ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 751
อะไรนะ?!
ยามนี้เองแม้แต่ปี้หยุนก็ยังสับสนงวยงงแล้ว นางมองไปทางหยุนอี่ว์โหรวที่อยู่ด้านข้างด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับเสิ่นอี่ว์ เมื่อผู้คนตลอดทั่วทั้งจวนอี้อ๋องล้วนได้ทราบว่าผู้ร้ายคือพ่อบ้านกาวนั้น ต่างก็เห็นว่าช่างไร้เหตุผลจนน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งแล้ว คิดมิถึงว่าหยุนอี่ว์โหรวนั่นเองจึงเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่คอยชักใยบงการอยู่เบื้องหลัง!
หยุนอี่ว์โหรวเองก็ชะงักกึกสีหน้าหมองคล้ำเช่นกัน รู้สึกตระหนกตกใจสับสนวุ่นวายจนทำอะไรมิถูก คิดมิถึงอย่างเด็ดขาดว่าเรื่องนี้จะเชื่อมโยงพัวพันมาถึงนาง
เรื่องยุ่งๆ วุ่นวายโกลาหลคร่าชีวิตทั้งสามนี้ ภายใต้หลักฐานผูกมัดหนาแน่นดุจดั่งภูเขาบรรพต ต่อให้นางสติปัญญาสูงล้ำยิ่งกว่านี้ คราวนี้ก็มิสามารถสลัดรอดพ้นได้แล้วเช่นกัน……
ใบหน้าที่ขาวเนียนหล่อเหลาคมคายของกู้โม่หาน ยามนี้เขียวคล้ำหม่นหมองน่าสะพรึงกลัว พยายามฝืนข่มสติอารมณ์ ดวงตาเย็นเยียบถมึงทึงจ้องมองจดหมายฉบับที่สามเขม็ง ริมฝีปากบางซีดขาวอยู่บ้างเล็กน้อย โกรธเคืองเกรี้ยวกราดราวกับต้องการทำลายจดหมายให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
เสิ่นอี่ว์เห็นสถานการณ์เช่นนั้น เขาคุกเข่าลงตรงหน้ากู้โม่หานด้วยความเคารพนอบน้อมอย่างยิ่ง กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังและหนักแน่นว่า
“กราบบังคมทูลฮ่องเต้ สิ่งที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงกล่าวมาทั้งหมดในวันนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าน้อยตรวจสอบมาด้วยตนเองในช่วงหลายวันมานี้ มิใช่เรื่องเท็จแปลกปลอมอย่างเด็ดขาดพะย่ะค่ะ”
เสิ่นอี่ว์ขบคิดแล้วพูดขึ้นอีกว่า “กราบบังคมทูลฮ่องเต้ ตอนนั้นสืบเนื่องเพราะข้าน้อยได้พบความจริงแล้วว่า หยุนอี่ว์โหรวเป็นผู้สร้างข่าวลือเกี่ยวกับคุณหนูทั้งสองนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่นางหาใช่เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของพระองค์ไม่ จึงได้ถูกหยุนอี่ว์โหรวและพ่อบ้านกาวร่วมวางแผนเล่นงาน จนเกือบเสียชีวิตไปแล้วพะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้ข้าน้อยล้วนจำขึ้นมาได้ทั้งหมดแล้ว จึงได้นำเรื่องราวทั้งหมดออกมาเปิดเผยจนหมดสิ้น หวังว่าคนที่กระทำผิดความคิดชั่วร้ายจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ในที่สุด! มิอาจปล่อยให้ลอยนวลอยู่เหนือกฎระเบียบบ้านเมืองต่อไปพะย่ะค่ะ!”
ภายในห้องโถงใหญ่เงียบสงัดดุจความตายก็มิปาน ไม่มีใครสักคนหาญกล้าพูดจามากความ เซียงอวี้และคนอื่นๆ ต่างจ้องมองด้วยความโกรธเคืองอยู่เช่นนี้ ตั้งหน้าตั้งตารอคอยผลลัพธ์
นิ้วเรียวยาวสวยงามของหนานหว่านเยียนลูบคลำอยู่ตรงบริเวณท้อง คอยมองดูศีรษะสั่นสะท้านมิหยุดนิ่งตลอดเวลาของหยุนอี่ว์โหรว สีหน้าซีดเผือดอีกทั้งแก้มก็บวมแดง และดวงตาเย็นชา
ตอนนี้โทษฐานความผิดสามข้อหาล้วนระบุอย่างชัดเจนแล้ว หากครั้งนี้กู้โม่หานยังจะปกป้องหยุนอี่ว์โหรวอีกละก็ เช่นนั้นเขาก็เป็นได้เพียงแค่คนโง่เขลาเบาปัญญาคนหนึ่งเท่านั้นแล้วจริงๆ!
