ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 821
สองนายบ่าวพึ่งจะเดินออกมาจากตำหนักหยูซินได้ไม่นาน ก็เห็นนางกำนัลเดินมาหาทั้งสองด้วยความรีบร้อน
หนานหว่านเยียนจำนางกำนัลคนนี้ได้ เป็นนางกำนัลคนสนิทของไท่เฟย “เสด็จแม่ตามหาข้าหรือ?”
นางกำนัลพยักหน้าตอบ “เพคะ ไท่เฟยเหนียงเหนียงบอกว่าคนที่พระนางรอมาถึงแล้ว ตอนนี้มีเรื่องจะปรึกษาหารือกับพระนางเพคะ”
คนที่นางรอ?
ท่านน้าเข้าวังหรือ!
จิตใจของหนานหว่านเยียนพะว้าพะวังขึ้นมาทันที นางรีบหยิบเอาแหวนออกมาจากอกแล้วส่งไปให้เฟิงยาง พลางกำชับด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “ข้าจะไปหาเสด็จแม่ แหวนวงนี้กู้โม่หานเป็นคนมอบให้ข้า เห็นแหวนเท่ากับได้เห็นโอรสแห่งสวรรค์ ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีการอะไร จะข่มขู่หรือหลอกลวง ก็จะต้องพาตัวเกี๊ยวน้อยกลับมาให้จงได้!”
เฟิงยางรับคำสั่งด้วยสีหน้าที่จริงจัง “เพคะ บ่าวเข้าใจแล้ว!”
เฟิงยางรีบไปจัดการทันที หนานหว่านเยียนหันไปหานางกำนัลคนนั้น พลางพูดขึ้นเสียงเบา “ไปกันเถอะ”
นางกำนัลย่อตัวทำความเคารพหนานหว่านเยียน จากนั้นก็รีบนำทางไปทันที แต่ระหว่างทางกลับไม่เห็นองครักษ์เดินลาดตระเวนแม้แต่คนเดียว จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ทำไมวันนี้ถึงไม่เห็นองครักษ์ลาดตระเวนเลย?”
ปกติในวังมีการคุ้มกันแน่นหนาเป็นอย่างมาก ตามหลักแล้วเวลาที่มีราชทูตจากต้าเซี่ยมาเยือน ก็ควรจะส่งทหารมาเฝ้ามากขึ้นกว่าเดิมจึงจะถูก แต่ระหว่างทางที่เดินมากลับไม่เห็นองครักษ์เลยแม้แต่คนเดียว จึงค่อนข้างน่าแปลกเป็นอย่างมาก
นางกำนัลเองก็กวาดสายตามองดูรอบๆ ด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “บ่าวก็ไม่ทราบเพคะ เมื่อครู่นี้ตอนที่บ่าวมาก็ยังเห็นองครักษ์ลาดตระเวนอยู่เลย”
“บางทีฝ่าบาทอาจจะรับสั่งให้พวกเขาไปเฝ้าที่พักของเหล่าราชทูตก็เป็นได้ ฮองเฮาเหนียงเหนียงไม่ต้องเป็นกังวลใจไปเพคะ”
เป็นแบบนี้แน่หรือ?
ในใจของหนานหว่านเยียนเต็มไปด้วยความสงสัย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรต่อ นางเดินตรงไปเรื่อยๆ เวลานี้เอง ก็เห็นโม่หวิ่นหมิงที่สวมชุดขาวสะอาดยืนอยู่บนทางเดิน
เขาสวมชุดสีขาวสะอาด หรี่ตาเล็กด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ท่านน้า!” หนานหว่านเยียนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แววตาของนางเป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันทีทันใด นางฉีกยิ้มกว้างพลางเดินเข้าไปโม่หวิ่นหมิง “ท่านน้า ข้าอยู่นี่!”
ท่านน้ามาแล้ว ความจริงทุกอย่างก็จะกระจ่าง
ในที่สุด พวกเขาก็สามารถเดินทางกลับต้าเซี่ยได้อย่างสบายแล้ว…
พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย โม่หวิ่นหมิงก็รีบหันกลับมาทัน จากนั้นก็ทอดสายตามองไปที่หนานหว่านเยียน
“หว่านหว่าน?” เขาสาวเท้าเดินตรงไปหาหนานหว่านเยียนโดยที่ไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว ความงดงามที่อยู่ในดวงตาของเขางามกว่าดอกไม้ริมทางทั้งสองข้างเป็นไหนๆ
หนานหว่านเยียนเองก็วิ่งตรงไปหาเขา รอยยิ้มของนางเบิกบานราวกับดอกไม้แย้ม แต่ยังไม่ทันที่นางจะเดินไปถึงโม่หวิ่นหมิง จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีทันใด พลางตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง “หว่านหว่าน ระวัง!”
หนานหว่านเยียนยังไม่ทันได้ตั้งตัว พอหันไปก็มีกลุ่มชายชุดดำราวห้าหกคนถือดาบยาวพุ่งตรงเข้ามาฟันนาง
“อ้า…” หนานหว่านเยียนยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว นางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตกใจจนหน้าขาวซีดไปหมด ร่างกายแข็งทื่อก้าวขาไม่ออกแม้แต่นิดเดียว
“รีบหลบไป!” สีหน้าของหนานหว่านเยียนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที พลางผลักนางกำนัลออกไป นางกำนัลล้มลงไปกองกับพื้น
ชายสวมหน้ากากที่เป็นหัวหน้าไม่ได้สนใจนางกำนัลแต่อย่างใด พวกเขาถือดาบพุ่งเข้าไปฟันหนานหว่านเยียนต่อ ฉากตรงหน้าดูเหมือนกับผีร้ายที่กำลังจะมาคร่าชีวิตก็ไม่ปาน
หนานหว่านเยียนกำลังตั้งครรภ์ จึงเคลื่อนไหวไม่ค่อยคล่องแคล่วเท่าไหร่นัก นางเพิ่งจะล้วงเจอกระทะในช่องว่าง กลุ่มชายชุดดำก็พากันกรูเข้าไปฟันนางด้วยความโกรธแค้น
ปึง หนานหว่านเยียนรีบเอากระทะขึ้นมาบังด้วยความรวดเร็ว เสียงกระทบดังแสบหูเป็นอย่างมาก ระยะที่ประชันชิด ทำให้หนานหว่านเยียนมองเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของชายชุดดำได้อย่างชัดเจน
นางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก พยายามต้านไว้อย่างสุดกำลัง “พวกเจ้าเป็นใคร?! ใครเป็นคนสั่งให้พวกเจ้ามา หยุนอี่ว์โหรวรึ?”
เป็นไปไม่ได้ที่วังหลวงจะมีกองกำลังที่ไม่รู้จักปรากฏตัวขึ้น อีกอย่างคนกลุ่มนี้มีเป้าหมายชัดเจน พวกเขาต้องการให้นางตายสถานเดียว
ในวังหลวงมีเพียงกองกำลังของต้าเซี่ยเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น หรือว่า คนของต้าเซี่ยต้องการจะให้นางตาย?
แน่นอนว่าชายชุดดำไม่มีทางตอบคำถามอยู่แล้ว พวกเขาเพิ่มแรงกดด้ามดาบให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ตั้งใจจะผ่าทั้งคนทั้งกระทะให้ขาดสะบั้นไปพร้อมๆ กัน โม่หวิ่นหมิงบินข้ามมาจากอีกด้านอย่างรวดเร็ว พลางฟันดาบใส่คนชุดดำสองคนด้วยความเกรี้ยวกราด เมื่อเห็นว่าหนานหว่านเยียนกำลังจะต้านไม่ไหวแล้ว ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที “หว่านหว่าน!”
โม่หวิ่นหมิงดีดตัวลอยขึ้นโดยที่ไม่คำนึงถึงขาของเขาที่พึ่งจะฟื้นตัวเมื่อไม่นานมานี้ เขาถีบชายชุดดำอย่างเต็มแรง ชายชุดดำกระเด็นไปกองกับพื้น ชายชุดดำอีกสองก็พุ่งเข้าหาโม่หวิ่นหมิงตามมาติดๆ
โม่หวิ่นหมิงตั้งรับไม่ทัน รู้สึกเจ็บแปล๊บเข้าที่แผ่นหลัง เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ พึ่งดึงสติกลับมาได้ หนานหว่านเยียนก็เห็นชายชุดดำอีกคนกำลังง้างดาบจะฟันโม่หวิ่นหมิง สีหน้าของนางเปลี่ยนไปฉับพลัน พลางโยนกระทะในมือออกไปสุดแรง “ท่านน้า! ระวังด้านหลัง!”
กระทะลอยไปโดนชายชุดดำคนนั้นเข้าอย่างจัง ชายชุดดำเจ็บจนมึนไปหมด โม่หวิ่นหมิงแววตาเย็นยะเยือก ฉวยโอกาสนี้รีบแย่งดาบมาจากมือของชายชุดดำอีกคน แทงดาบเข้ากลางท้องของชายชุดดำที่นอนกองอยู่กับพื้นนับสิบครั้ง จากนั้นก็สะบัดดาบออก
เขาหันไปหาหนานหว่านเยียน พลางดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็ถอยออกมาพร้อมกับปกป้องนางไว้ ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “หว่านหว่าน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไร…ท่านน้า! ท่านบาดเจ็บ!” หนานหว่านเยียนอยากจะถามอาการของเขา แต่ทันใดนั้นเอง นางก็เห็นบาดแผลขนาดใหญ่บนแผ่นหลังของเขา เลือดสีแดงสดเลอะเปื้อนชุดสีขาวบริสุทธิ์ของนาง คราบเลือดซึมเป็นวงกว้างแดงเข้มสะดุดจนน่าตกใจ
หนานหว่านเยียนตกใจเป็นอย่างมาก ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ กรอบตาของนางแดงก่ำลมหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ
“ให้ข้าดูหน่อย!”
โม่หวิ่นหมิงกลับจับมือของนางไว้แน่น ขาของเขายังไม่ได้หายสนิท เวลาออกแรงมากๆ เข่าก็จะรู้สึกเจ็บจนแทบทนไม่ไหว เขาพยายามข่มความเจ็บปวดที่ขาและบาดแผลที่แผ่นหลังของเขา “จัดการเจ้าพวกนี้ให้เสร็จก่อน ค่อยมาดูก็ยังไม่สาย”
หัวหน้ากลุ่มชายชุดเห็นท่าแล้ว ความอาฆาตในแววตาก็เพิ่มขึ้นมาเป็นทวีคูณ “ฆ่าพวกมันเสีย! รวดเร็วและฉับไวที่สุด!”
ดูเหมือนเวลาผ่านไปนาน ทว่าความจริงกลับเป็นเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น
นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างคนเดียวมองดูโม่หวิ่นหมิงที่ปกป้องหนานหว่านเยียนไว้ข้างหลังกำลังต่อสู้กับชายชุดดำที่เหลือ ก็ตัดสินใจวิ่งโซซัดโซเซออกไปด้านนอกด้วยความสั่นเทา พลางตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง “ใครก็ได้! ช่วยด้วย!”
“ช่วยด้วย…มี…มีนักฆ่า!”
แต่ไม่ว่านางกำนัลจะตะโกนเรียกเท่าไหร่ บริเวณรอบๆ ก็ไม่มีเงาองครักษ์ของวังหลวงแม้แต่คนเดียว
เมื่อเห็นว่านางกำนัลวิ่งไปไกลแล้ว แต่ทว่าเหล่านักฆ่าชุดดำกลับยังใจเย็น ไม่ได้ส่งคนให้ไปจับนางกำนัลกลับมาแต่อย่างใด
โม่หวิ่นหมิงปกป้องหนานหว่านเยียนไว้ด้านหลัง พลางใช้ดาบต่อสู้ฟาดฟันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ถึงแม้บาดแผลที่แผ่นหลังของเขาจะไม่ได้อันตรายถึงชีวิต แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร
บาดแผลที่แผ่นหลังของเขาจึงปวดแสบปวดร้อนเป็นอย่างมาก
เขาขบกรามแน่น พลางจ้องมองกลุ่มชายชุดดำด้วยแววตาที่คมกริบประหนึ่งมีดคมก็ไม่ปาน
“คิดจะทำร้ายนาง นอกเสียจากข้าจะตายก่อน…”