ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 764
ถึงแม้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้จะจบลงไปแล้ว แต่เรื่องที่หนานหว่านเยียนได้สั่งสอนหยุนอี่ว์โหรวอย่างหนักในตำหนักหยูซิน กลับไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้คนจินตนาการไว้ ว่าจะทำให้กลายเป็นความวุ่นวายนั้นจะถูกกล่าวขานไปจนทั่ว
ดูเหมือนว่าจะมีคนห้ามปราบปรามไว้ และไม่ได้พัดกระพือสร้างปัญหามากนัก
แต่พอเวลาผ่านไปหนึ่งวัน เรื่องที่หนานหว่านเยียนกำลังตั้งพระครรภ์ กลับได้ถูกแพร่กระจายไปทั่วทุกตำหนักและทุกเรือน สิ่งที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ต่างก็เป็นเรื่องที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงกำลังตั้งพระครรภ์ได้สามเดือนกว่าแล้ว และฮ่องแต้เองก็ยิ่งรักใคร่นางมากยิ่งขึ้นไปอีก
ไม่เพียงแต่แค่ตกแต่งเครื่องเรือนใหม่ในตำหนักหยูซิน รวมทั้งของทุกอย่างที่เป็นสิ่งแหลมคม ก็ต้องห่อหุ้มด้วยผ้าทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงฮองเฮาเหนียงเหนียงจะไปกระแทก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อคืนกลุ่มช่างฝีมือ ยังได้ปรับระดับธรณีประตูตรงหน้าห้องบรรทมของตำหนักหยูซินให้เสร็จภายในคืนเดียวแล้วยังบอกอีกว่าวันนี้จะรีบเร่งทำประตูไม้ใหม่แล้วส่งมาให้
ตรงหน้าประตูตำหนักหยูซิน สาวใช้ในวังหลายคนที่เดินผ่านต่างก็โผล่หัวเข้ามาดูเป็นครั้งคราว แสดงออกถึงสีหน้าที่อิจฉาเป็นอย่างยิ่ง
ในบรรดานั้นมีคนหนึ่งที่ใส่ชุดสาวใช้ในวังใช้สีเขียว ได้ถอนหายใจเบาๆแล้วพูดว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียงวาสนาดีจริงๆ สามารถได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
ส่วนอีกด้านหนึ่งก็มีคนพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง แต่เหมือนข้าได้ยินมาว่า เมื่อคืนนี้ทางด้านของตำหนักกวนโม่ เงียบจนน่าขนลุก! เหมือนกับว่าโหรวเฟยเหนียงเหนียง ตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นมา ก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย”
สาวชาวในวังที่ใส่ชุดสีเขียวรีบปิดปากคนที่อยู่ข้างๆ “ชูว์!เจ้าเสียงเบาหน่อย นี่เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆใช่ไหม?”
หลังจากนั้น นางก็กลอกตาไปมา แล้วแนบไปที่หูของคนข้างๆพูดว่า “ข้าได้ยินข่าวคำบอกเล่ามาว่า โหรวเฟยเหนียงเหนียง นาง นางเหมือนกับว่าถูกฮ่องเต้หย่าแล้ว!”
“หะ?” อีกคนหนึ่งรีบแสดงอาการสีหน้าประหลาดใจ ดวงตาของนางต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจ “เป็นเรื่องจริงหรือปลอม?ถ้าเช่นนั้นนางก็จะกลายเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไปนะสิ?”
สาวใช้ในวังที่ใส่ชุดสีเขียวพูดต่อว่า “แต่ก็เป็นเพียงคำบอกเล่า ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือปลอม แต่เหมือนได้ยินมาว่า ถึงแม้โหรวเฟยเหนียงเหนียงจะถูกฮ่องเต้หย่าแต่หนังสือหย่านั้นได้ถูกไทเฮาเหนียงเหนียงยึดไปแล้ว ดังนั้นเรื่องก็เลยไม่ได้บานปลาย”
“อัยหยา ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม ข้าคิดไว้แล้วว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงยังไงก็ต้องเป็นเจ้าของตัวจริงของวังหลังนี้อย่างแน่นอนหลังจากนี้ไป
พวกเราก็แค่ต้องดูแลเหนียงเหนียงให้ดีก็พอ คำพูดที่มากเกินไป เจ้าห้ามพูดไร้สาระแม้แต่เพียงครึ่งคำเชียวนะ!”
