นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 176 ผมอยู่ในเวลางานครับ…ไม่สะดวก

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ 971 เอะอะโวยวาย เจ้าต้องการความวุ่นวายแบบไหนกัน

หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินออกมาจากห้องผ่าตัดแล้วนั้น สาวใช้จัดเตรียมน้ำร้อนให้เฟิ่งชิงเฉินทันที หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเฟิ่งชิงเฉินจึงจะทานอาหาร

อาหารที่อยู่บนโต๊ะนั้น ล้วนเป็นอาหารรสอ่อนตามที่เฟิ่งชิงเฉินร้องขอ ถึงแม้ว่าจะดูเรียบง่ายธรรมดาทว่าทุกอย่างออกมาดูดีสวยงาม แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่สามารถกินไป จากนั้นก็สำลักออกมา

เฟิ่งชิงเฉินกินไปพลางก็คิดเรื่องหนึ่งไป กับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะล้วนแล้วดูไม่มีไอร้อนเลยแม้แต่น้อย เฟิ่งชิงเฉินฝืนกินลงไปอย่างไม่เต็มใจสองคำ จากนั้นจึงรีบกลับเข้าห้องไป

เสด็จอาเก้าไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่กลับอยู่ในลานอื่นนอกเมือง สำหรับที่นี่นับว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นใหญ่ที่สุด ถึงแม้ว่าเหล่าสาวใช้จะเกลี้ยกล่อมให้เฟิ่งชิงเฉินให้ความสำคัญกับร่างกายตนเองก่อน แต่กลับไม่กล้าเอ่ยขึ้นมาต่อหน้า เพียงแค่รู้สึกร้อนรนอยู่ในใจในการตั้งหน้าตั้งตารอให้เสด็จอาเก้ากลับมาโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นการตั้งตารอเสด็จอาเก้ากลับมานี้อาจจะทำให้เฟิ่งชิงเฉินผอมโทรมลงก็เป็นได้ โชคไม่ดีที่ต้องเป็นเขาเท่านั้น

สาวใช้ต่างก็วิตกกังวล เฟิ่งชิงเฉินเองก็กังวลไม่แพ้กัน อาการป่วยขององค์รัชทายาทนางเข้าใจเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการรับรู้จากปากของเสด็จอาเก้าว่าอาการประชวรขององค์รัชทายาทค่อนข้างหนัก จึงทำให้เฟิ่งชิงเฉินไม่มั่นใจในการผ่าตัดครั้งนี้เลย

ทำการฝึกซ้อมไปแล้วสองวัน นางจึงสามารถค้นพบความรู้สึกของการผ่าตัดหัวใจแล้ว ทว่านางก็ยังมีความมั่นใจในความสำเร็จแบบนี้เพียงแค่สองเต็มสิบเท่านั้น

ความมั่นใจเพียงแค่สองเต็มสิบนี้ แพทย์สามารถแนะนำให้ผู้ป่วยไม่ต้องได้รับการผ่าตัด แล้วปล่อยให้รอความตายไปอย่างช้า ๆ ได้

แต่องค์รัชทายาทไม่ใช่สามัญชนคนธรรมดา แม้ว่ามีความน่าจะเป็นเพียงแค่สองเต็มสิบ เขาก็ยังคงเลือกที่จะเข้ารับการผ่าตัด

“ในตอนนี้ข้าเพียงแค่ต้องพยายาม จะลองดูว่ามีแผนการผ่าตัดที่ดีกว่านี้หรือไม่” เฟิ่งชิงเฉินกลับเข้ามาถึงด้านในของห้อง ความรู้จากกระเป๋าพยาบาลสามารถแลกเปลี่ยนเป็นนิตยสารด้านหัวใจ แต่น่าเสียดายที่นิตยสารเหล่านี้กลับเป็นฉบับแรก ๆ ที่มีออกมา ทำให้ความรู้ด้านการแพทย์ยังไม่ได้รับการอัพเดตให้ใหม่ขึ้น

นิตยสารส่วนใหญ่เป็นงานประพันธ์เกี่ยวกับหัวใจของต่างประเทศและเป็นวิทยานิพนธ์รวมถึงการโฆษณาสถาบันการแพทย์ วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์หัวใจค่อนข้างน้อย เฟิ่งชิงเฉินเห็นบทความเพียงสามบทความ หนึ่งในนั้นมีมุมมองที่แปลกใหม่ โดยกล่าวว่าการทำบายพาสหัวใจและการซ่อมแซมสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องตัดปริมาณเลือดแดง

ดาวตาของเฟิ่งชิงเฉินเป็นประกาย เมื่ออ่านวิทยานิพนธ์ทั้งหมดจบแล้ว ปรากฏว่าพบวิธีที่มีความเป็นไปได้ทางทฤษฎี เพียงแต่ว่าในตอนนี้มันยากเกินไปที่จะทำแบบนั้น หากปริมาณเลือดแดงไม่ถูกตัดออก อาจทำให้เลือดออกมากได้ง่าย และ เมื่อหัวใจเต้นขณะทำการผ่าตัด กล้ามเนื้อหัวใจจะตึง และรายที่เป็นมากจะเสียชีวิตทันที

ในขณะที่ทำการผ่าตัดหัวใจอยู่นั้น เพื่อยับยั้งอาการบาดเจ็บชองกล้ามเนื้อหัวใจ ทุก ๆ ยี่สิบสามสิบถึงสามสิบนาทีต้องทำการคาดิโอพลีเกีย

“เป็นมุมมองที่ทันสมัยมาก แล้วก็ยากมากด้วยเช่นกัน หากว่ามีทีมแพทย์มืออาชีพและอุปกรณ์ทางการแพทย์ระดับโลกก็อาจเสี่ยงได้แต่สภาพแวดล้อมที่ข้าอยู่ตอนนี้รับความเสี่ยงแบบนั้นไม่ได้ ” เฟิ่งชิงเฉินปิดนิตยสารลง แล้งฝืนกระพริบตาแห้ง ๆ ก่อนจะหาวออกมา จากนั้นจึงถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกแล้วหลับลง

คงจะเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป คงจะเป็นเพราะเส้นประสาทของนางตึงเกินไป เฟิ่งชิงเฉินที่รู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอด แต่ตอนกลางดึกที่เสด็จอาเก้าปีนขึ้นไปบนเตียง นางกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนอง

“แม่นางน่าโง่” เสด็จอาเก้าโอบกอดเฟิ่งชิงเฉินไว้ในอ้อมกอดด้วยดวงใจที่เจ็บปวด เฟิ่งชิงเฉินที่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของเสด็จอาเก้าทำให้ค้นพบที่ที่เหมาะสมแล้ว หัวเล็กขยับอย่างเชื่องช้าก่อนจะกลับเข้าสู่ห้วงนิทราเช่นเดิม

เสด็จอาเก้ารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเหนื่อยมาก จึงปฏิบัติต่อนางอย่างเบามือเบาเท้าตลอด ในความมืด เขาจับทั้งสองมือของเฟิ่งชิงเฉินแล้วนวดให้อย่างเบามือ

เขาได้ยินมาว่าเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในห้องผ่าตัดเป็นเวลาเจ็ดแปดชั่วโมงในช่วงสองวันที่ผ่านมา นอกจากการกินและการนอนหลับ ก็มักจะอยู่ในห้องผ่าตัด ห้องผ่าตัดเต็มไปด้วยเลือด และคนรับใช้ที่ทำความสะอาด จนหน้าซีดทุกวัน

ดูทีท่าของเฟิ่งชิงเฉินที่เหนื่อยมาก ในใจของเสด็จอาเก้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด พลางคิดในใจ หลังจากกลับมาจากซานตง จะพาเฟิ่งชิงเฉินไปเล่นที่เจียงหนานได้ไหม เพียงแค่ไปเล่น…

เป็นอีกคืนที่เฟิ่งชิงเฉินหลับพักผ่อนอย่างดี เมื่อแสงแรกของแสงแดดส่องเข้ามาในห้องในตอนเช้า เฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา ถึงอย่างไรก็ยังคงความมึนงงอยู่……

เกิดอะไรขึ้น ข้าโดยลักพาตัวมางั้นรึ?

หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินเต้นไม่เป็นจังหวะ นางไม่รู้สึกสับสนเมื่อนางเพิ่งตื่นขึ้นมา ทันใดนั้นนางก็ลืมตาขึ้นและเห็นคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้า ทำให้หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินก็หล่นลงไปที่ทรวงอก

หลังจากที่สงบลง กลิ่นหอมของไม้ไผ่จาง ๆ บนร่างของเสด็จอาเก้าก็โชยเข้าจมูกของนาง เฟิ่งชิงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่ เพียงแต่ว่ากลับไม่สามารถขยับตัวได้ ทั้งยังอยู่ในอ้อมกอดของเสด็จอาเก้าที่ไม่ได้จยับตัวไปไหน

ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินตกใจเสด็จอาเก้าก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ว่ากำลังแกล้งหลับอยู่ตลอด เพราะอยากดูว่าเฟิ่งชิงเฉินจะทำอะไร ซึ่งผลลัพธ์คือนอกจากการจกใจจนตื่นแล้วเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ขยับตัวเคลื่อนไหวอะไรอีกเลย

เสด็จอาเก้ารู้สึกกลัดกลุ้มใจที่รอมานานแล้วแต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ทำอะไรสักที จึงทำได้เพียงแค่กอดรัดเฟิ่งชิงเฉินด้วยแรงที่มากกว่าเดิมเพื่อให้ร่างกายแนบชิดกันกับเฟิ่งชิงเฉินมากขึ้น จากนั้น……

ไม่เกินความคาดหมาย ในตอนเช้าผู้ชายค่อนข้างใจร้อน ก่อนหน้านี้เสด็จอาเก้าอยากจะบิดตัวไปมาเล็กน้อย แต่เจ้านี่ก็กลับมีปฏิกิริยาขึ้นมาซะงั้น

ฮึ่ย ๆ…… สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเสด็จอาเก้าขึ้นมา ทำให้เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะอยู่ในใจอย่างเยือกเย็น ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลย

ก่อนหน้านี้นางไม่กล้าขยับตัว เพราะรู้ว่าผู้ชายในตอนเช้าจะฮึกเหิมได้ง่าย คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าจะเข้าถึงเหตุผลนี้ได้ด้วย ซึ่งผลลัพธ์ก็คือเป็นเสด็จอาเก้าเองที่ตื่นขึ้นมา แต่นี่ก็โทษนางไม่ได้จริง ๆ

สาวน้อยไร้คุณธรรม

เสด็จอาเก้าลืมตาขึ้นมา แล้วมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยผิวที่แดงจัด จากนั้นจึงแตะหน้าผากของเฟิ่ง ชิงเฉินด้วยหน้าผากของเขาอย่างไร้มารยาท เพียงเพื่อต้องการลงโทษเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้น

เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจนทำแบบนี้แล้วเฟิ่งชิงเฉินก็ยังไม่ขยับตัว

“เจ็บแล้ว ไม่ต้องชนแล้ว ถ้าชนอีกสมองจะกระทบกระเทือนแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินขยับตัว แต่กำมือแน่นแล้ววางไว้ระหว่างเสด็จอาเก้ากับนาง “อย่าเข้ามา วุ่นวายแต่เช้า ประจำเดือนดือนที่สามข้ายังไม่มา”

“อะแฮ่ม…” เสด็จอาเก้าสำลักกับคำพูดตรงไปตรงมาของเฟิ่งชิงเฉิน จนลืมถามว่าสมองกระทบกระเทือนคืออะไร

ติดสัดงั้นหรือ?

คำนี้ยังฟังไม่ค่อยเพราะสักเท่าไรจริง ๆ แต่กลับเหมาะสมที่สุดแล้ว?

“วางใจเถิด ข้าจะรักษาสัญญา สามเดือนก็สามเดือนแล้ว” เสด็จอาเก้าพูดอย่างจริงใจ ราวกับว่าฉันเป็นสุภาพบุรุษที่ซื่อสัตย์และจะทำตามที่พูด

เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเงียบ ๆ นางเชื่อในตัวของเสด็จอาเก้าแต่ในขณะที่นางกำลังผ่อนคลายนั้น เสด็จอาเก้าก็หันกลับมาและกดร่างของเฟิ่งชิงเฉินลงไป

“ระ….” คน

ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะเอ่ยปาก กลับถูกประกบด้วยปากของเสด็จอาเก้าในทันที

“อื้มม……” เฟิ่งชิงเฉินพยายามดิ้นรนเล็กน้อย แต่เสด็จอาเก้ากลับไม่สนใจ

ท่าทีของผู้ชายในสถานการณ์แบบนี้ช่างดูไม่น่าเชื่อถือ

เสด็จอาเก้าจูบริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นไล้ริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉิน ด้วยความอดทนอย่างพิถีพิถัน ใช้ปลายลิ้นเลียเบา ๆ ราวกับว่าไม่มีอะไรอยู่ในนั้น จนทำให้เฟิ่งชิงเฉินสั่นเล็กน้อย

เมื่อเห็นสายตาที่พร่ามัวในดวงตาของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย และยังคงล่อลวงริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉินต่อไป

เมื่อเห็นว่าการต่อต้านนั้นไร้ประโยชน์ เฟิ่งชิงเฉินจึงสนุกไปกับมัน เผชิญหน้ากับคำเชื้อเชิญของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินเลียลิ้นของนางเบา ๆ วาดบนริมฝีปากของเสด็จอาเก้าและตอบสนองทีละน้อย

เรื่องพันธุ์นี้ หากว่าอดไม่ได้ก็ควรสนุกไปกับมัน อย่าทำเป็นเหมือนขมขื่นแล้วเพิกเฉยต่อมัน

“ชิงเฉินของข้า เด็กดี” เสด็จอาเก้าพอใจมากกับความร่วมมือของเฟิ่งชิงเฉิน และประกายไฟก็พุ่งออกมาจากดวงตาที่ไม่แยแสของเขา มือของเสด็จอาเก้ายังคงจับจ้องไปที่เฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นก็ปล่อยให้มือของตนไต่อยู่บนยอดทรวงอกของเฟิ่งชิงเฉินทีละนิด มือของเสด็จอาเก้าดูเหมือนจะมีพลังเวทย์มนตร์ ไม่ว่าจะเคลื่อนไปที่ไหนอุณหภูมิร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินก็สูงขึ้นเช่นกัน…

แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะตกอยู่ในอาการโคม่า แต่จิตใจของนางก็ยังสามารถพลิกผันได้ เมื่อมือของเสด็จอาเก้าลูบท้องส่วนล่างของนางไปมา เฟิ่งชิงเฉินก็หันหน้าหนีและเตือนด้วยเสียงที่ไม่ดี “เสด็จอาเก้าอย่าลืมคำสัญญาของเจ้า…”

“ข้า……”

ในขณะที่เสด็จอาเก้าเปิดปากพูดออกมาได้หนึ่งคำ ด้านนอกบ้านก็เกิดเสียงดังโครมครามขึ้นมา…..

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท