่างกำลังจะเป็นไปได้สวย แต่กลับได้รู้โดยบังเอิญว่าเสด็จแม่กับหนานหว่านเยียนเป็นลมหมดสติไปพร้อมกัน
ตอนนั้นเขาทั้งรู้สึกกระวนกระวายและกังวล กลัวว่าหนานหว่านเยียนจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกมาก
แต่ไม่คาดคิดว่า เมื่อนางฟื้นขึ้นมาแล้ว ท่าทีจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ก่อนเป็นลมหมดสติ เห็นชัดว่าพวกเขายังพาเด็กไปเล่น พูดคุยและหัวเราะด้วยกันได้ แต่หลังฟื้นขึ้นมา หนานหว่านเยียนก็ไล่เขาไป ต้องการหย่าร้าง ต้องจากไปไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาขอร้องให้นางอยู่ต่อ สายตาของนางรังเกียจเขามาก เดียดฉันท์เขา กระทั่งตีแผ่เรื่องเมื่อห้าปีก่อน บอกเขาว่า นางไม่รักเขาตั้งนานแล้ว
และตั้งแต่ตอนนั้น นางก็มักจะอาเจียน แล้วยังบอกว่าคลื่นไส้เป็นเพราะมองเขา
เขาไม่เพียงเจ็บปวด กลับคาดไม่ถึงว่าหนานหว่านเยียนไม่ได้คลื่นไส้เพราะมองเขา แต่เป็นอาการแพ้ท้องของสตรีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
สามเดือนก่อน นางตั้งครรภ์แล้ว และด้วยทักษะทางการแพทย์สูงส่งของนาง ยางจะต้องรู้อยู่แล้วแน่ ถึงต่อต้านไม่ให้หมอหลวงตรวจนางเช่นนั้น
ต่อให้เขารับนางเขาวังมา นางก็ไม่มีทางยอมให้ใครตรวจ แตะต้องนางทั้งนั้น และมื้ออาหารในทุกวัน ก็มักจะกินของเปรี้ยว…
กู้โม่หานหลับตา รู้สึกขันเล็กน้อย เปลี่ยนแปลงชัดเจนขนาดนี้ เขาจะเพิกเฉยได้อย่างไร แต่สิ่งที่ตามมา กลับเป็นความโกรธและความอำมหิตที่ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ
ไม่น่าแปลกใจที่นางเจ้าอารมณ์ขนาดนั้น ทั้งจงเกลียดจงชังเขา ที่แท้นางกำลังตั้งครรภ์ และคิดจะพาลูกหนีไป
ซึ่งในตอนนั้นเขาไม่เข้าใจสตรีตั้งครรภ์ แต่เขากังวลเรื่องสุขภาพของนาง จึงบังคับตรวจนาง ทั้งให้หมอหลวงเจียงตรวจอาการด้วยตนเอง
หมอหลวงเจียงเป็นหมอมาหลายสิบปี ไม่มีทางดูไม่ออกว่านางกำลังตั้งครรภ์ กลับช่วยนางปิดบังเขา!
และมีอีกคนที่ช่วยสร้างสถานการณ์ให้นาง แกล้งตาย เพื่อพาเด็กทุกคนหนีไป หนีไปจากเขา!
อีกนิดเดียว เกือบไปแล้ว!
ดีที่สุดท้ายแล้ว เกี๊ยวน้อยพลัดแยกกับคนของหนานหว่านเยียน ไม่อย่างนั้นเขาคงสูญเสียภรรยาและลูกไปโดยสมบูรณ์ กระทั่งเรื่องที่นางตั้งครรภ์ ก็คงไม่มีทางได้อยู่ตลอดไป…
นิ้วมือของกู้โม่หานยิ่งกำแน่นขึ้น นัยน์ตาหงส์มืดทะมึนหรี่ตามองเส้นขอบฟ้าที่อยู่ไม่ไกล ร่างสูงใหญ่ตั้งตระหง่านภายใต้เสื้อคลุมมังกรยิ่งดูน่าเกรงขาม
“ข้าช่างเลี้ยงดู บริวารกลุ่มหนึ่งได้ดีทีเดียว”
ริมฝีปากบางเม้มแน่น กู้โม่หานพ่นคำเหล่านี้ออกมาอย่างแรง
กลุ่มคนต่างมองหน้ากัน ไม่รู้เหตุผล
สายตาเคร่งขรึมของกู้โม่หานมองทางอวี๋เฟิง “ประกาศราชโองการ โบยหนักหมอหลวงเจียงสิบไม้ แล้วส่งเข้าคุก!”
“เขามีความผิด กล้าร่วมมือกับฮองเฮาปิดบังข้า ความผิดฐานหลอกลวงกษัตริย์ควรได้รับโทษ แต่เพื่อเห็นแก่ฮองเฮา ข้าจะไว้ชีวิตเขา รอวันเนรเทศ!”
เมื่อผู้คนได้ยินต่างสั่นสะท้าน สีหน้าทยอยเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ
หมอหลวงเจียงอายุอานามหลายสิบปีแล้ว ต่อให้โบยสิบไม้ ก็ไม่แน่ที่จะแบกรับไหว…
อวี๋เฟิงก็ตัวสั่นด้วยความกลัวเช่นกัน พยักหน้าซ้ำๆ “กระ กระหม่อมจะดำเนินการทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”
กู้โม่หานสะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างแรง ใบหน้าหล่อเหลาดุดันไร้ที่เปรียบ
ยังมีบางเรื่อง ที่เขาต้องไปถามหยุนอี่ว์โหรวให้กระจ่าง
ตัวอย่างเช่น เขาไม่เคยแตะต้องนางเลยในคืนนั้น…
(1) สวมหมวกเขียว หมายความว่า ภรรยามีการคบชู้ หรือภรรยานอกใจ