อีกคนหนึ่งพยักหน้าตอบ แล้วจ้องมองไปที่ประตูใหญ่ของตำหนักหยูซินอย่างเซ่อเช่อแล้วโดนสาวใช้ในวังชุดสีเขียวลากออกไป
นับจากวันนี้เป็นต้นไป ก็จะมีแขกทยอยกันมาตำหนักหยูซินอย่างไม่ขาดสาย จะมีทั้งองค์หญิงและแขกตระกูลสูงศักดิ์ก้าวผ่านประตูธรณีนี้ต่างก็จะพยายามมาเอาใจหนานหว่านเยียนกัน
แต่ก็ไม่มีข้อยกเว้น ต่างก็โดนพี่สาวเซียงอวี้และเฟิงยางไล่ออกไป
ตลอดทั้งวันหนานหว่านเยียนก็อยู่แต่ในตำหนักบรรทม ไม่พบใครทั้งนั้น
แต่ถึงแม่ว่าจะเป็นเช่นนี้ คนพวกนั้นก็ยังคงส่งของกำนัลมาให้ หวังก็แต่ว่าตอนที่หนานหว่านเยียนอยู่ต่อหน้ากู้โม่หาน จะสามารถช่วยพูดความดีของพวกเขาบ้าง
แต่ในเวลนี้ ข้างนอกวังนั้น
หลิวช่างชูมองไปที่ข่าวสารที่คนในวังส่งมาให้ ขมวดคิ้วไว้แน่นและเม้มริมฝีปาก ด้วยความสงสัยและตกใจอย่างสุดจะพรรณนา
เพื่อไม่ให้กู้โม่หานเอือมระอาเขา เขาได้อ้างว่าป่วยและไม่ได้เข้าเฝ้าในท้องประโรงติดต่อกันมาสองวันแล้ว ใครจะไปคิดว่าในระยะเวลาสั้นๆในสองวันนี้ ภายในราชวังมีการเปลี่ยนแปลงและยังมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายอีก
ก่อนหน้านี้ที่ได้ผ่านเหตุการณ์มาจากตำหนักหย่างซิน จากที่ได้เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของ “ไป๋จื่อ”เป็นต้นมา ภายในใจของเขาก็มีความแค้นใจต่อหนานหว่านเยียนเป็นอย่างยิ่ง
มาตอนนี้พอได้รู้ข่าวว่าหยุนอี่ว์โหรวได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขายากที่จะเชื่อว่า การที่หยุนอี่ว์โหรวได้หายตัวไปนั้นไม่เกี่ยวข้องกับหนานหว่านเยียนเลยแม้แต่นิดเดียว
พระชายาที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ทั้งคนได้หายไป แล้วยังบังเอิญ ตรงกับช่วงเวลาหลังจากที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงได้กลับวังและรายงานตัวเปิดเผยฐานะของตัวเอง จากนั้นก็ไม่พบนางอีก
เมื่อคิดดูแล้ว ต้องเป็นเพราะว่าเสือสองตัวอยู่ร่วมถ่ำเดียวกันไม่ได้เป็นแน่ ฮองเฮาเหนียงเหนียงได้ลงมือจัดการโหรวเฟยแล้ว
หลังจากคิดเรื่องนี้ ภายใต้ดวงตาของหลิวช่างชูได้ฉายแสงเย็นชาออกมา
หนานหว่านเยียนคนนี้ มีอิทธิพลต่อฮ่องเต้อย่างมากนัก! แทบจะปกคลุมท้องฟ้าด้วยมือเดียวแล้ว!
ในฐานะที่เป็นขุนนางผู้ภักดี หากเขายังไม่ทำอะไรอีก เกรงว่าฮ่องเต้อาจถูกนางหลอกให้ลุ่มหลงควบคุมจิตใจ จนถอนตัวขึ้น!
หลิวช่างชูรีบออกไปโดยทันที และได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สำคัญหลายคน พวกเขามารวมตัวกัน หารือกันว่าควรจะทำอย่างไรกันดี……
เที่ยงวัน ฎีการ้องทุกข์ฉบับหนึ่งก็ถูกเฉินกงกงที่สั่นเทาสั่นระริก ส่งมาถึงมือของกู้โม่หาน
ในเวลานั้นกู้โม่หานกำลังจัดการเรื่องราวราชการแผ่นดินอยู่ คิ้วดาบที่เรียวและคมก็ได้ลดลงเล็กน้อย
เขาเปิดฎีการ้องทุกข์มาดู แล้วหลังจากนั้น พลังเย็นยะเยือกก็ปะทุออกมาจากร่างของเขา กู้โม่ห่านขมวดคิ้วเรียวยาวขาวของเขา และได้พลิกดูอยู่สองสามหน้าอย่างไม่ทางการ ทันใดนั้นก็ได้ใช้แรง ทำให้ฎีการ้องทุกข์นั้นได้กลายเป็นเศษผง
“ชายแก่พวกนี้ ทั้งวันไม่ทำเรื่องที่มีประโยชน์ ชอบสนใจแต่เรื่องวังหลังของข้า หรือเป็นเพราะว่ากินอิ่มจนมากเกินไป หรือว่าคำพูดของข้า พวกเขาทำเป็นหูทวนลมใช่ไหม?!”
