ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 834 เขาสำนึกผิด

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้



ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 834

หยุนเหิงสำลักโดยพลัน “ฮ่องเต้……”

ณ ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศจมอยู่ในความกดดันเป็นอย่างยิ่ง ในเวลานี้ เท่เฟยรีบเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน

เดิมทีเสิ่นอี่ว์ก็ตามมาด้วย ทว่านางนึกถึงนักฆ่าที่แปลกประหลาดเหล่านั้น จึงสั่งให้เสิ่นอี่ว์ไปตรวจสอบเสียก่อน

เท่เฟ่ยมองเห็นกู้โม่หานจ้องมองประตูตำหนักไม่ขยับเขยื้อนด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก มิหนำซ้ำยังเห็นว่าปิ่นปักปิ่นปักผมตรงหน้าอกของเขายังคงไม่ได้รับการจัดการ นางก็ยิ่งเป็นห่วง

นางขมวดคิ้วมองไปยังหยุนเหิง “ตอนนี้อาการของฮองเฮาเป็นเช่นไรบ้าง?”

หยุนเหิงเหลือบมองกู้โม่หานอย่างระมัดระวัง ครั้นเห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาใด จึงเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟัง

“หมอหญิงที่หวยซื่ออ๋องพามากำลังให้การรักษาอยู่ด้านใน เพียงแต่……พระอาการของฮองเฮาเหนียงเหนียงไม่ค่อยดีนัก มี มีเลือดออกมา……”

เลือดออก?!

เท่เฟ่ยถอยหลังไปสองก้าวด้วยสีหน้าดูไม่ได้ นางแทบจะยืนไม่ไหว

จำต้องรู้ว่า หากตั้งครรภ์สามเดือนแล้วยังมีเลือดออกมา ก็เพียงพอที่จะอธิบายว่าหญิงมีครรภ์ได้รับการกระทบกระเทือนมากเพียงใด

ทว่าหว่านเยียนเพิ่งจะสูญเสียท่านน้าไป หากสูญเสียแม้แต่ลูกในท้องด้วย ความจงเกลียดจงชังที่มีต่อกู้โม่หาน จะต้องแปรเปลี่ยนเป็นความเลวร้ายอย่างแสนสาหัสเป็นแน่

ทว่าเรื่องราวแบบนี้ทำได้เพียงปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการ พวกเขาต่างกังวลใจอยู่ตรงนี้ ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

นอกจากนี้ อาการบาดเจ็บของโม่หาน จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยเร็วถึงจะถูก

นางขมวดคิ้ว มองหมอหลวงด้านข้างและเอ่ยถาม “ในเมื่อมาแล้ว เหตุใดจึงไม่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฮ่องเต้ล่ะ? ยืนงงทำอะไรกันอยู่?”

ครั้นได้ยินเช่นนี้ หมอหลวงก็คอตกยิ่งกว่าเดิม ส่วนหยุนเหิงก็ไม่กล้ากระทำการผลีผลาม เม้มริมฝีปากสนิทไม่พูดจา

แต่นางไม่มีฝีมือรักษา ไม่กล้าดึงปิ่นปักผมออกมาง่ายๆ เกรงจะทำให้กู้โม่หานบาดเจ็บ

หวงไท่เฟยมองใบหน้าซีดเซียวของกู้โม่หาน ดวงตาของนางแดงก่ำด้วยความเจ็บปวดใจ และเอ่ยถามออกไป

“โม่หาน เสด็จแม่ไม่ได้ตำหนิเจ้านะ เพียงแต่สถานการณ์ของเจ้าในเวลานี้ มันแย่มาก”

“เสด็จแม่มิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้ากับหว่านเยียน แต่เหตุใดเจ้าถึงยิงโม่หวิ่นหมิงจนตายเล่า? หรือเจ้าไม่อาจทนเขาได้แล้วจริงๆ?”

แทนที่จะบังคับให้กู้โม่หานรับการรักษา มิสู้เริ่มเสียตั้งแต่ต้นตอของเรื่องราว ถามให้แน่ชัดเสียเลยว่าเรื่องนี้มันเป็นมาอย่างไรกันแน่

หากความคับแค้นภายในใจของกู้โม่หานยังไม่ได้รับการปลดปล่อย พูดอะไรไปเขาก็ไม่ฟัง

ครั้นได้ยินเช่นนี้ หัวใจของกู้โม่ห่านก็หยุดนิ่ง เขากำมัดแน่นจนขาวซีด เงยหน้ามองไปที่เท่เฟย “เสด็จแม่ ลูกมิได้ทำ”

“คนที่นางให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ลูกไม่เคยมีความคิดที่จะลงมือฆ่า เช่นนั้นจะสังหารโม่หวิ่นหมิงได้อย่างไร ธนูดอกนั้น ลูกก็เพียงเพื่อช่วยหว่านเยียน มิได้มุ่งเป้าไปที่โม่หวิ่นหมิง”

ทว่าเขาสำนึกผิดเหลือเกิน สำนึกผิดที่ในตอนแรกตนเองใช้พละกำลังทั้งหมดที่มียิงธนูลูกนั้นออกไป หากใช้กำลังเพียงห้าส่วน แม้ว่าโม่หวิ่นหมิงจะโผไปตรงหน้านักฆ่า ก็คงไม่ถึงกับตาย

แต่เขาดันใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี ส่วนโม่หวิ่นหมิงก็ดันอยากช่วยชีวิตคนเช่นกัน มันถึงได้เหมาะเจาะเช่นนี้ บังเอิญเช่นนี้!

ในชั่วชีวิตนี้ เขากลัวว่าจะไม่สามารถลบล้างโทษฐานฆ่าโม่หวิ่นหมิงตายได้เลย มองแววตาของหว่านเยียนที่เกลียดชังเขา หัวใจของเขาสั่นเทา เขาจะยังพูดอะไรได้อีก พูดอะไรออกไปก็คือการตลบตะแลง และเถียงข้างๆคูๆ นางจะยิ่งจงเกลียดจงชังเขา!

แต่ก็น่าประหลาดใจมาก โม่หวิ่นหมิงบาดเจ็บที่ช่องท้อง เหตุใดถึงขาดใจตายอย่างรวดเร็วเช่นนี้……

หวงไท่เฟยมองแววตาที่ตำหนิตนเองของกู้โม่หาน รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างเสียมิได้ นางเชื่อลูกชายของตนเอง บางครั้งเขาอาจจะมีความคิดสุดโต่ง แต่ไม่อาจทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้

นางเอื้อมมือออกไปเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของกู้โม่หาน “ลูกรัก มิใช่ความผิดของเจ้า เสด็จแม่รู้ดี”

“ทว่าเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว โม่หวิ่นหมิงก็ไม่อาจกลับมาได้ อาการบาดเจ็บของเจ้า……”

“เสด็จแม่” กู้โม่หานกลับขัดจังหวะคำพูดของเท่เฟยขึ้นมากะทันหัน ดวงตาเรียวยาวจ้องมองเท่เฟยไม่กะพริบ ท้ายที่สุดจึงเอ่ยถามด้วยความหวาดกลัว

“ลูกกับหว่านเยียน ยังมีโอกาสอีกไหม? ลูก……อยากได้ครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตา”

หัวใจของหวงไท่เฟยสั่นไหว นางเห็นร่องรอยของการต่อสู้ดิ้นรนและความปรารถนาในแววตาของเขา ดวงตาของนางแดงก่ำอย่างเสียไม่ได้ หลีกเลี่ยงบาดแผลของกู้โม่หาน และกอดเขาแผ่วเบา

“โม่หาน เสด็จแม่กับเสด็จย่าของเจ้า จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ……”

นางก็คือแม่คนหนึ่ง มองเห็นลูกของตนเองทุกข์ทรมาน จะไม่ให้เจ็บปวดใจได้อย่างไร

ทว่าเรื่องของกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครถูกใครผิด ทำได้เพียงตำหนิว่า พวกเขาทั้งสองมีบุพเพแต่ไร้วาสนาต่อกัน

บางครั้งนางก็คิดโทษตนเอง หากสิบกว่าปีก่อนนั้นนางไม่พลาดที่จะได้อยู่เคียงข้างกู้โม่หาน บางทีบุคลิกของเขาคงไม่เอาใจยากเช่นนี้ เขาคงจะเข้าใจว่าอะไรคือการใจเต้น อะไรคือความรัก คงไม่เก็บหยุนอี่ว์โหรวทั้งที่ไม่ได้รักเอาไว้ข้างกาย จะต้องยิ่งเข้ากันได้กับทัศนคติสามประการของหนานหว่านเยียน และจะไม่เกิดสภาพอย่างตอนนี้แน่นอน

กู้โม่หานถูกเท่เฟยกอดเบาๆ ร่างกายสั่นไหวอย่างรุนแรง ถึงแม้เท่เฟยจะไม่ได้ตอบโดยตรง แต่เขารู้คำตอบแล้ว

ณ ชั่วขณะหนึ่ง ราวกับมีกระแสน้ำสีดำนับไม่ถ้วนไหลเชี่ยวกรากเข้ามา ความรู้สึกแน่นอกนั้น เขาหลับตาลงด้วยอย่างไร้เรี่ยวแรง นิ้วมือที่เดิมทีกำแน่น จู่ๆก็คลายออก

ณ เวลานี้เอง ประตูตำหนักก็ถูกคนด้านในผลักออกมา

หมอหญิงเฟิงเช่อก้าวออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ครั้นเงยหน้าเห็นผู้คนที่ประตู นางก็เดือดดาลขึ้นมาทันที!

หยุนเหิงเห็นนางออกมา จึงรีบเอ่ยถามอย่างร้อนใจโดยพลัน “หมอหญิง ตอนนี้ฮองเฮาเหนียงเหนียงพระอาการเป็นเช่นไร พ้นขีดอันตรายหรือยัง เด็กรอดชีวิตหรือไม่……”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท