ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 823 อย่าถลำซ้ำกับความผิดพลาดเดิม

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 823

หนานหว่านเยียนล้มลงไปพร้อมกับโม่หวิ่นหมิง สายตาจ้องมองไปยังกู้โม่หานที่ถือคันธนูอยู่ในมือ จู่ๆ นัยน์ตาของนางก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เสี้ยวเวลานั้นนางสัมผัสไม่ได้แม้กระทั่งลมหายใจ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่อยากจะเชื่อสายตา หัวใจของนางเจ็บปวดอย่างรุนแรง ราวกับว่าหัวใจกำลังถูกมือใหญ่ฉีกอย่างเหี้ยมโหดก็ไม่ปาน

ที่ครรภ์ของนางค่อยๆ ปวดขึ้นอย่างรุนแรง

กู้โม่หาน! กู้โม่หานฆ่าท่านน้า!

กู้โม่หานยืนมองนางอยู่ที่เดิม ในหัวของเขาว่างเปล่าไปหมด องครักษ์ที่อยู่ข้างๆ กู้โม่หานรีบพากันกรูเข้าไปหาหนานหว่านเยียนทันที “รีบเข้าอารักขา ฮองเฮาเหนียงเหนียงถูกลอบสังหาร!”

กลุ่มนักฆ่าชุดดำเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดี จึงขบฟันพลางสั่งเสียงดัง “ถอย!”

เหล่าองครักษ์รีบตามไปทันที

บาดแผลของโม่หวิ่นหมิงเลือดไหลไม่หยุด เขาไอออกมาอย่างรุนแรง ดึงสติของหนานหว่านเยียนกลับมาได้

ในหัวที่เต็มไปด้วยสับสนวุ่นวาย หลังจากมองดูใบหน้าที่ซีดเผือดของโม่หวิ่นหมิงแล้ว นางก็ได้สติขึ้นมาทันที “ท่านน้า!”

เสื้อของโม่หวิ่นหมิงที่เดิมทีเป็นสีขาว เวลานี้ถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด ทั้งมือและชุดของนางก็เลอะไปด้วยคราบเลือดเช่นกัน

หนานหว่านเยียนรู้สึกปวดท้องเป็นอย่างมาก แต่นางพยายามข่มเจ็บเอาไว้ มือข้างหนึ่งกดบาดแผลของเขา ส่วนมืออีกข้างกำลังควานหาผ้าพันแผลจากช่องว่าง นางอยากที่จะสงบสติอารมณ์ให้ได้ ทว่าริมฝีปากที่สั่นเทาได้เปิดเผยสภาวะจิตใจของนางออกมาอย่างชัดเจน

“ท่านน้า ท่านน้า อดทนเอาไว้ ท่านจะไม่เป็นอะไร ข้าจะช่วยท่านเดี๋ยวนี้! ท่านห้ามหลับเด็ดขาด!”

ใบหน้าของโม่หวิ่นหมิงขาวซีด ตัดกับสีของคราบเลือดที่ยิ่งทำให้ดูซีดเซียวไร้ชีวิตชีวาเข้าไปใหญ่

บาดแผลที่แผ่นหลังของเขาเจ็บปวดรวดร้าวราวกับกำลังถูกไฟแผดเผาก็ไม่ปาน ทรมานกว่าบาดแผลที่ท้องของเขา ความเจ็บปวดลามไปจนถึงขั้วหัวใจ ดูเหมือนเขาจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง โม่หวิ่นหมิงจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง “หว่านหว่าน…”

ไม่ไกลออกไป กู้โม่หานกำลังมองไปยังหนานหว่านเยียนและโม่หวิ่นหมิงที่กำลังบาดเจ็บอยู่ พอดึงสติกลับมาได้ สีหน้าของเขากลับขาวซีดยิ่งกว่าโม่หวิ่นหมิงเสียด้วยซ้ำ เขาคาดไม่ถึงแม้แต่นิดเดียวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

นัยน์ตาสีเข้มเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกและหวาดกลัว นิ้วมือสั่นเทาจนจับคันธนูไว้ไม่อยู่ จึงปล่อยให้มันร่วงหล่นไปยังพื้น

“ฝ่าบาท!”

เวลานี้เอง หยุนเหิงก็ได้มาถึงด้วยความรีบร้อน “นักฆ่าที่ลอบสังหารองค์หญิงถูกประหารจนหมดแล้ว! องค์หญิงอานผิงปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะ!”

หยุนเหิงสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

เมื่อครู่นี้ห้องบรรทมของกู้โม่หานมีการลอบสังหาร เขาจึงนำองครักษ์ทั้งหมดไปที่นั่น แต่นึกไม่ถึงเลยว่าฝีมือของนักฆ่าจะแกร่งขนาดนี้ ยังดีที่ห้องบรรทมของฮ่องเต้มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา จึงไม่เกิดเรื่องขึ้น

น่าเสียดายที่ไม่สามารถจับเป็นได้ มิเช่นนั้นคงจะสามารถสืบได้ว่าฝ่ายไหนเป็นคนสั่งการ

กู้โม่หานได้ยินแล้ว ทว่าเลือดที่ควบแน่นในร่างกายของเขาไม่ได้รู้สึกคลายลงแม้แต่นิดเดียว ปลายนิ้วของเขาเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง “หยุนเหิง ไปจับตัวนักฆ่าที่ลอบสังหารฮองเฮามาให้ข้าประเดี๋ยวนี้”

หยุนเหิงอึ้งไปชั่วขณะ “ฮองเฮาเหนียงเหนียงก็ถูกลอบสังหารด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ?!”

หยุนเหิงมองตามสายตาของเขา เมื่อเห็นสถานการณ์ของหนานหว่านเยียนและโม่หวิ่นหมิง สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที

หางตาของหยุนเหิงเหลือบเห็นคันธนูที่หล่นอยู่ข้างเท้าของกู้โม่หาน ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเขาไม่กล้าที่จะเสียเวลาแม้แต่เสี้ยวนาที รีบนำองครักษ์ออกไปตามล่าตัวนักฆ่าทันที

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”

ทันทีที่หยุนเหิงออกไปแล้ว กู้โม่หานก็สาวเท้าอันหนักหน่วงตรงไปหาหนานหว่านเยียนอย่างช้าๆ

หนานหว่านเยียนนำผ้าพันแผลที่สะอาดออกมา จากนั้นก็รีบนำผ้าพันแผลกดไปที่บาดแผลของเขาอีกครั้ง หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่เย็นเฉียบ นางกัดริมฝีปากไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะร้องไห้ออกมาในเวลานี้อย่างไรอย่างนั้น เพราะสายตาที่พร่ามัวจะส่งผลต่อการช่วยเหลือของนาง

หลังจากที่ทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สังเกตเห็นว่าคราบเลือดที่ริมฝีปากของเขานั้นได้กลายเป็นสีดำ นางจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกขึ้นมา ทำไมจู่ๆ เลือดถึงกลายเป็นสีดำไปได้ เขาถูกพิษตรงไหนกัน นางจึงรีบหยิบเอายาล้างพิษจากช่องว่างออกมาฉีดให้เขาด้วยความรีบร้อน

“หว่านหว่าน…” โม่หวิ่นหมิงเรียกชื่อนาง แต่ทันใดนั้นเองจู่ๆ เขาก็กระอักเลือดออกมาจำนวนมาก สีของเลือดเข้มยิ่งกว่าเดิม ความแสบร้อนที่แผ่นหลังของรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ที่หัวใจก็เจ็บปวดขึ้นเป็นทวีคูณ

จู่ๆ เขาก็เอื้อมมาจับมือของนางที่กำลังกดแผลของเขาอยู่ หนานหว่านเยียนจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ใบหน้าซีดเผือด “ท่านน้า…”

เขายิ้มให้กับนางด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเฉกเช่นที่ผ่านมา ทว่าอ่อนแรงเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอ่ยปากขึ้น

“หว่านหว่าน อย่า…อย่าเสียเวลาเลย”

“น่าเสียดาย…ที่ไม่ได้…กลับต้าเซี่ยพร้อมกับเจ้า และ…และก็ไม่สามารถปกป้องเจ้า…กับพวกเด็กหญิงอีกต่อไป…”

สิ่งที่น่าเสียดายที่สุด ก็คือคำว่าชอบของเขา ท้ายที่สุด…เขาก็ไม่สามารถพูดมันออกมาได้อีก

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังจะตายหรือเปล่า ความทรงจำมากมายในอดีตค่อยๆ พรั่งพรูเข้ามาในหัวของเขา เขาจ้องมองหนานหว่านเยียนด้วยแววตาที่ลุ่มหลง เพียงชั่วอึดใจก็ได้ย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อในอดีต

ตอนนั้นองค์หญิงชิงได้พาเขาที่อายุเพียงสี่ขวบเดินทางไปยังอู้ไห่

อู้ไห่ห่างจากวังหลวงของต้าเซี่ยค่อนข้างไกล ที่นั่นเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ ไร้ซึ่งผู้คนสัญจร องค์หญิงชิงชอบที่แห่งนั่น คนผู้นั้นก็ชอบ

ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะยังเด็ก แต่เพราะได้รับการสอนจากคนผู้นั้น เขาจะมีนิสัยที่ค่อนข้างสุขุมและเข้มงวด

ในความทรงจำของเขา อุปนิสัยขององค์หญิงชิงทั้งเย็นชาและหยิ่งผยอง ไม่เคยรักผู้ใดมาก่อน ทว่าในค่ำคืนนั้น เขากลับได้เห็นแสงประกายสุกใสดั่งกวางน้อยในดวงตาขององค์หญิงชิงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เขาจึงเข้าใจได้ในทันที ว่าองค์หญิงชอบคนผู้นั้น

เพียงแต่ว่าสถานการณ์ในตอนนั้นค่อนข้างโกลาหล คนที่รักต้องมาพลัดพรากจากกันอย่างไม่มีทางเลือก

ก่อนที่องค์หญิงชิงจะไปจากต้าเซี่ย ก็ได้ลูบท้องเบาๆ พร้อมกับถามเขาด้วยความรักและเอ็นดู “หวิ่นหมิง ฐานะของเจ้าสูงส่ง แต่กลับต้องมาอยู่ข้างกายข้าในฐานะน้องชายบุญธรรม เจ้าเคยรู้สึกน้อยใจบ้างหรือไม่?”

เขาส่ายหน้าเบาๆ “ฐานะบรรดาศักดิ์ขององค์หญิงใหญ่ต่างหากที่สูงส่งและมีเกียรติเป็นที่สุด หวิ่นหมิงเคารพและจะปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่านอาจารย์ คอยติดตามองค์หญิงใหญ่ ไม่เคยที่จะรู้สึกน้อยใจแม้แต่ครั้งเดียว!”

องค์หญิงชิงได้ยินแล้วก็หัวเราะเสียงเบา “เช่นนั้นหากเจ้าโตขึ้นแล้ว เจ้าอยากจะทำอันใด?”

เขาตอบกลับเสียงใสโดยที่ไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว “ข้าจะปกป้ององค์หญิงและจวิ้นจู่ที่กำลังจะกำเนิดในไม่ช้า จงรักและภักดีต่อแผ่นดินต้าเซี่ย!”

องค์หญิงชิงได้ยินแล้วก็หัวเราะด้วยความจนใจ พลางจ้องมองดวงตาที่เต็มไปด้วยแสงประกายแวววาว จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้ว่าโศกเศร้าหรืออะไรกันแน่ “เจ้าได้รับการสอนจากคนผู้นั้นจริงๆ อายุเพิ่งจะไม่กี่ขวบ แต่สีหน้ากลับเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา”

“ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นเหมือนเช่นเขา ต่อไปภายภาคหน้าเจ้าก็จะมีความคิดเป็นของตนเอง มีคนที่เจ้ารัก และอาจจะเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคนที่เจ้ารักโดยที่ไม่คำนึงถึงชีวิตของตนเอง ข้าหวังว่าเจ้าจะได้ครองรักกับหญิงผู้นั้นไปจนแก่เฒ่า อย่าถลำซ้ำกับความผิดพลาดเดิมเฉกเช่นข้าและเขา”

ในตอนนั้นเขาไม่เข้าใจความหมายแต่อย่างใด และก็ไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดขององค์หญิงชิง จวบจน…

ผ่านไปหลายเดือน องค์หญิงชิงก็ได้มีบ้านใหม่ที่แคว้นซีเหย่ และก็กำลังจะคลอดบุตรในไม่ช้า

เวลานั้น ความรู้สึกของเขาหลากหลายอารมณ์เป็นอย่างมาก แต่กลับทำได้เพียงเดินวนไปมาอยู่หน้าประตูเท่านั้น

ทันใดนั้นเอง เสียงร้องไห้ของทารกก็ดังก้องไปทั่ว ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หัวใจดวงน้อยๆ ของเขาสั่นไหวเป็นอย่างมาก

องค์หญิงชิงอุ้มทารกน้อยด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด พลางแนะนำให้เขารู้จักด้วยความทะนุถนอม “หวิ่นหมิงเจ้าดูสิ เด็กคนนี้หน้าตาเหมือนข้าเสียไม่มี เหมือนคนผู้นั้น…”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท