ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 819
“ที่เจ้าพูดเช่นนั้น เพราะตั้งใจโกหก เพื่อปูทางให้ข้าได้กลับแคว้นต้าเซี่ยสินะ? หากว่าเรื่องนี้ถูกคนเปิดโปงและจับจุดอ่อนได้ ต่อจากนั้นก็คงจะจัดการยากแล้ว”
ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของพ่อบ้านกาวก็เคร่งขรึมขึ้น คุกเข่าไปทางหยุนอี่ว์โหรวด้วยความจริงจังหนักแน่น
“จวิ้นจู่ ทุกสิ่งที่ข้าน้อยพูดเป็นความจริงทุกประการ ไม่มีการโกหกแม้สักนิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เห็นดังนั้น จิตใจของหยุนอี่ว์โหรวก็รู้สึกหนักอึ้งทันที ในตาเป็นความเย็นยะเยือกที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ฉายผ่าน บอกให้เขาลุกขึ้น “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้า เพียงแค่ไม่รู้ว่ายังมีเรื่องการสลับตัวเกิดขึ้นด้วยจริงๆ เจ้าเล่ารายละเอียดที่ผ่านมาให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านกาวรีบกล่าวอธิบาย “สาเหตุที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงถูกหวงไท่เฟยเรียกว่าเป็นจวิ้นจู่แคว้นต้าเซี่ย ก็เพราะตอนนั้นท่านแม่ของ‘นาง’เสียชีวิตก่อนวัยอันควร และซึ่งก็คือองค์หญิงพระองค์โตของแคว้นต้าเซี่ย”
“ท่านไม่รู้ เดิมทีองค์หญิงพระองค์โตจะต้องอภิเษกสมรส แต่เพราะเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น จึงได้ให้ไท่เฟยในตอนนี้ และก็คือจวิ้นจู่แคว้นต้าเซี่ยที่ไม่ได้มีเชื้อสายของเชื้อพระวงศ์ตอนนั้นอภิเษกสมรสแทน”
“และตอนนั้นแคว้นต้าเซี่ยก็เกิดความวุ่นวายอย่างรุนแรง องค์หญิงพระองค์โตนำพาองครักษ์ลับกลุ่มหนึ่งมาถึงแคว้นซีเหย่ รวมทั้งข้าน้อยด้วย ข้าน้อยซุ่มคุ้มกันองค์หญิงพระองค์โตอย่างลับๆมาตลอดทาง นอกจากคนที่องค์หญิงพระองค์โตเชื่อใจ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีผู้ใดรู้ฐานะตัวตนของข้าน้อย”
“หลังจากที่องค์หญิงพระองค์โตมาถึงแคว้นซีเหย่ ไม่นานก็ได้แต่งงานกับหนานฉีซาน และให้กำเนิดจวิ้นจู่ ทีแรกข้าน้อยคิดว่าองค์หญิงจะสามารถ…..แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสุขภาพขององค์หญิงจะอ่อนแอ และทนไม่ไหวอย่างฉับพลัน……”
พูดถึงตรงนี้ พ่อบ้านกาวก็สะอื้นเล็กน้อยแล้ว
“จวิ้นจู่ ท่านยังจำ’เนี่ยพาน’ของประหลาดชิ้นนั้นที่ข้าน้อยให้ท่านได้หรือไม่ ซึ่งก็คือสิ่งของที่หวงไท่เฟยในตอนนี้ได้ประทานให้องค์หญิง ก่อนที่องค์หญิงจะป่วยและสิ้นพระชนม์จึงตั้งใจมอบหยกซื่อหลินและเนี่ยพานให้ข้าน้อย ให้ข้าน้อยเก็บรักษาให้จวิ้นจู่เป็นการชั่วคราว รอวันหน้าเมื่อมีโอกาส ก็เอาออกมาใช้”
