นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 204 บ้าจริง ทำลายแผนการ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 204 บ้าจริง ทำลายแผนการ

“เฟิ่งชิงเฉิน คนเหล่านั้นหลอกใช้เจ้าคุ้มเสียจริง ถึงกับปิดกั้นทางลงเขา เจ้าควรจะอธิษฐานให้ตนมีค่าพอ มิเช่นนั้นเจ้าคงต้องตายไปพร้อมข้า” หนานหลิงจิ่นฝานหน้าเสียอย่างมาก

วังใต้ดินแห่งนี้วิเศษและหายากอย่างมาก แต่หากมีคนพบสถานที่แห่งนี้และปิดกั้นทั้งทางขึ้นและลงเขา เช่นนั้นคนในวังใต้ดินก็ไม่มีทางหนีรอด

นี่คือเหตุผลที่หนานหลิงจิ่นฝานจับตัวเฟิ่งชิงเฉินมาด้วย เขาหวังเพียงแค่ว่าคนที่ลงมือนั้น จะสนใจเฟิ่งชิงเฉินเพียงเล็กน้อยก็พอ……..

เฟิ่งชิงเฉินกัดริมฝีปากและไม่พูด…

นางไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังแผนนี้ แต่นางมั่นใจว่าคนๆ นั้นจะไม่มีวันปล่อยหนานหลิงจิ่นฝานไปเพราะตนอย่างแน่นอน

เฟิ่งชิงเฉินวางมือบนกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะอย่างเงียบ ๆ นางจะไม่ฝากชีวิตให้กับคนที่หลอกใช้นาง

หนานหลิงจิ่นฝานเห็นว่าทางเข้าและทางออกถูกปิดกั้น เขาไม่เพียงแต่ไม่หยุดม้า แต่กลับเหวี่ยงแส้แทน “ไป”

ม้าคำรามและวิ่งด้วยสุดกำลัง

“ยิงธนู องค์ชายสามแห่งหนานหลิงมา” คนของตงหลิงยกคบเพลิงในมือขึ้น พวกเขามีความสุขเมื่อเห็นหนานหลิงจิ่นฝานบุกมาแต่ไกล

หากสามารถสังหารหนานหลิงจิ่นฝานได้ ถือเป็นผลงานที่ใหญ่หลวงอย่างมาก

“เดี๋ยวก่อน” มีอีกคนยกมือขึ้นเพื่อหยุดนักธนูเอาไว้ “ดูก่อนว่าคนที่อยู่ในอ้อมแขนเขาคือใคร?”

“ไม่คิดว่าคนที่จู่โจมมานั้นจะให้ความสำคัญกับเจ้าอย่างมาก” หนานหลิงจิ่นฝานบีบหน้าเฟิ่งชิงเฉินให้หันเข้าหาจุดที่มีแสงไฟ

ภายใต้แสงไฟสอดส่องเฟิ่งชิงเฉินที่ที่เปียกชุ่มไปทั้งตัวดูน่าสมเพชมากกว่าเดิม

“คุณหนูเฟิ่ง” ทหารตงหลิงกล่าว มือธนูได้ยินเช่นนี้ก็มิกล้าเคลื่อนไหวต่อ

ก่อนที่จะขึ้นเขา เสด็จอาได้ออกคำสั่งไว้ว่า ห้ามให้คุณหนูเฟิ่งบาดเจ็บแม้แต่น้อย

“หยุด ท่านอ๋องมีคำสั่ง ห้ามทำร้ายคุณหนูเฟิ่ง” เมื่อนายพลได้ยินเช่นนี้ เร่งออกคำสั่งให้มือธนูหยุด ส่วนตนนั้นเข้าไปยืนขวางอยู่กลางถนน

“องค์ชายสาม ปล่อยคุณหนูเฟิ่งเอาไว้ แล้วเราจะปล่อยท่านลงจากภูเขา” คำสั่งที่นายพลได้รับนั้นมีมากกว่าที่มหารธรรมดาได้รับ

นั่นคือนำตัวเฟิ่งชิงเฉินกลับไปในสภาพที่ปลอดภัย โดยไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม การที่พวกเขาเจอถิ่นที่ตั้งของหนานหลิง ถือเป็นผลงานที่ดีแล้ว

“หึ หากอยากได้ตัวเฟิ่งชิงเฉิน พวกเจ้าต้องลงเขาไปให้หมด” หนานหลิงจิ่นฝานดึงบังเหียนและขี่ม้าไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

ในเมื่อคนเหล่านี้ไม่กล้าลงมือ จึงไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องเสี่ยงขี่ม้าพุ่งเข้าใส่