บนฎีการ้องทุกข์นี้ ทุกๆคำทุกๆคำพูดเสนาบดีทั้งหลายต่างก็แสดงถึงความไม่พอใจต่อหนานหว่านเยียนทั้งนั้น
ว่าอะไรนะว่าสตรีคนนี้ไม่มีคุณธรรม หากยังปล่อยไว้อยู่แบบนี้ วังหลังคงจะเกิดภัยพิบัติแน่ๆ จะทำให้แคว้นซีเหย่ทั้งเมืองเกิดภัยพิบัติและทำให้ไม่มีความสงบสุข
ผู้หญิงของเขา เป็นเรื่องที่ต้องการให้พวกเสนาบดีเหล่านั้นมายุ่งวุ่นวายระเกะระกะมาชี้แนะแนะนำกันเสียตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!
เฉินกงกงได้แต่ฟังกู้โม่ห่านระบายความโกรธ ไม่กล้าที่จะออกเสียง
แต่ว่าภายในใจของเขานั้น ยังคงมีความกังวลในคำให้ร้ายพวกนั้นเล็กน้อย
แม้จะกล่าวกันว่ากษัตริย์มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว แต่เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อผู้คนและข้าราชบริพารนี้ได้ น้ำช่วยพยุงเรือได้ก็ล่มเรือได้เช่นกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับกษัตริย์ ก็คือการรักษาสมดุลอำนาจของโลก จัดการดูแลบริหารราชการแผ่นดินให้ดี ทำให้แคว้นซีเหย่เจริญรุ่งเรืองและแข็งแกร่งขึ้น
แต่ว่าฮ่องเต้นั้นเพื่อเหนียงเหนียงแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับข้าราชบริพารกลับแข็งกร้าวครั้งแล้วครั้งเล่า นี่ถือว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยจริงๆ……
เฉินกงกงได้แต่นำคำพูดเหล่านี้ทั้งหมดทำให้แตกกระจายแล้วกลืนมันลงไป ทำได้เพียงแต่เชิดหน้าขึ้นด้วยความอกสั่นขวัญหาย แล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “แล้ว แล้วถ้าเช่นนั้นฝ่าบาท ในตอนนี้ท่านจะทำอย่างไรดีเพค่ะ?”
ดวงตาคมเหมือนนกเหยี่ยวของกู้โม่ห่าน เพียงแค่มองเฉินกงกงด้วยสายตาที่เย็นฉาแวบเดียว ก็สามารถบังคับให้เขาเงยหัวขึ้นมาได้
นิ้วเรียวยาวของเขาแตะลงบนโต๊ะอย่างเป็นจังหวะ และเสียงที่เศร้าหมองก็ดังขึ้นแผ่วเบา
“หลังจากนี้เป็นต้นไป หากเป็นสาส์นกราบทูลแบบนี้ทั้งหมดก็เก็บมันไว้ไม่ต้องขยับ ไม่ต้องนำมาถวายให้ข้าเห็นแม้แต่เพียงอันเดียว!”
นอกจากนี้ หลิวช่างชูรายละเอียดชื่อผู้คนที่ลงนามในหนังสือ ช่วยข้าปิดไว้อย่างเข้มงวด หากฮองเฮาได้ยินอะไรที่ไม่ควรจะได้ยิน ข้าจะจัดการเจ้า!”
“เพค่ะ ฝ่าบาท!” เฉินกงกงตอบรับอย่างตัวสั่น แล้วรีบไปจัดการเรื่องนี้อย่างโดยด่วน
กู้โม่ห่านนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือ มีอาการใจร้อนอยู่ไม่เป็นสุขเล็กน้อย
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ภายในใจของเขาก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจร้อนรน เขายังไม่ได้จัดการเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับหนานหว่านเยียนเลย พวกกระดูกเฒ่าสนใจแต่เรื่องรื่นเริงไม่สนใจเรื่องใหญ่ แล้วยังจะร้อนใจคิดจะหาเรื่องอีก
กระทบต่อการง้อภรรยาของเขาจริงๆ