“แต่ข้าน้อยคิดทบทวนแล้ว รู้สึกว่าไม่เหมาะสมมาก”
“หนานฉีซานเจ้าเล่ห์แผนการล้ำลึก มีความคิดมากมาย และไม่ได้เห็นความสำคัญของท่าน ท่านอยู่ในจวนเฉิงเซี่ยงไม่มีแม่ผู้ให้กำเนิด อนาคตไม่แน่ว่าจะพบกับอันตรายอะไรอีก จึงได้เอาหยกห้อยเอวและท่านไปสลับตัวตนกับ‘คนผู้นั้น’ แบบนี้ท่านก็จะมีแม่ และมีคนปกป้อง”
‘คนผู้นั้น’คนนี้ หยุนอี่ว์โหรวและพ่อบ้านกาวรู้ดีแก่ใจว่าเป็นใครกันแน่
ดวงตาอันล้ำลึกของหยุนอี่ว์โหรวตกตะลึงมากในพริบตา จากนั้น ก็มองพ่อบ้านกาวด้วยความหมายอื่นที่ลึกซึ้ง
นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าที่พ่อบ้านกาวพูดมาจะเป็นความจริงทั้งหมด และไม่ได้ตั้งใจทำเพื่อปูทางให้นางกลับแคว้นต้าเซี่ย
แต่สิ่งที่เขาพูด……
นัยน์ตาของหยุนอี่ว์โหรวมีแววความดุดันแวบผ่านโดยสังเกตไม่ได้
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงเคยพูดเรื่องน่าขันกับนางมาก่อน
ได้ยินมาว่าตอนที่นางยังเด็ก มีคนต้องการแอบสลับตัวนางและหนานหว่านเยียน แต่ทุกคนล้วนประเมินความรักของฮูหยินเฉิงเซี่ยงที่มีต่อนางต่ำเกินไป ไม่ถึงหนึ่งวันก็ถูกฮูหยินเฉิงเซี่ยงพบเห็นและระแคะระคายเข้า จึงด่าทอสาปแช่งและเปลี่ยนตัวกลับมา
ในเวลานั้นบนตัวของหนานหว่านเยียนมีหยกห้อยเอวอยู่ชิ้นหนึ่ง ฮูหยินเฉิงเซี่ยงเห็นเงินจึงตาลุกวาว เห็นว่าหยกห้อยเอวชิ้นนี้มีราคาไม่น้อย ก็ฉวยติดมือมาด้วย มอบให้นาง ดังนั้นนางจึงได้พกหยกห้อยเอวนั่นติดตัวมาตลอด ทำให้คนอื่นคิดว่าเป็นของของนาง
คิดไม่ถึง เพราะการกระทำเล็กๆนี่ กลับทำให้นางพลิกจากร้ายกลายเป็นดี กลายเป็นจวิ้นจู่แคว้นต้าเซี่ย!
ดังนั้น ความเป็นจริงคือพ่อบ้านกาวจำเจ้านายผิดไป หนานหว่านเยียนถึงจะเป็นจวิ้นจู่แคว้นต้าเซี่ยตัวจริง!
พริบตานั้น แรงสังหารก็ระเบิดออกมาจากดวงตาของหยุนอี่ว์โหรว กำแขนเสื้อแน่น ความริษยาเคียดแค้นไม่ยินยอมพรั่งพรูออกมา ทั้งยังควบคุมความตื่นตระหนกไม่ได้อีกด้วย
หากตัวตนของหนานหว่านเยียนเป็นความจริงโดยไร้ข้อกังขา เช่นนั้นนางก็ไม่มีทางรอดแล้วจริงๆ
และทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดโปง พ่อบ้านกาวก็จะไม่ปกป้องนางอีก สิ่งที่รอนางอยู่ ก็คือหนทางแห่งความตายเส้นทางเดียว!
ความลับนี้นางจะต้องปล่อยให้เน่าสลายไปในท้อง ตอนนี้คนที่รู้เรื่องนี้ นอกจากนางแล้วก็คือแม่บังเกิดเกล้าของนาง ตอนนี้ท่านแม่ตายไปแล้ว เพียงแค่นางไม่พูด ก็จะไม่มีคนรู้อย่างแน่นอน
เช่นนี้ พ่อบ้านกาวก็จะเชื่อตลอดไปว่านางคือนายน้อยของเขา ใช้ชีวิตมาปกป้องนาง!
พ่อบ้านกาวเห็นหยุนอี่ว์โหรวไม่พูดจาอยู่นาน จึงมองนางด้วยความกังวลอย่างอดไม่ได้ “จวิ้นจู่?”