แต่กู้โม่หานย่อมมิใช่คนโง่เขลาเบาปัญญา เส้นเลือดบนหน้าผากปูดขึ้นมาแล้ว เหมือนกับมีมือข้างหนึ่งยื่นเข้าไปในหน้าอกของเขา แล้วก่อกวนสร้างความปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง กำลังฉีกกระชากอวัยวะภายในของเขา
หลักฐานเหล่านี้ คล้ายดั่งเป็นแส้เหล็กฟาดกระหน่ำใส่บนใบหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
หากพูดว่าหยุนอี่ว์โหรวมีส่วนร่วมในการกระจายข่าวลือละก็ เขาเองก็เคยสงสัยมาก่อน แต่เรื่องราวของผู้มีพระคุณช่วยชีวิตและการวางแผนลอบสังหารเสิ่นอี่ว์สองเรื่องนี้ เขากลับไม่เคยสงสัยมาก่อนเลยจริงๆ และก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า สตรีลักษณะอย่างหยุนอี่ว์โหรวเช่นนี้ กลับสามารถกระทำเรื่องราวบ้าคลั่งวิปลาสอย่างยิ่งถึงเพียงนี้ออกมาได้!
เพลิงโทสะภายในใจเขาพุ่งพรวดทีเดียวขึ้นไปถึงกลางกระหม่อมแล้ว เขาจ้องเขม็งมองดูหยุนอี่ว์โหรวที่สีหน้าซีดเผือดแล้วอย่างโกรธเคือง
“ข้ามิเคยคิดมาก่อนว่า เจ้ากลับชั่วร้ายยิ่งนักจนหมดสิ้นหนทางเยียวยาถึงเพียงนี้แล้ว!”
“วันนั้นหากมิใช่ข้าเป็นคนออกหน้าเอง เด็กหญิงตัวเล็กๆ สองคนนั้นก็คงเสียชีวิตไปแต่แรกแล้ว! เจ้าทราบอยู่อย่างชัดเจนว่าลูกน้อยสองคนนั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า กลับยังหาญกล้าวางแผนลอบทำร้ายในลักษณะเช่นนี้อีก!”
“นอกจากนี้ยังมีเสิ่นอี่ว์ เขาเสี่ยงชีวิตความเป็นตายเพื่อข้า เป็นทั้งแขนซ้ายและแขนขวาของข้า เจ้ากลับบงการพ่อบ้านกาวไปสังหารคนเพื่อปิดปาก ทำร้ายเขาจนต้องได้รับโทษหนักหนาสาหัสมากถึงเพียงนี้! เจ้าช่างสมควรตายจริงๆ!”
หยุนอี่ว์โหรวตื่นตระหนกจนขวัญเสียโดยสิ้นเชิงแล้ว สีหน้าแววตาหวาดหวั่นพรั่นพรึงอย่างมิมีสิ้นสุด “กราบบังคมทูลฮ่องเต้ เรื่องราวหาได้เป็นอย่างที่ท่านคิดเช่นนั้นไม่ มิใช่จริงๆ นะเพคะ!”
“ท่าน ท่านฟังหม่อมฉันอธิบาย หม่อมฉัน……”
กู้โม่หานโกรธเคืองเกรี้ยวกราดมากยิ่งขึ้น รังสีเย็นเฉียบบริเวณโดยรอบร่างกายยังกอปรด้วยไอเย็นหยาดน้ำแข็ง เสียดแทงผู้คนจนรู้สึกเจ็บปวด
“ข้ามิต้องการคำอธิบายของเจ้า ข้า——”
“ต้องการสิ ไฉนจึงมิฟังคำอธิบายล่ะ?” หนานหว่านเยียนขัดจังหวะคำพูดของกู้โม่หานไปแล้วโดยตรง ภายในดวงตาสวยงามทั้งคู่เต็มเปี่ยมด้วยความเคียดแค้นโกรธเคือง จ้องมองดูหยุนอี่ว์โหรวตาเขม็ง “เรื่องราวทั้งสามประการนี้ เจ้าจะมีคำอธิบายแก้ข้อกล่าวหาอันใด เวลานี้ก็สามารถพูดได้แล้ว”
นางหาใช่ต้องการมอบโอกาสแก่หยุนอี่ว์โหรวไม่ แต่มิต้องการให้ปรากฏหยุนอี่ว์โหรวคนที่สองขึ้นมาอีก
เรื่องราวอันดับแรกนั้นนางมิอาจรับรองได้ กล่าวถึงที่สุดแล้วมิใช่เด็กทั้งหมดทุกคนต่างล้วนเป็นเด็กดี แต่เรื่องราวสองประการหลังนั้น เห็นได้ชัดว่าหยุนอี่ว์โหรวมิมีความสามารถที่จะกระทำสำเร็จได้
นอกจากนี้นางไฉนจึงสามารถสั่งการพ่อบ้านกาวได้? ซึ่งแม้แต่กู้โม่หานเองก็ยังมิสามารถสั่งการพ่อบ้านกาวได้ด้วยซ้ำ!
เนื่องเพราะพ่อบ้านกาวหาใช่คนของแคว้นซีเหย่ไม่!
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ศักดิ์ฐานะของหยุนอี่ว์โหรวต้องมิรวบรัดธรรมดา หรือไม่ก็มีคนคอยบงการอยู่เบื้องหลังนาง!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางล้วนต้องค้นหาความจริงออกมา มิฉะนั้นฝ่ายตรงข้ามยังต้องพุ่งเป้าเล่นงานนาง พุ่งเป้าเล่นงานลูกน้อยของนาง!
กู้โม่หานถูกแผดเผาอยู่ท่ามกลางเพลิงโทสะ แววตาเต็มเปี่ยมด้วยเจตนาสังหาร เวลานี้เขาแทบทนรอไม่ได้ที่จะจัดการกับหยุนอี่ว์โหรวให้สาสมใจ แต่หนานหว่านเยียนมีคำพูดต้องการถาม เขาจึงได้แต่ข่มเพลิงโทสะทั้งหมดไว้ สงบเงียบมิพูดจาใดๆ
สีหน้าของหยุนอี่ว์โหรวซีดเผือด เสื้อผ้าอาภรณ์บนร่างเปียกชุ่มโชกด้วยเหงื่อเย็นเยียบแล้ว
มีเรื่องราวบางอย่าง แม้ว่านางจะหาได้ล่วงรู้สถานการณ์เจาะจงอย่างแน่ชัด แต่ด้วยหลักฐานอันแน่นหนาตรงหน้า นางมิสามารถพูดอะไรทั้งสิ้น และไม่สามารถจะปฏิเสธเช่นกัน ยิ่งมิสามารถใช้เล่ห์ลิ้นเล่นคารมพูดจาโต้แย้งคัดค้านได้ จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยตกกระไดพลอยโจน คิดหาวิธีอธิบายเรื่องราวให้กระจ่างอย่างแท้จริง
นางได้รับโอกาสมีชีวิตใหม่แล้วอย่างยากลำบากแสนเข็ญ มิอาจทำให้ตนเองละทิ้งชีวิตไปเปล่าๆ อีกครั้งด้วยสาเหตุนี้!
แต่นางก็ประเมิน “นาง” ต่ำเกินไปแล้วจริงๆ เช่นกัน นางได้เข้าไปแทนที่เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของผู้อื่นอย่างได้เปล่า แล้วยังวาดมือวางเท้าแสดงอำนาจบารมีมานานร่วมสิบปี และทำให้ทุกคนเชื่อถือเรื่องนี้สนิทโดยมิสงสัย ตลอดจนทำให้หนานหว่านเยียนถูกผู้คนทั่วใต้หล้าพากันรังเกียจเดียดฉันท์
สตรีลักษณะเช่นนี้ ช่างอันตรายชั่วร้ายอำมหิตอย่างยิ่งจริงๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ผู้ใดใช้ให้นางไปกระทำเรื่องยุ่งๆ วุ่นวายโกลาหลเช่นนี้ด้วยตัวเอง
ตอนนี้นางได้แต่พยายามทุกวิถีทางไปแก้ไขแล้ว มิอาจให้ มิอาจให้มิว่าผู้ใดมาช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่นางมีอยู่ในตอนนี้ไป!
สายตาหยุนอี่ว์โหรวจ้องมองไปที่กู้โม่หาน กัดฟันร้องห่มร้องไห้พูดขึ้นอย่างขมขื่นว่า “มิผิด หม่อมฉันสามารถอธิบายได้ เรื่องเหล่านี้หม่อมฉันล้วนเป็นคนทำทั้งสิ้น แต่ทว่ามันหาใช่ความรับผิดชอบที่หม่อมฉันต้องแบกรับเอาไว้ทั้งหมดไม่……”
“อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระเหล่านี้” หนานหว่านเยียนมองหยุนอี่ว์โหรวด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงทั้งเย็นเยียบและไร้ความปรานี “ช่วงเวลาตอนที่เจ้ายังถูกกักบริเวณอยู่ในเรือนจู๋หลานนั้น เจ้าสามารถร่วมมือกับหนานชิงชิงด้วยวิธีใด?”