ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 738
เสิ่นอี่ว์ที่ตามประกบหลัง เมื่อเห็นว่ากู้โม่หานกำลังไปตำหนักกวนโม่ สายตาพลันเย็นชาลงทันที เอื้อมมือไปลูบจดหมายในอก
หยุนอี่ว์โหรว ช่างเป็นเหตุแห่งความชั่วร้ายเลวทราม
ตำหนักกวนโม่ในขณะนั้นเอง หยุนอี่ว์โหรวนั่งอยู่ที่โต๊ะ ในมือถือเข็มปักผ้ากำลังปักอะไรบางอย่างอยู่
มุมปากของนางยกขึ้นเบาๆ ความพอใจในดวงตาเหนือคำบรรยาย
เมื่อคิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนคงแตกหักกันแล้วกระมัง นางแค่นั่งบนภูดูเสือกัดก็พอแล้ว
แต่นางยังไม่ทันได้คิดจบ ประตูใหญ่ของตำหนักกวนโม่ก็ถูกคนเตะเปิดอย่างแรง เสียงโกรธเกรี้ยวพลันดังขึ้นมา
“หยุนอี่ว์โหรว!”
สีหน้าของหยุนอี่ว์โหรวเปลี่ยนไปเล็กน้อย หันหน้าไปก็มองเห็นกู้โม่หานที่ก้าวเท้ายาวเข้ามาตรงประตู
ร่างของชายหนุ่มสวมชุดคลุมมังกรเต็มไปด้วยความโอ่อ่า ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาอึมครึมเย็นชา หว่างคิ้วขมวดผูกกันเป็นปม
สีหน้าเสิ่นอี่ว์ที่อยู่ข้างหลังกู้โม่หาน ก็ไม่น่าดูเช่นเดียวกัน
หยุนอี่ว์โหรวตอบสนองทันที ลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจระคนดีใจ ถือเสื้อผ้าเด็กที่ปักได้ครึ่งหนึ่งไว้ในมือ เร่งสาวเท้าเดินไปตรงหน้ากู้โม่หาน
นางกะพริบตา ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับกวางน้อย คำพูดวาจาก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงและกังวลต่อกู้โม่หาน “ฝ่าบาท”
“เมื่อครู่อี่ว์โหรวกำลังปักผ้าให้ลูกในท้องอยู่ ไม่ได้ยินเสียงประกาศแจ้ง จึงมารับเสด็จไม่ทัน ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษด้วยเพคะ”
ดวงตาเย็นชาดุจมีดของกู้โม่หานจ้องมองหยุนอี่ว์โหรว ไม่มีความเจ็บปวดและความโกรธแค้นจากการถูกทรยศแม้แต่น้อย ทั้งยังใจเย็นเป็นพิเศษอีกด้วย ดินเข้าห้องตามนางไป “ข้ามีเรื่องจักถามเจ้า”
เสิ่นอี่ว์ยืนอยู่ข้างนอกตำหนัก ไม่ได้เข้าไป
ซึ่งหยุนอี่ว์โหรวรู้ว่า กู้โม่หานต้องมาเพราะเรื่องของหนานหว่านเยียน
แต่นางก็พยักหน้าโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน เอ่ยอย่างอ่อนโยนและสุภาพเรียบร้อย “แม้อี่ว์โหรวจะไม่รู้ว่าพระองค์มีเรื่องด่วนอันใด ทั้งยังมีโทสะมากเพียงนี้ แต่ฝ่าบาทก็ควรดื่มน้ำสักหน่อยค่อยตรัสเถอะเพคะ”
“ปี้หยุน รีบมารินชาให้ฝ่าบาท!”