หยุนอี่ว์โหรวรีบดึงสติกลับมาทันที มองไปทางพ่อบ้านกาวด้วยดวงตาสีแดง ทุกคำทุกประโยคเต็มไปด้วยความจริงใจและปลื้มใจ
“ข้ารู้แล้ว พ่อบ้านกาว ข้าเชื่อใจเจ้าเป็นที่สุดมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าก็ไม่เคยทำร้ายข้า ยิ่งจะไม่เป็นศัตรูกับข้าด้วย ถูกหรือไม่?”
พ่อบ้านกาวพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าน้อยจะบุกน้ำลุยไฟเพื่อจวิ้นจู่พ่ะย่ะค่ะ!”
สิ้นเสียง หยุนอี่ว์โหรวก็เผยรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวที่ยากจะสังเกตเห็นได้ออกมาทันที
แต่บนใบหน้าของนางยังคงเป็นท่าทางที่น่าสงสาร กล่าวสะอึกสะอื้นกับพ่อบ้านกาวว่า “ขอบใจเจ้ามาก พ่อบ้านกาว หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าก็ไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำเช่นไร”
“ช่วงเวลาที่อยู่ในวังนี้ ข้าใช้ชีวิตเหมือนเดินอยู่บนเส้นด้าย ตื่นกลัวหวาดผวา ทั้งยังถูกหนานหว่านเยียนนั่นจ้องเล่นงาน ข้าไม่กล้าคิด หากว่าหนานหว่านเยียนและไท่เฟยเปลี่ยนหมาแมวมาเป็นองค์ชาย หนานหว่านเยียนกลายเป็นจวิ้นจู่ ทำให้จุดจบของข้า……”
ระหว่างนั้นนางเหลือบมองพ่อบ้านกาว พบว่าสีหน้าของเขาหวั่นไหวเล็กน้อย จึงร้องไห้ระบายความทุกข์มากขึ้นกว่าเดิมทันที “ทุกคนล้วนบอกว่า ต้องการตัดหายนะในภายภาคหน้า ตอนนี้ข้ากลัวว่าตัวเองจะสู้หนานหว่านเยียนผู้หญิงเจ้าความคิดเจ้าแผนการผู้นั้นไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นเบื้องหลังของนางยังมีไท่เฟยเหนียงเหนียงอีก ดังนั้นพ่อบ้านกาว ข้าขอร้องเจ้าจากใจจริง ช่วยข้าฆ่านางซะเถอะ!”
“เพียงแค่นางตาย ช่วงเวลาที่ข้าถูกดูหมิ่นนี้ ก็จะได้ระบายความแค้นแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ ฐานะของพวกข้า ก็จะไม่ถูกคนสงสัยอีกต่อไป หากว่าดวงวิญญาณท่านแม่ของข้าอยู่บนสวรรค์ ก็จะต้องซาบซึ้งในการปกป้องเจ้านายของพ่อบ้านกาวเป็นแน่……”
“ฆ่าหนานหว่านเยียน?” พ่อบ้านกาวตกใจ เหมือนจะเหนือความคาดหมายเล็กน้อย
หยุนอี่ว์โหรวขมวดคิ้วอย่างรุนแรง ร้องไห้และกล่าวขึ้นอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ “ข้ารู้ว่าท่านมีความกังวลมากมาย แต่ข้าก็ไม่อยากทำเช่นนี้นี่ เพราะคนเหล่านั้น เพราะหนานหว่านเยียนกดขี่ข่มเหงคนจนเกินไป แต่ละคนล้วนอยากจะบีบคั้นให้ข้าตาย!”
“พูดถึงที่สุด หากตอนนั้นเจ้าไม่สลับตัวข้าและหนานหว่านเยียน ข้าก็อยู่ข้างกายท่านแม่ของข้าตลอด บางที ก็อาจจะไม่ลำบากเช่นนี้!”
“อีกอย่างพ่อบ้านกาว เมื่อครู่เจ้ายังพูดอยู่ตลอดว่าจะยอมบุกน้ำลุยไฟเพื่อข้า หรือว่าตอนนี้ เจ้าต้องการจะกลับคำแล้วหรือ?”