ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 779 แคว้นต้าเซี่ย

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 779

หยุนเหิงสำลักพูดอะไรไม่ออก ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเลือด เขาส่ายหน้า กัดริมฝีปากแน่น “หมอหลวงตรวจแล้ว ไร้ทางรักษา ท่านแม่นาง นาง ข้าน้อยไม่รู้จะพูดกับท่านยังไง…”

หยุนเหิงยังพูดไม่ทันจบ ท่านแม่ทัพก็คุกเข่าลงตรงหน้าหนานหว่านเยียน “ฮองเฮาเหนียงเหนียง! ได้โปรด! ตอนนี้นอกจากท่านแล้ว อาจไม่มีใครสามารถช่วยฮูหยินของข้าได้แล้ว!”

เขาร้องไห้โดยไม่สนใจสายตาของผู้อื่น

หนานหว่านเยียนตระหนักว่าอาการป่วยของฮูหยินท่านแม่ทัพนั้นหนักหนาเพียงใด ใบหน้างดงามตึงเครียดทันที

“ท่านแม่ทัพลุกขึ้นเถอะ วันนี้ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมาดูอาการฮูหยินท่านแม่ทัพ”

พูดจบ นางก็ไม่สนใจใครอื่น พาเฟิงยางเดินตรงไปยังจวนแม่ทัพ

กู้โม่หานเหลือบมองหยุนเหิงอย่างเย็นชา แต่สุดท้ายเขาก็มองไปที่แม่ทัพ “ลุกขึ้นเถอะ”

พูดจบ เขาก็เดินตามหนานหว่านเยียนไป

“ข้าน้อยขอบพระทัยฝ่าบาท ฮองเฮาเหนียงเหนียง!” หยุนเหิงสัมผัสได้ถึงความซาบซึ้งและอบอุ่นในใจที่อธิบายไม่ได้ รีบดึงท่านแม่ทัพเข้าไปในจวนตามหนานหว่านเยียนไป

หนานหว่านเยียนและเฟิงยางเข้ามาในห้อง ทันทีที่เปิดประตู ก็ได้กลิ่นฉุนแสบจมูก

กลิ่นของอาเจียนที่ผสมกับกากของยาต่างๆ กระจายไปทั่วห้อง กู้โม่หานอดขมวดคิ้วไม่ได้

แม้แต่เฟิงยางก็ทนไม่ไหว อดรู้สึกคลื่นไส้ไม่ได้

หนานหว่านเยียนเดินตรงไปที่ข้างเตียงของฮูหยินท่านแม่ทัพเหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เอื้อมมือไปเปิดเปลือกตาของนางขึ้นแล้วเคาะดู

รูม่านตาขยายออก อยู่ในสภาวะหมดสติแล้ว

และฮูหยินท่านแม่ทัพก็ชักเกร็งไปทั้งตัว ยังมีอาเจียนเหลืออยู่ที่มุมปากของนาง

หนานหว่านเยียนหันไปมองหยุนเหิงอย่างเคร่งขรึมทันที คาดคั้นถามว่า “ฮูหยินท่านแม่ทัพอยู่ในอาการสลบไสลมานานแค่ไหนแล้ว?”

หยุนเหิงมองไปที่ฮูหยินท่านแม่ทัพที่ซีดเซียวและอ่อนแอบนเตียง รู้สึกเป็นทุกข์อย่างสุดจะพรรณนา “ผ่านมาสามวันแล้ว”

“ในตอนแรก ท่านแม่บอกว่านางมีอาการวิงเวียนศีรษะและท้องเสีย ดังนั้นพวกข้าจึงคิดว่าเป็นเพราะอากาศเย็นและพลังชี่ถดถอย พวกข้าเรียกหมอทั่วไปมาสั่งยาให้”

แต่วันต่อมา ก็มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น

สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ ร้องไห้ขึ้นมาทันทีพลางกล่าวเสริมว่า “ฮูหยิน ช่วงนี้นางมักจะตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างสะลึมสะลือ บอกกับบ่าวว่านางเห็นคนตัวเล็กๆ มากมายกำลังร่ายรำ”

“สีสันต่างๆ วนเวียนอยู่รอบตัวนางในห้องนี้ ตอนแรกบ่าวคิดว่าฮูหยินไม่สบายและเลอะเลือน นอนหลับสักตื่นก็หายแล้ว จึงรอให้เหนียงเหนียงหลับไปก็ออกมา”

“แต่ต่อมา เมื่อเหนียงเหนียงตื่นขึ้นมาในตอนกลางวัน ก็จะโบกมือไปในอากาศ บางครั้งก็ยังร่ายรำ ยังขอให้บ่าวอย่าขัดขวางคนตัวเล็กหลากสีสันเหล่านั้น…”

“ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เหนียงเหนียงก็อาเจียนและท้องเสีย จะทำยังไงก็ถ่ายไม่หยุด…”

สีหน้าของหนานหว่านเยียนค่อยๆ ขรึมลง หยุนเหิงเห็นดังนั้นก็นึกว่าเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพหมดทางรักษาแล้ว จึงรีบพูดว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง หลายวันมานี้ท่านแม่กินยาทุกตัวแล้ว ข้าน้อยยังไปเชิญหมอหลวงที่วัง แต่หมอหลวงพวกนั้นไม่สามารถบอกได้ว่าทำไม”

“พวกเขา พวกเขาต่างบอกว่าจู่ๆ ท่านแม่ก็เหมือนปีศาจเข้าสิง เริ่มคลุ้มคลั่งผิดปกติ แต่ว่า แต่ว่าข้าน้อยไม่เชื่อ! ได้โปรดช่วยชีวิตแม่ของข้าน้อยด้วย!”

เขาเชื่อมั่นหนานหว่านเยียน แต่เกรงว่าแม้แต่หนานหว่านเยียนก็ทำอะไรไม่ถูก

อาการนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ! เหมือนโดนอะไรครอบงำร่างกาย!

หยุนเหิงมีสีหน้าโศกเศร้า คิ้วของกู้โม่หานขมวดแน่น น้ำเสียงเย็นชากระแทกใจผู้คน “ลูกผู้ชายอกสามศอก ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนอะไร!”

“ตอนนี้ท่านแม่ยังไม่ตาย ฮองเฮายังไม่ประกาศ ทุกอย่างยังไม่ได้ข้อสรุป เจ้าก็มาร้องไห้อยู่ข้าง มันน่าละอายหรือเปล่า?”

เขาไม่อิจฉาที่หยุนเหิงจงใจพูดต่อต้าน แต่การเห็นสภาพของหยุนเหิง ทำให้เขานึกถึงสภาพที่ไร้ประโยชน์ของตัวเอง ตอนที่เสด็จแม่หลับใหลไม่ได้สติ

เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น การหลั่งน้ำตาก็ไม่มีประโยชน์อะไร ต้องทำให้ตัวเองฮึกเหิม วางแผนรับมือทุกสิ่งในอนาคตให้ดี

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก หยุนเหิงหุบปากอย่างรู้งาน ดวงตาแดงก่ำ ไม่พูดอะไรอีก

หนานหว่านเยียนชำเลืองมองกู้โม่หานทางด้านข้าง แต่ไม่ได้พูดอะไร ทำการตรวจชีพจรให้ฮูหยินท่านแม่ทัพ

ชีพจรไม่เป็นระเบียบและไม่สม่ำเสมอ บางครั้งแสดงตัวเลขที่ลื่นไหล หนานหว่านเยียนเม้มปาก คำตอบนึ่งได้แว่บเข้ามาในความคิด นางพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “ถูกพิษ”

นอกจากนี้ตามอาการแล้วน่าจะเกิดจากการกินเห็ดราบางชนิดเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

แต่ดูเหมือนว่าไม่มีเห็ดราชนิดนี้ในแคว้นซีเหย่ ฮูหยินท่านแม่ทัพจะติดเชื้อพิษนี้ได้อย่างไร?

มันค่อนข้างคาดคิดไม่ถึง ทำให้นางไม่กล้าแม้แต่จะวินิจฉัยง่ายๆ

ทันทีที่พูดจบ คนในห้องก็อุทานด้วยความกลัวอย่างมาก

หยุนเหิงมองไปที่หนานหว่านเยียนอย่างตกตะลึง “มันจะถูกพิษได้ยังไง? ท่านแม่ไม่ค่อยมีความแค้นกับใคร! ทำไมต้องวางยานากด้วย? จุดประสงค์คืออะไร?”

แล้วถ้าถูกวางยาพิษล่ะก็ เหตุใดหมอหลวงถึงแยกแยะไม่ออก?

ข้างๆ กัน สาวใช้ของฮูหยินท่านแม่ทัพส่ายหน้าด้วยความตกใจ “ไม่ เป็นไปไม่ได้ อาหารของฮูหยินบ่าวเป็นคนดูแลทั้งหมด ไม่มีโอกาสได้วางยาพิษเด็ดขาด!”

ดวงตาตาของกู้โม่หานหรี่ลง หนานหว่านเยียนมองไปที่พวกเขา แม้ว่าในตอนแรกจะระบุว่าพิษเกิดจากเห็ดพิษ แต่นางก็ยังต้องการคำตอบที่แม่นยำกว่านี้ “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถทำให้เกิดพิษได้ ฮูหยินอาจถูกคนให้พิษโดยไม่ตั้งใจ

“สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คืออย่ากังวลว่าใครเป็นคนวางแผนวางยาพิษ แต่ให้พิจารณาว่าพิษนั้นเป็นชนิดใด ข้าขอถามพวกเจ้าว่า เมื่อสามวันก่อน ฮูหยินได้กินเห็ดหน้าตาประหลาดๆ เข้าไปหรือเปล่า?”

พูดจบ ทุกคนก็มองหน้ากัน ระดมสมองนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อน

แต่ทุกคนส่ายหน้าด้วยความมั่นใจ “ไม่มี สามวันก่อนฮูหยินไม่ได้กินเห็ดใดๆ ทั้งสิ้น”

แม้แต่หยุนเหิงก็ขมวดคิ้วอย่างอธิบายไม่ได้ “อาหารในจวนก็เหมือนกัน หากท่านแม่เป็นคนทำ พวกข้าต้องกินแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่องกับท่านแม่คนเดียว”

“เป็นไปได้ยังไง…” จู่ๆ หนานหว่านเยียนก็รู้สึกฉงน ดูจากชีพจรและอาการของนางแล้ว นางน่าจะถูกพิษจากเห็ดพิษ แต่เนื่องจากฮูหยินท่านแม่ทัพไม่เคยกินมาก่อน แล้วนางกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

ช่างมันเถอะ ต้องไปล้างท้องในช่องว่างก่อน นางกำลังจะพูดขึ้น

ทันใดนั้น สาวใช้คนหนึ่งได้ตบหน้าผากพร้องกับอุทานว่า “ไม่ใช่ ดูเหมือนฮูหยินจะเคยกิน!”

“ในวันเกิดเหตุ บ่าวเห็นฮูหยินกำลังกินอะไรอยู่จริงๆ”

“เหมือนเป็นดอกเห็ดสีดำๆ ไม่ใช่ สีเขียวคล้ำ แปลกมาก แต่ตอนนั้นฮูหยินกินอย่างเอร็ดอร่อย บ่าวไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน จึงเฝ้ามองอยู่นาน”

เห็ดสีเขียวคล้ำ? เจี้ยนโส่วชิง!(เห็ดพิษชนิดหนึ่งในสกุลเลคซินัม โบลีต )

เป็นอันนี้จริงๆ!

แววตาของหนานหว่านเยียนสั่นไหว นางมีแผนการรักษาที่ครอบคลุมและตรงเป้าหมายในทันที

“เห็ดสีเขียวคล้ำ?” สีหน้าของกู้โม่หานเปลี่ยนไปทันที สายตาดุดันขึ้นมา

สภาพอากาศของแคว้นซีเหย่ไม่สามารถเพาะพันธุ์ชนิดนี้ได้เลย และไม่เคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อนด้วย

แต่เท่าที่เขารู้ มีเพียงที่เดียวในโลกที่มีความอุดมสมบูรณ์ นั่นคือ…แคว้นต้าเซี่ย!

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท