ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 773
“บ่าวได้ยินมาว่า แม่ของแม่ทัพน้อยป่วยอย่างกะทันหัน อาการป่วยหนักมาก เชิญหมอหลวงมาก็ไม่มีหนทางเยียวยารักษา”
สีหน้าของหนานหว่านเยียน เปลี่ยนไปทันที “ร้ายแรงเช่นนี้เชียว มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
อย่างไรก็ตาม นางก็ติดหนี้บุญคุนหยุนเหิง ตอนนี้แม่ของหยุนเหิงป่วย นางมีความสามารถ ก็ย่อมไม่อาจนิ่งเฉยได้
เฟิงยางส่ายหน้า “ไม่แน่ใจ แม่ทัพน้อยไม่ได้บอกไว้ บ่าวได้ยินมาจากพวกนางกำนัลที่เดินผ่านมา”
“บ่าวคิดว่า แม่ทัพน้อยหยุนไม่ต้องการให้ท่านเป็นกังวล จึงปกปิดไว้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนานหว่านเยียนก็ขบริมฝีปากแดงเบาๆ ครุ่นคิด แต่ไม่มีทีท่าว่าจะพักผ่อนอีก นางหันหลังเดินไปที่ด้านนอกตำหนัก “ตามข้าออกไปสักครู่”
“เจ้าคะ”
สองนายบ่าวเดินตามกันไปตามทาง ทันใดนั้นนางกำนัลหลายคนก็เข้ามาหา
“เสี่ยวชุ่ย เจ้าได้ข่าวไหม ดูเหมือนว่าวันนี้หมอหลวงเจียงจากสำนักหอหลวงจะถูกลงโทษแล้ว!”
“ข้าได้ยินมา! รู้สึกว่าจะถูกโบยหนัก! เจ้าว่า หมอหลวงเจียงอายุมากแล้ว ถูกโบยหลายสิบครั้ง เขาจะยังรอดหรือไม่?”
“จะรอดหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฮ่องเต้มีรับสั่งให้เนรเทศหมอหลวงเจียง ห้ามกลับเมืองหลวงตลอดชีวิต”
ฝีเท้าของหนานหว่านเยียนหยุดลง สีหน้าเย็นชาน่าสะพรึงกลัวทันที
เฟิงยางเห็นดังนั้นก็คว้าคอเสื้อของนางกำนัลไว้ทันที แล้วคาดคั้นถามอย่างเย็นชา “เมื่อกี้พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?”
นางกำนัลทั้งสองตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากเห็นหนานหว่านเยียนถึงได้สติกลับมา แล้วคุกเข่าลงแสดงความเคารพอย่างตื่นตระหนก
“บ่าวสมควรตาย! บ่าวไม่ควรนินทาไร้สาระในวังหลัง ฮองเฮาเหนียงเหนียงได้โปรดลงโทษด้วย!”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว มองไปที่นางกำนัลทั้งสอง พลางเอ่ยเบาๆ ว่า “ลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่ตำหนิพวกเจ้าหรอก แต่ต้องการให้พวกเจ้าอธิบายสิ่งที่พูดไปเมื่อกี้ เล่าทุกอย่างอย่างละเอียดยิบ”
นางกำนัลทั้งสองยืนตัวสั่น ค่อยๆ พูดความจริงออกมาภายใต้การจับจ้องของหนานหว่านเยียน
ทันใดนั้น สีหน้าของหนานหว่านเยียนก็บึ้งตึง คิ้วและดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยความโกรธ
เฟิงยางขอให้นางกำนัลทั้งสองออกไปก่อน ขณะที่ตัวเองเข้าไปสอบถามหนานหว่านเยียน “จวิ้นจู่ ตอนนี้ควรทำยังไงดี?”
หมอหลวงเจียงเคยเป็นคนที่เคยช่วยเหลือจวิ้นจู่มาก่อน แต่ตอนนี้กลับต้องจ่ายราคาที่หนักหนาเพื่อจวิ้นจู่ ด้วยนิสัยของจวิ้นจู่ จะไม่นั่งดูเฉยๆ แน่นอน
เป็นไปตามคาด สีหน้าของหนานหว่านเยียนนั้นแย่จนถึงขีดสุด ความโกรธพรั่งพรูขึ้นไปที่หว่างคิ้วของนาง
“นึกไม่ถึงว่ากู้โม่หานจะเสียสติขนาดนี้ เพียงเพราะหมอหลวงเจียงช่วยข้า เขาก็ต้องการลงมือกับชายชราอย่างเหี้ยมโหด!”
หากหมอเจียงถูกลงโทษจริงๆ ร่างกายและกระดูกที่แก่ชราของเขาจะทนไม่ได้อย่างแน่นอน นับประสาอะไรกับการถูกเนรเทศต่อไป
กู้โม่หาน เขาจงใจต่อต้านนางหรือ?!
ในใจของหนานหว่านเยียนเต็มไปด้วยความโกรธ เดิมทีต้องการไปหาเท่เฟย ขอให้นางช่วยพาแม่ของหยุนเหิงเข้าวัง มันยากลำบากเกินไปที่นางจะออกจากวัง ตอนนี้ดูเหมือนว่า ควรไปหากู้โม่หานโดยตรงเลยดีกว่า
สองเรื่องต้องจัดการพร้อมกัน!
เมื่อคิดได้ดังนี้ นางก็พูดกับเฟิงยางอย่างเย็นชา “ไปที่ห้องทรงพระอักษร!”
“ใช่!แล้ว” เฟิงยางตามไปทันที แต่ความก็รู้สึกแปลกๆ ได้ซ่อนอยู่ภายในใจ
หลายวันมานี้กู้โม่หานได้ประคองจวิ้นจู่ไว้ในฝ่ามือ รู้ทั้งรู้ว่าหมอหลวงดีกับจวิ้นจู่ แต่ไม่เห็นแก่หน้าผู้อื่น เขาไม่ควรลงโทษรุนแรงขนาดนั้นจริงไหม?
โทษหนักนี้ ดูไปก็เหมือน “หนามยอกเอาหนามบ่ง”…
ในเวลานั้นกู้โม่หานกำลังอ่านสาส์นกราบทูลในห้องทรงพระอักษร ร่างเพรียวบางของชายหนุ่มนั่งเงียบๆ อยู่ที่โต๊ะ นิ้วทั้งสิบขาวนวลเห็นข้อต่อชัดเจน ค่อยๆ พลิกอ่านสาส์นกราบทูล
ทันใดนั้น เสียงของเฉินกงกงก็ดังมาจากประตู “ฝ่าบาท ฮองเฮาเหนียงเหนียง…”
ก่อนคำพูดจะจบลง ประตูของห้องทรงพระอักษรก็ถูกผลักเปิดออกในทันใด
ไม่รอให้เฉินกงกงพูดจบ หนานหว่านเยียนในชุดกระโปรงยาวสีแดงก็บุ่มบ่ามเดินเข้ามา
นางก้าวพรวดไปที่โต๊ะของกู้โม่หาน โน้มตัวเข้าไปวางมือทั้งสองไว้บนโต๊ะของเขา มองลงมาที่กู้โม่หาน
“กู้โม่หาน ท่านต้องการอะไรกันแน่?!”