“เพคะ เหนียงเหนียง” ปี้หยุนที่ปรนนิบัติอยู่ในตำหนัก เหลือบมองสีหน้ากู้โม่หานอย่างระมัดระวัง แล้วรินชาส่งให้กู้โม่หานตัวสั่น “ฝ่าบาท เชิญเสวยเพคะ”
กู้โม่หานรับแก้วมาแต่กลับเขวี้ยงลงพื้นทันที
หยุนอี่ว์โหรวพลันตกใจ ไม่คาดคิดว่ากู้โม่หานโมโหมากเช่นนี้ จึงรีบให้ปี้หยุนถอยไป
นางฝืนยิ้ม วางผ้าปักในมือลง ยื่นมือออกไปค่อยๆ เช็ดเสื้อคลุมมังกรที่ชุ่มไปด้วยชาของกู้โม่หาน “ฝ่าบาทพระองค์อย่าเพิ่งมีโทสะ มีเรื่องอันใด…”
กู้โม่หานไม่รอให้หยุนอี่ว์โหรวพูดจบ ก็สะบัดแขนเสื้อออก ไม่ให้นางเข้าใกล้สักนิด จ้องมองสตรีที่เหมือนไม่มีพิษมีภัยตรงหน้าด้วยสายตาเฉียบคม
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาปกคลุมไปด้วยความเย็นเยือก น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าหวาดหวั่น “ข้าถามเจ้า คืนวันส่งท้ายปี มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!”
หยุนอี่ว์โหรวแสดงสีหน้าเจ็บปวด และตกตะลึง “ฝ่าบาทพระองค์หมายความว่าอย่างไร คืนนั้น ไม่ใช่คืนเข้าหอของพวกข้าหรือ…”
“ยังจะกล้าพูดจาโป้ปด!” สีหน้าของกู้โม่หานมืดครึ้ม ตบโต๊ะอย่างแรง “หยุนอี่ว์โหรว วาจาเจ้ายังมีคำใดเป็นเรื่องจริงบ้าง คืนนั้น เจ้าทำอะไรไป บอกความจริงมาซะดีๆ!”
หยุนอี่ว์โหรวยิ่งแสดงสีหน้ามึนงงและไร้เดียงสามากขึ้น กำลังจะร้องไห้ออกมา “ฝ่าบาท อี่ว์โหรวไม่เคยโกหกพระองค์สักครั้งเลยนะเพคะ!”
“คืนนั้น อี่ว์โหรวรู้ว่าร่างกายของพระองค์ไม่ใคร่สบาย จึงไปหาหวางหมัวมัว ด้วยได้รับอนุญาตจากหวางหมัวมัว ถึงได้ไปที่เรือนซีเฟิงของพระองค์ ตอนนั้น ตอนนั้นอี่ว์โหรวเห็นฮองเฮาเหนียงเหนียงก็อยู่ในเรือน โต้เถียงอยู่กับพระองค์”
“เดิมอี่ว์โหรวรู้สึกท้อแท้คิดจะจากไป แต่ไม่คิดว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงจะตบพระองค์แล้วก็จากไป”
“ตอนนั้นอี่ว์โหรวเป็นห่วงพระองค์ จึงรีบไปพบ ใครจะรู้ว่า ใครจะรู้ว่าจะมีความสัมพันธ์กับพระองค์ทั้งคืน…”
คำพูดนี้ ไม่ต่างกับกับประโยคที่นางเคยบอกกับเขาก่อนหน้านี้แม้แต่ประโยคเดียว
กู้โม่หานก้มลงมองหยุนอี่ว์โหรว “เจ้าเห็นว่าฮองเฮาไม่ได้เข้าไปในห้องของข้า จากนั้นเจ้าก็เขาไปรึ”
หยุนอี่ว์โหรวใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก แต่ยังคงพยักหน้าตอบ “เพคะ”
มุมปากของชายหนุ่มยกโค้งรอยยิ้มกระหายเลือดน่าสยดสยอง น้ำเสียงเหมือนแช่อยู่ในถ้ำน้ำแข็ง แผ่เจตนาฆ่าที่รุนแรง
“ต่อหน้าข้ายังจะกล้าโกหกอีก เจ้าคงเบื่อชีวิตจริงๆ สินะ…”