ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 800
กู้โม่หานมองหนานหว่านเยียนด้วยนัยน์ตาร้อนแรงดุจคบเพลิง สายตานั้นเคลื่อนมองไปตามเรือนร่างของนางอย่างอ้อยอิ่งโดยไม่คิดแม้แต่จะปิดบัง
บนเรือนร่างของนางล้วนเป็นร่องรอยบาดแผลที่เขาทิ้งไว้ทั้งสิ้น สายตาของกู้โม่หานหมองคล้ำลง หวนคิดเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา ลูกกระเดือกพลันขยับเล็กน้อย ประสานสายตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธกรุ่น ก็รู้สึกฉงนใจขึ้นมาเล็กน้อย
“หว่านเยียน เจ้าโกรธอะไร?”
“เมื่อคืนก็เห็นชัดว่าเจ้ามีความสุขดีมิใช่หรือ ข้าคลายจุดให้เจ้านานแล้ว เจ้าก็ยังเอาแต่กอดกระหวัดรัดข้าไม่ยอมปล่อยมือ ก่อนที่เจ้ากระเง้ากระงอดว่าจะสวมอาภรณ์ ข้าก็เป็นคนสวมให้เจ้าเอง ไฉนบัดนี้เจ้าถึงอารมณ์ขุ่นเคืองไม่พอใจเล่า?”
เขาทำไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า เมื่อคืนเขาเพียงต้องการให้นางมีความสุขเท่านั้น ความหนักเบาล้วนควบคุมให้อยู่ในความเหมาะสมทั้งสิ้น
เกรงว่าเสียงของนางจะหายไปแล้ว ไม่ต้องให้เอ่ยคำใดออกมา เขาก็ยกน้ำมาป้อนให้นางอย่างไม่รอช้า นางกระเง้ากระงอดโวยวายว่าจะสวมเสื้อผ้า เขาก็หยิบเสื้อตัวหนึ่งจากพื้นขึ้นมาสวมให้นาง
เขาปรนนิบัตินางทั้งคืน ทำตามที่กู้โม่เฟิงแนะนำไม่บกพร่อง นางในวันนี้ควรจะเห็นมุมดีของเขาบ้างมิใช่หรือ เหตุใดถึงยังชิงชังรังเกียจเขาไม่เปลี่ยนเช่นนี้?
ได้ยินเสียงนั้น หนานหว่านเยียนยิ่งอายจนหงุดหงิด แต่กระนั้นนี่ก็เป็นครั้งแรกที่นาง…กับเขาอย่างมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนเช่นนี้ ต่อให้นางมีข้อแก้ต่างให้ตนเอง ทว่าหลายหนที่ผ่านมา ถูกเขาจับพลิกกลับไปมาเหมือนแป้งทอดบนกระทะตลอดทั้งคืนแล้ว ยังต้องเผชิญหน้ากับคำถามซักไซ้ของเขาอีก นางรับมือต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ
อยากจะสบถคำหยาบคายออกไปเหลือเกิน ให้ตายเถอะ เหตุใดนางถึงควบคุมตนเองไม่ได้เช่นนี้?
บัดนี้ถูกเขาจับจุดอ่อนได้อย่างจัง แม้แต่คำแก้ตัวก็ไม่มีให้เอ่ยออกไปแล้ว!
ทั้งหมดเป็นเพราะเขาคนเดียว! เป็นเพราะเขาคนเดียวเลย!
ภายใต้อารมณ์ฉุนเฉียวโกรธเกรี้ยวหนานหว่านเยียน ทำได้เพียงคว้าผ้าห่มขึ้นมาขว้างใส่กู้โม่หาน “ไสหัวไป ไสหัวไปให้พ้น!”