ทางขึ้นเขาและทางลงเขาแคบและอันตรายมากเหมือนกัน ถนนนั้นกว้างเพียงสามารถให้ม้าเดินตัวเดียวเท่านั้น แม้ว่าม้าของเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี แต่วิ่งตอนกลางคืนยังคงอันตรายอย่างมาก

ทหารของตงหลิงขึ้นเขามาโดยการวิ่ง พวกเขาไม่ได้ขี่ม้ามา เพราะม้าพวกนั้นไม่กล้าที่จะขึ้นเขานี้

เมื่อได้ยินคำพูดของทหารตงหลิง เฟิ่งชิงเฉินก็เย้ยหยัน

นี่เรียกว่าทำเรื่องชั่วแต่อยากได้ชื่อเสียงดีหรือไม่?

ในเมื่อหลอกใช้นางโดยไม่สนว่านางจะเป็นหรือตาย แล้วเหตุใดตอนนี้มาพยายามช่วยชีวิตนางอีก? ตลอดทางที่เดินทางมาอันตรายยิ่งนัก หากว่านางไม่ฉลาดมากพอคงตายไปนานแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินมองดูทหารที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่เยือกเย็น

เมื่อสักครู่นางได้ยินคนเหล่านี้กล่าวว่าท่านอ๋อง หรือจะเป็นซู่ชินอ๋อง?

เพราะตี๋ตงหมิงเป็นคนที่ล่อนางออกนอกเมือง และทิ้งนางเอาไว้นอกเมือง นอกจากซู่ชินอ๋องแล้วเฟิ่งชิงเฉินนึกใครไม่ออก

ซู่ชินอ๋องจะสนใจความเป็นความตายของนางได้อย่างไร?

คนเหล่านี้ไม่ได้โกหก หนานหลิงจิ่นฝานตกอยู่ในวงล้อมของพวกเขา แต่คนเหล่านี้กลับไม่กล้าทำกระไรกับเขาเพราะตนอยู่ในมือของหนานหลิงจิ่นฝาน

หากมิใช่ซู่ชินอ๋อง แสดงว่าเป็น……

เฟิ่งชิงเฉินตระหนักขึ้นมาได้ และไม่กล้าคิดต่อไป

ช่างเถิด ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังการหลอกใช้นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง สิ่งที่นางต้องทำตอนนี้คือใช้โอกาสนี้เพื่อหนีไปเฟิ่งชิงเฉินยกมือขึ้นเตรียมที่จะชนหนานหลิงจิ่นฝาน แต่ไม่คาดคิดว่าหนานหลิงจิ่นฝานเตรียมการไว้แล้ว

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไม่มีโอกาสหนี”

เพี๊ยะ……

หนานหลิงจิ่นฝาน กระแทกเท้าใส่ม้า ม้าเจ็บปวดมากจึงกระโดดข้ามคนตรงหน้าไป

อ๊าก……

ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะใจกล้าแค่ไหน นางก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา แต่นางกลัวว่าจะทำให้ม้าตกใจ นางจึงเร่งเอามือปิดปาก

ด้านหน้า…มีหน้าผาอยู่ข้างหน้า หนานหลิงจิ่นฝานจะฆ่าตัวตายหรือ?

“อย่ากังวลไป ไม่ตายง่ายๆ หรอก กอดข้าไว้แน่นๆ” หนานหลิงจิ่นฝานปล่อยเฟิ่งชิงเฉิน แล้วดึงบังเหียนม้าอย่างแรง ม้าเปลี่ยนทิศทาง

“อ๊า…” ม้ากระชาก เฟิ่งชิงเฉินเกือบตกลงไป นางจึงเร่งกอดหนานหลิงจิ่นฝานเอาไว้

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” หนานหลิงจิ่นฝานหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ

ม้าลงพื้นอย่างปลอดภัย จากนั้นก็วิ่งลงเขาต่อไป

“รีบตามไป” ทหารตงหลิงหยิบคบเพลิงและไล่ตามพวกเขาไป แต่เนื่องจากพวกเขาไม่คุ้นเคยกับทาง หลายคนที่วิ่งอยู่ข้างหน้าจึงตกลงมาจากหน้าผาโดยตรง

“อ๊าก……”

เฟิ่งชิงเฉินได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกเขา

เฟิ่งชิงเฉินมองไม่เห็นว่าทางลงจากภูเขาเป็นอย่างไร แต่เสียงหวีดหวิวในหูของนางทำให้นางเข้าใจว่าทางลงจากภูเขานั้นเหมือนกับทางขึ้นภูเขา ซึ่งอยู่รอบภูเขา

ม้าของหนานหลิงจิ่นฝานได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี หากเป็นม้าธรรมดาอย่าว่าแต่ลงเขาตอนดึกเลย แม้แต่กลางวันก็ลงไม่ได้

ไม่นานเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ยินเสียงข้างหลังแล้ว นางรู้แล้วว่าหนีคนตงหลิงมาได้ แต่ยังคงอันตรายเช่นเดิม หลังจากลงเขาแล้ว พวกเขายังต้องเดินทางอีกระยะหนึ่ง และก่อนจะถึงทางนั้น นางยังคงปลอดภัยอยู่….. .

เฟิ่งชิงเฉินเพียงหยุดคิด ปิดตาและรอโอกาสที่จะหลบหนี

วันนี้นางผ่านเรื่องมากมายเช่นนี้ จนเกือบจะเสียชีวิต ตอนนี้ยังปวดคออยู่เลย ส่วนเอวนั้น? เจ็บจนด้านชาไปนานแล้ว

หากมีแสงส่องลงมาจะเห็นรอยฟกช้ำที่คอของนางอย่างแน่นนอ แถมผมของนางก็ยุ่งกระเซิง สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น หากว่านางกลับเมืองไปเช่นนี้ นางก็อาจจะถูกกล่าวหาว่าตนถูกคนอื่น “รัก” อย่างมาก

“เจ้าเป็นคนยอมรับความจริงได้ง่ายเสียจริง” หนานหลิงจิ่นฝานหัวเราะทันใดเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาหายใจปกติและเหมือนจะหลับไปด้วย

เฟิ่งชิงเฉินคนนี้เป็นคนที่แปลกประหลาดจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่หลานจิ่นชิงผู้ยอดฝีมืออันดับหนึ่งยังชื่นชมนาง

เหตุผลที่เขาจับเฟิ่งชิงเฉิน ส่วนหนึ่งเพราะราชวงศ์ตงหลิง เขารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นมิตรกับผู้มีอำนาจหลายคนในตงหลิง เขาหวังจะได้รับข้อมูลบางอย่างจากปากของเฟิ่งชิงเฉิน แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่ได้ข้อมูลกระไรจากปากเฟิ่งชิงเฉินเลย

อีกครึ่งหนึ่งเหตุผลคือหลานจิ่วชิง หญิงคนนี้อาจไม่สามารถชนะหลานจิ่วชิงได้ แต่สามารถล่อเขาออกมาได้ เช่นนั้นเขาจะได้มีโอกาสเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายร่วมมือกับตน

น่าเสียดาย……

เขายังไม่ทันได้วางแผน ก็มีคนมาวุ่นวายเสียก่อนแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะสนใจคนบ้านี้ หนานหลิงจิ่นฝานไม่สนใจนางและเริ่มพูดขึ้นมาเอง

“เฟิ่งชิงเฉินเจ้าคิดว่าครั้งนี้ใครกันที่ใช้เจ้าเป็นหมาก? เมื่อสักครู่ข้าดูคนเหล่านี้แล้ว พวกเขามิใช่ทหารธรรมดา ข้าคิดว่าคนพวกนี้น่าจะเป็นทหารส่วนตัวของท่านอ๋อง ข้าคิดว่าเจ้าอาจคิดว่าเป็นซู่ชินอ๋อง ทหารของซู่ชินอ๋องนั้นมีชื่อเสียงด้านความเก่งกาจ แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น

ซู่ชินอ๋องเป็นคนจอมปลอมมาก เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจมหาศาล แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่มีส่วนร่วมในการเมืองหรือยึดอำนาจ หากว่าเขาใช้เจ้าเป็นตัวล่อ เขาไม่มีทางใช้ทหารส่วนพระองค์อย่างแน่นอน เขาจะใช้คนของฮ่องเต้ตงหลิง

จักรพรรดิตงหลิงไม่มีทางสนใจเรื่องเป็นตายร้ายดีของเจ้า และไม่มีทางที่จะปล่อยข้าไปเพราะเจ้า และเช่นเดียวกัน พวกเขาจะทำตามพระราชโองการเท่านั้น จะไม่เอ่ยถึงท่านอ๋องเป็นแน่

ดังนั้นข้าเดาว่าคนที่วางกลนี้ หากมิใช่เสด็จอาเก้าของตงหลิงก็คงเป็นลั่วอ๋อง แต่เมื่อนึกได้ว่าลั่วอ๋องได้รับบาดเจ็บ ข้าจึงคิดว่าเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นเสด็จอาเก้า”

เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว หนานหลิงจิ่นฝานหยุดชะงัก เขารอการตอบสนองจากเฟิ่งชิงเฉิน เป็นอย่างที่เขาคิด เฟิ่งชิงเฉินเริ่มกังวล

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท