ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 781
แผนการของกู้โม่หานรัดกุมมาก จนเฟิงยางอดหันไปไม่ได้
นางมองกู้โม่หานอย่างประหลาดใจ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
นอกเหนือจากเรื่องของความผูกพันแล้ว ตอนที่กำลังจัดการเรื่องราว เขาก็มีท่วงท่าและมันสมองที่ฮ่องเต้ควรมีจริงๆ
เมื่อได้ยินกู้โม่หานพูดเช่นนี้ หยุนเหิงกับแม่ทัพใหญ่ก็สงบลงทันที
แม่ทัพใหญ่พลันตบหัวหยุนเหิง “ยังไม่รีบไปตรวจสอบตามคำสั่งของฝ่าบาทอีก!”
หยุนเหิงที่ยังมึนงงอยู่เมื่อครู่ เมื่อได้สติกลับมาแล้ว ก็มองทางกู้โม่หานอย่างาบซึ้งใจทันที “พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะนำคนไปตรวจสอบทันที!”
พูดจบ หยุนเหิงก็พาองครักษ์หลายคนออกไปอย่างเร่งรีบทันที
แม่ทัพใหญ่มองทางกู้โม่หาน สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและสำนึกผิด “วันนี้ข้าน้อยไม่รู้ว่าพระองค์กับฮองเฮาเหนียงเหนียงจะเสด็จมา จึงทำให้พระองค์ทอดพระเนตรเรื่องน่าเกลียดในตระกูลพวกนี้ ทำให้พระองค์เห็นเรื่องน่าขันแล้ว”
พูดจบ เขาก็อดรู้สึกหดหู่ไม่ได้ “ข้าน้อยก็คาดไม่ถึงว่า ฮูหยินทำให้คนร้ายนิรนามขุ่นเคืองตรงใด ถึงได้หาเรื่องกัน ”
และหากยังวิกฤตอยู่เช่นนี้ หมอหลวงต่างบอกว่าไม่อาจช่วยเอาไว้ได้
ถ้าเขารู้ว่าเบื้องหลังคนที่วาง เขาไม่มีทางปล่อยมันไปแน่!
สีหน้าของกู้โม่หานไม่เปลี่ยนแปลง แต่สายตากลับอำมหิต แฝงความนัย
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด เรื่องนี้ ข้าคิดว่ามันไม่ธรรมดาเช่นนั้น”
“หาตัวคนน่าสงสัยออกมาก่อน แล้วค่อยสรุปก็ยังไม่สายเกินไป”
“พ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพใหญ่มองกู้โม่หานอย่างไม่เข้าใจเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ถามอะไรมาก และถอยไปด้านข้างทันที รอหนานหว่านเยียนช่วยคน
หลังผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป ประตูห้องก็ถูกคนจากข้างในค่อยๆ เปิดออก
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว กู้โม่หานลุกขึ้นยืนไปตรงประตูทันที ละเห็นสีหน้าขาวซีดของหนานหว่านเยียน ทั้งดูอ่อนแอเล็กน้อย
คิ้วของกู้โม่หานขมวดแน่น พลันโอบเอว ประคองนางเอาไว้ ขมวดคิ้วอย่างปวดใจ “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง นั่งพักก่อนเถอะ”
เฟิงยางที่ตามมาก็เป็นกังวล จ้องมองหนานหว่านเยียนเขม็ง กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
เดิมทีการช่วยคนก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยง่ายอยู่แล้ว แต่ไม่เหนื่อยมากเช่นนี้ หนานหว่านเยียนกวาดตามองกู้โม่หาน ผลักมือที่โอบเอวของเขาออก
“ข้าไม่เป็นไร”
ริมฝีปากของกู้โม่หานเม้มเบาๆ แต่ก็บังคับประคองให้นางนั่งลง มองทางคนที่รออยู่นาน แม่ทัพใหญ่ประหม่าเล็กน้อย เอ่ยปลอบว่า “แม่ทัพใหญ่ ฮูหยินได้รับการช่วยเหลือแล้ว ยังไม่ได้สติ แต่ร่างกายปกติดี เพียงต้องดูอาการอีกระยะหนึ่ง ที่รอดมาได้ถึงตอนนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะปริมาณทานอาหารของฮูหยินไม่มาก ถือว่าโชคเข้าข้าง”
แม่ทัพใหญ่ถอนหายใจโล่งอกยาว ตบหน้าอกของตนเองอย่างแรง ในที่สุดหัวใจที่แขวนเติ่งก็ปล่อยวางลงมา “เช่นนั้นก็ดีเช่นนั้นก็ดี…”
ทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าให้หนานหว่านเยียน “ขอบพระคุณฮองเฮาเหนียงเหนียงที่ยื่นมือช่วยเหลือ! บุญคุณยิ่งใหญ่ของพระองค์ ข้าน้อยจะมิมีวันลืมพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่ต้องมากพิธี” หนานหว่านเยียนสื่อให้แม่ทัพใหญ่ลุกขึ้น และเอ่ยว่า “อาการของฮูหยิน ถูกคนมองว่าเป็นบ้าได้ง่าย แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะพิษ นางทานเห็ดจำพวก เจี้ยนโส่วชิงเข้าไป ตัวพิษจะเข้าทำลายประสาท เริ่มจากท้องเสีย อาเจียน เห็นภาพหลอน ต่อมาจะรู้สึกเจ็บแทบขาดใจ สายตาพร่าเลือน…สรุปคือ เกือบอันตรายแล้ว”
วาจาที่หนานหว่านเยียนเพิ่งพูดออกมา ก็ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไป
โดยเฉพาะเฟิงยาง สีหน้าพลันเย็นชาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาหลุบคิดอะไรบางอย่าง
เจี้ยนโส่วชิง?!
แม่ทัพใหญ่พลันเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกมาก “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ข้าน้อยพลันนึกขึ้นได้ว่า พระองค์ตรัสว่า ‘ เจี้ยนโส่วชิง’ นี่ ขึ้นอยู่มากที่แคว้นต้าเซี่ย ส่วนแคว้นซีเหย่ไม่มีทางมี แต่ของจากแคว้นต้าเซี่ย เข้ามาในจวนแม่ทัพได้อย่างไร”
กู้โม่หานหรี่ตาสวยงาม ดูท่าที่เขาเดาไว้จะไม่ผิด
สีหน้าของหนานหว่านเยียนเข้มขึ้นทันที รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ที่แท้ เจี้ยนโส่วชิงมันขึ้นที่แคว้นต้าเซี่ยรึ?!
งั้นเรื่องที่ฮูหยินแม่ทัพกินเห็ดพิษเข้าไปนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว!
แต่แคว้นต้าเซี่ยส่งทูตมาแล้ว จะเลือกวางยาพิษช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร ทั้งยังเลือกเป็นฮูหยินแม่ทัพที่ตำแหน่งสูงอีก!
พวกเสด็จพี่ไม่มีทางทำเช่นนี้ พวกเขายังอยากพานางกลับไป ไม่ต้องการให้แคว้นซีเหย่กับแคว้นต้าเซี่ยเกิดสงครามกันในตอนนี้ถึงจะถูก
ขณะเดียวกันนั้นเอง หยุนเหิงผลักชายสองคนเดินเข้ามาอย่างฉับพลัน สีหน้าโกรธเกรี้ยวไม่พอใจ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“ฝ่าบาท สืบเจอตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาผลักทั้งสองคนไปตรงหน้าหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน เตะเข่าของพวกเขาอย่างรุนแรง ทั้งสองคุกเข่าลงทันที ท่าทางลุกลี้ลุกลน ดูหวาดกลัวมาก
หยุนเหิงเงยหน้าขึ้นมองกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียน เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “สองคนนี้ คนหนึ่งคือกาวผิง พ่อครัวที่รับผิดชอบของท่านแม่เมื่อสามวันก่อน ส่วนอีกคนหนึ่งคือหลีเต๋อ องครักษ์ที่เอาเห็ดให้พ่อครัว”
“พวกเขาสองคน เป็นเพียงสองคนที่แตะต้องเห็ดนั้น คนที่เหลือล้วนไม่รู้เรื่องนี้แม้แต่น้อย!”
ในเมื่อตอนนี้หนานหว่านเยียนออกมาแล้ว เขาไม่ต้องถามก็รู้ ว่าท่านแม่ไม่เป็นอะไรแน่นอน
และบทสนทนาของหนานหว่านเยียนกับทุกคนเมื่อครู่ เขาก็ได้ยินหมดแล้ว คาดไม่ถึงว่า เห็ดนั้นจะเป็นเจี้ยนโส่วชิงจากแคว้นต้าเซี่ย!
หลีเต๋อกับกาวผิงต่างไม่เคยเห็นโลกกว้าง เป็นครั้งแรกที่เจอฮ่องเต้กับเฮงเฮา ขาสั่นระริกไร้เรี่ยวแรงทันที
ทั้งสองก้มศีรษะด้วยความเลื่อนลอย ไม่กล้าสูดหายใจแรง “บะ บ่าวถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพร ฮองเฮาเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ…”
สายตาเคร่งเครียดของกู้โม่หานทิ่มแทงทั้งสองคน น่าเกรงขามของโอรสสวรรค์ มองแวบเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้รู้สึกหวาดผวา “เหตุใดพวกเจ้าถึงร่วมมือกันวางยาฮูหยินแม่ทัพ”
หนานหว่านเยียนก็จ้องมองทั้งสองคนด้วยสายตาดุร้าย
เมื่อเผชิญหน้ากับความกดดันที่ไร้รูปลักษณ์ หลีเต๋อยังไม่ทันได้เอ่ยปาก กาวผิงก็โขกศีรษะหลายครั้งอย่างแรง ร้องเรียกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม “ข้าน้อยถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท! มันไม่ใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”
“บ่าวเป็นเพียงพ่อครัว จะไปรู้เรื่องวางยาพิษอะไรพวกนั้นอย่างไร เมื่อสามวันก่อน เป็นหลีเต๋อ เป็นเขาที่เอาเห็ดนั้นมาให้บ่าวพ่ะย่ะค่ะ!”
“ช่วงนี้อากาศร้อน ฮูหยินแม่ทัพจึงมักจะไม่รับประทานอาหารเย็น เดิมบ่าวก็กังวลใจ แล้วหลีเต๋อก็บอกบ่าวว่า เจ้าเห็ดนี่เป็นเห็ดสดใหม่จากบ้านเกิดพวกเขา ทั้งอร่อยและเจริญอาหาร เหมาะที่จะนำมาใช้ทำอาหารยำยิ่ง”
“บ่าวก็ฟังหูไว้หู แต่เมื่อคิดว่าฮูหยินไม่อาจทานอาหาร จึงต้มเห็ดกับน้ำก่อน แล้วค่อยนำมายำ เมื่อตกเย็นก็ยกไปให้ฮูหยินทาน จานที่นำกลับมาในคืนวันนั้นหมดเกลี้ยง บ่าวจึงนึกว่าเจ้าเห็ดนี่อร่อยจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าจะมีพิษพ่ะย่ะค่ะ! ขอฝ่าบาททรงเข้าพระทัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
กาวผิงอธิบายอย่างเป็นคุ้งเป็นแคว สีหน้าไม่มีร่องรอยปิดบังหลอกลวงใดๆ
ทุกคนมองไปทางหลีเต๋อโดยพร้อมเพรียงกัน
หยุนเหิงโกรธแทบหน้ามืด เขาตบไหล่ของหลีเต๋อ คำรามเสียงเย็น “หลีเต๋อ! มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!”
” เจี้ยนโส่วชิงมีขึ้นเพียงที่แคว้นต้าเซี่ย พวกข้าไม่เคยทำการค้ากับแคว้นต้าเซี่ย เจ้ากลับบอกว่า เจี้ยนโส่วชิงเป็นเห็ดจากบ้านเกิดเจ้า หรือว่า เจ้าคือสายลับที่แคว้นต้าเซี่ยส่งมาใช่หรือไม่!”