กู้โม่หานหลบการโจมตีของหนานหว่านเยียนอย่างง่ายดาย เห็นนางหน้าแดงถึงใบหู แม้กระทั่งลำคอระหงยังแดงก่ำ เขาก็หัวเราะออกมาทันใด นอกจากในภาพความทรงจำแสนลึกซึ้งเมื่อคืนแล้ว เขายังไม่เคยเห็นนางเอียงอายถึงเพียงนี้มาก่อน
“ก็ได้ ข้าไปก็ได้”
เขาคว้าเสื้อชั้นในที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมลวกๆ บนตัว เห็นนางยังสวมเสื้อคลุมนอกของเขาอยู่ อดไม่ไหวก็เอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าขึ้นมา “เจ้าเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว พักผ่อนต่ออีกสักหน่อยเถิด”
หนานหว่านเยียนเห็นเขาเอาแต่จ้องนางไม่วางตา ก็ก้มหน้าลงสำรวจตนเอง ก่อนจะพบว่าอาภรณ์ที่สวมอยู่บนร่างกายยามนี้หลวมโคร่ง ครึ่งไหล่เผยออกมาให้เห็น แม้กระทั่งกระดูกไหปลาร้ายังเต็มไปด้วยรอยแดงที่ถี่กระชั้นมาก
กรี๊ดดดเจ้าบ้านี่! เขาให้นางสวมเสื้อผ้าของเขาเองหรอกหรือ!หนำซ้ำยังทิ้งร่องรอยไว้บนตัวนางอีก!
ขณะที่นางกำลังกัดฟันกรอด บัดนี้เขาสวมอาภรณ์แต่งกายเรียบร้อยแล้ว แม้จะไม่มีเสื้อนอกคลุมกายไว้ กระนั้นก็ยังคงหล่อเหลาคมคายเหมือนเก่า
เขาโน้มกายลงมาประทับริมฝีปากบนหว่างคิ้วของนาง จุมพิตอย่างแผ่วเบาไปหนึ่งที
“ข้าไปก่อน”
นัยน์ตาสวยงามที่สะท้อนประกายสุกสกาวคู่นั้นของเขาเต็มด้วยรอยยิ้ม หวานเชื่อมจนคล้ายจะมีน้ำผึ้งหยดออกมา จากนั้นก็หมุนตัวและเดินจากไป
ผู้ชายสารเลว! กล้าดีอย่างไรมาล่วงเกินนางเช่นนี้!
หนานหว่านเยียนเดือดดาลจนหยิบหมอนที่อยู่ข้างมือขึ้นมา ขว้างใส่กู้โม่หานเต็มแรงทันใด!
กู้โม่หานยิ้มพลางเอียงตัวหลบ ก่อนจะโบกมือให้หนานหว่านเยียนทั้งที่ยังหันหลัง ฝีเท้าก้าวเดินเบาลงไม่น้อย
เขาสืบเท้ายาวออกจากตำหนักหยูซิน รอยยิ้มที่ยังเหลือบนใบหน้าเจิดจ้าสว่างไสวกว่าแสงอรุณรุ่งเสียอีก
หนานหว่านเยียนลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยอารมณ์เดือดดาล ก่อนจะรวบเสื้อผ้าของตนเองขึ้นมา ถลึงตาจ้องเงาแผ่นหลังของกู้โม่หาน พลางสบถด่าเขาด้วยเสียงเบาออกมา “กู้โม่หาน! ไร้ยางอาย!”
กู้โม่หานกลับไม่ได้ยินเสียงนั้นแล้ว หลังจากพ้นตำหนักหยูซินออกมาแล้ว ก็พบว่าเฉินกงกงบัดนี้กำลังคอยเขาอยู่นอกตำหนัก
ครั้นเห็นกู้โม่หานออกมา แม้ว่าเสื้อผ้าและกวานครอบมวยผมจะไม่เรียบร้อย มิหนำซ้ำบนลำคอยังมีรอยข่วนสะเปะสะปะ ทว่าสีหน้ากลับสดชื่นเริงร่า ไม่เห็นเค้าของอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวแม้แต่น้อย เฉินกงกงเข้าใจสถานการณ์ในทันที ก็ฉีกยิ้มร่าพลางเดินเข้ามาหาเขาทันใด ก่อนจะเอี้ยวตัวไปกวักมือเรียกขันทีน้อยที่อยู่ด้านหลังให้เข้ามา
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ฝ่าบาท ชุดเข้าเฝ้าของฮองเฮาเหนียงเหนียงที่ท่านสั่งไว้บัดนี้จัดการเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ อัญเชิญฝ่าบาทตรวจสอบความเรียบร้อยด้วยพระองค์เองอีกครั้ง”
สิ้นเสียง ขันทีน้อยกลุ่มนั้นยกถาดไม้จันทน์หลายอันขึ้นมาน้อมถวายทันใด ในถาดไม้เหล่านั้น เรียงรายด้วยชิ้นส่วนและเครื่องประดับทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ในชุดเข้าเฝ้าจักรพรรดิของฮองเฮา
ชายกระโปรงทองคำชั้นดี และต้นหางเหยี่ยวที่ปักเป็นลายซ่อนและวิหคหวงที่กำลังกางปีกบินอย่างพลิ้วไหวชดช้อยราวมีชีวิต รวมถึงมงกุฏหงส์หงส์ทองคำเคลือบริมฝ้าหลางประดับเพชรพลอยล้ำค่า
สิ่งของทั้งหมดถูกตระเตรียมไว้พร้อมสรรพ ใช้สายตามองเพียงปราดเดียว ก็รับรู้ถึงความโอ่อ่าตระการตาพิลาสงามล้ำเหนือหมู่มวลบุปผาหอม
กู้โม่หานยื่นมือออกไปสัมผัสชุดเข้าเฝ้าจักรพรรดิอย่างแผ่วเบา หางตาเจือด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลว ข้าโปรดปรานเป็นที่สุด”
เห็นสถานการณ์เช่นนี้ เฉินกงกงก็เอ่ยพลางยิ้มประจบสอพลอทันใด “ทั้งหมดนี้ล้วนทำขึ้นตามคำบัญชาของท่านพ่ะย่ะค่ะ ใช้วัสดุและเนื้อผ้าชั้นดีที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นยังเชิญบรรดาช่างฝีมือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในแคว้นซีเหย่มาร่วมกันทำขึ้นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“มงกุฏหงส์ชิ้นนี้เหล่าช่างฝีมือร่วมกันเร่งประกอบขึ้นทั้งวันทั้งคืน ไม่มีผู้ใดกล้าสะเพร่าเด็ดขาด ทุ่มเทกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อสรรค์สร้างขึ้นเป็นอาภรณ์ชั้นดีถวายให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงทรงสวมพ่ะย่ะค่ะ”
ยอดเยี่ยมดีสุด วันนี้ฝ่าบาทร่าเริงกระปรี้กระเปร่า เห็นทีเมื่อคืนนี้ต้องเกิดเรื่องมงคลขึ้นแน่!
เห็นฝ่าบาททรงเกษมเปรมปรีดิ์เช่นนี้แล้ว เขาก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาสักหน่อย คล้ายจะได้เห็นว่าฝ่าบาทและฮองเฮาเหนียงเหนียง จะได้กลับมาคืนดีกันในไม่ช้านี้แล้วกระมัง
หากว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงได้เห็นชุดเข้าเฝ้าฮ่องเต้ที่ฝ่าบาททรงสั่งตัดให้นางเป็นพิเศษตัวนี้แล้ว เดาว่าจะต้องดีใจเป็นที่สุดแน่
วันนี้กู้โม่หานมีความสุขและอารมณ์ดียิ่งนัก บัดนี้ได้เห็นชุดเข้าเฝ้าจักรพรรดินี้แล้ว มุมปากก็กระตุกยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “ทำได้ยอดเยี่ยม เช่นนี้ต้องตกรางวัลให้แล้ว!”
เฉินกงกงดีใจจนน้ำตารื้นขอบตาแล้ว ก็ออกแรงลากขันทีน้อยกลุ่มนั้นให้รีบคุกเข่าตอบแทนพระคุณต่อองค์จักรพรรดิ “เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูง!”
หากว่าจากนี้ฝ่าบาทมีความสุขเรื่อยไปทุกวันนั่นคงจะดีน่าดู ฮองเฮาเหนียงเหนียงเป็นดั่งดวงดาวนำโชค เป็นดั่งดวงดาวนำโชคมาให้จริงๆ!
กู้โม่หานกำลังจะเดินจากไป ทว่าขณะเดียวกันนั้นเอง เสิ่นอี่ว์ก็สาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ฝ่าบาท คณะทูตจากต้าเซี่ยบัดนี้เข้าวังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”