หลังจากกล่าวจบเฟิ่งชิงเฉินก็ลุกขึ้นยืน นางกำลังคิดอยู่ในใจว่าในครั้งนี้องค์จักรพรรดิเห็นนางเป็นหมอหญิง หรือว่าใช้นางเป็นตัวหมากกันแน่
ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเหยาหวาและซูหว่านไม่ได้มาดี ในวันนี้ไม่ใช่เพียงแค่แข่งม้า คาดว่าคงต้องแข่งทักษะทางการแพทย์ด้วย มองดูแล้วนางควรจะต้องคิดให้รอบคอบสักหน่อยว่าทำอย่างไรจึงจะได้ผลประโยชน์มากที่สุด……
ต่อให้ตัวนางเป็นหมากตัวหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้ใดจะโยกย้ายนางได้ง่ายๆ
“นางคือเฟิ่งชิงเฉินหรือ? เหตุใดไม่เหมือนกับที่เคยได้ยินมาเล่า?” ในกลุ่มผู้นั่งชมมีทั้งสตรีผู้สูงส่ง ฮูหยินและคุณหนูมากมายที่เดินทางมาดูความสนุกสนาน เพราะเนื่องจากวันนี้เป็นการประลองกับองค์หญิงอันผิง ดังนั้นพวกนางเดินทางมาก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ
ก่อนหน้านี้เฟิ่งชิงเฉินไม่ค่อยเข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้มาก่อน คนที่รู้จักนางจึงมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะได้ยินจากข่าวลือคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคุณหนูจากตระกูลเล็กๆ ที่ไม่ได้รับการศึกษา ไม่อาจเงยหน้ามองผู้คนได้ บางครั้งมีคนเห็นนางในงานเลี้ยงราชวัง และยืนยันว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง
ต่อมา เนื่องจากเรื่องที่ว่ากันว่านางสูญเสียพรหมจรรย์ก่อนแต่งงาน และรักษาดวงตาของหวังจิ่นหลิงจนหายกลายเป็นที่รู้จักโด่งดัง ทุกคนจึงเข้าใจว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้ที่มีรูปร่างหน้าตางดงามอ้อนช้อยบอบบางดูดสตรีทั่วไป แต่เมื่อพวกเขาเห็นในวันนี้กลับพบว่า……
เฟิ่งชิงเฉินแต่งกายด้วยชุดแดง คาดเข็มขัดสีดำยืนอย่างสง่างามต่อหน้าทุกคน แม้อยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดินางก็ไม่ได้มีความหวาดกลัว คิ้วได้รูปเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง ไม่รู้สึกถึงความหยาบคายหรือต่ำต้อยแม้แต่น้อย
“พวกเจ้าไม่รู้จักเฟิ่งซิ่ว เฟิ่งซิ่วนางเป็นคนดียิ่งนัก ฮูหยินรองตระกูลเซี่ยก็รักษากับนางจนหาย จากที่ข้ามองดูปีหน้าฮูหยินรองเซี่ยคงจะได้อุ้มบุตรสักที” ฮูหยินจวนจิ้นหยางโหวก่อนหน้านี้เคยได้รับความช่วยเหลือจากเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ ดังนั้นตอนนี้นางจึงก้าวออกมาพูดเพื่อเฟิ่งชิงเฉิน
“ได้ยินมาว่าทักษะทางการรักษาของนางไม่เลวเลย ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่” สตรีบางคนกำลังคิดวางแผนอยู่ในใจ
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม สตรีกลุ่มนี้ล้วนไม่ได้มองเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกนาง ในสายตาของพวกนางก่อนหน้านี้เฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงตัวตลก บัดนี้แม้นางจะเป็นหมอที่มีทักษะเก่งกาจก็มีประโยชน์เพียงแค่เอาไว้ใช้
เช่นเดียวกับการกระทำของซูหว่านและเหยาหวา แม้จะรู้ดีว่าบัดนี้เฟิ่งชิงเฉินกลายเป็นทหารผู้มีชื่อเสียง แต่สตรีทั้งสองนางก็ยังคงใช้นางดุจดั่งเป็นหมอหญิงทั่วไป แม้จะกล่าวเอ่ยชมนางแต่แท้จริงแล้วก็แฝงความดูถูกเหยียดหยามเอาไว้
หญิงชราคนหนึ่งที่ดูท่าทางสูงส่ง มองไปยังเฟิ่งชิงเฉินด้วยแววตานุ่มนวล “ทักษะของนางดีหรือไม่ข้าาไม่รู้ แต่ดวงตาคู่นั้นของนางแหลมคมยิ่งนัก เรื่องของจวนเจิ้นกั๋วกงก็เป็นเพราะดวงตาคู่นั้นของนางที่มองทะลุโปร่งไม่ใช่หรือ อีกทั้งยังมีเรื่องที่จวนจิ้นหยางโหว หากไม่ใช่เพราะนาง จิ้นหยางฮูหยินจะมีชีวิตที่ดีเช่นนี้ได้หรือ?”
คนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาและกล่าวอย่างติดตลกว่า “ฟู่ฮูหยินวางแผนจะให้เฟิ่งชิงเฉินดูลูกสะใภ้ให้หรือ?”
“ข้ามีแผนนี้อยู่เช่นกัน บรรดาตระกูลขุนนางใหม่มักมีกฎไม่เข้มงวดนัก มีช่องโหว่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตระกูลฟู่ของข้า ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมเดิมอย่างเคร่งครัด จะรับสะใภ้ซึ่งไม่เคร่งครัดเข้ามาได้อย่างไร ในตงหลิงมีตระกูลมั่งคั่งมากมาย ค่อนข้างโดดเด่นมั่นคง แต่ไม่ค่อยมีตระกูลใดเข้าตาองค์จักรพรรดิเท่าไร โดยมากแล้วจะกูลที่มั่งคั่งเหล่านั้นจะแต่งงานกับตระกูลขุนนางใหม่ในตงหลิง”
แม้ก่อนจะแต่งงานได้สืบชัดเจนแล้ว แต่เรื่องบางเรื่องความลับบางอย่างไม่ใช่ว่าจะสืบกันได้ง่ายๆ
เหตุการณ์สองครั้งระหว่างจวนจิ้นหยางโหวและจวนเจิ้นกั๋วกงทำให้ทุกคนเริ่มกระสับกระส่าย เกรงว่าจะคว้าเอาสตรีที่แอบมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นก่อนแต่งงานกลับมา เมื่อถึงเวลานั้นคงจะขายหน้ายิ่งนัก
“ฟู่ฮูหยินกล่าวได้สมเหตุสมผล ไว้วันหลังจะต้องเชิญหมอเฟิ่งมาชมดอกไม้เสียแล้ว” สตรีผู้อยู่ด้านข้างพยักหน้าเห็นด้วย
ฮูหยินจวนเจิ้นกั๋วกงก็ได้ใช้โอกาสนี้ในการเอ่ยปากเช่นกัน แต่ไม่ใช่นางที่กล่าวออกมาเอง มีคนอื่นพูดแทนว่า “ข้าได้ยินมาว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน ฮูหยินใหญ่ของจวนเจิ้นกั๋วกงร่างกายไม่สบายนัก หมอเฟิ่งให้ยานางและรักษาหาย
คุณหนูหลายคนในจวนเจิ้นกั๋วกงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหมอเฟิ่งล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหมอเฟิ่ง อีกอย่างหมอเฟิ่งยังได้กล่าวยกย่องว่าคุณหนูในจวนเจิ้นกั๋วกงแต่ละคนมีความรู้และสุภาพยิ่งนัก
ข้ามองดูแล้วหมอเฟิ่งเป็นคนไม่เลวทีเดียว หลัวฮูหยิน สะใภ้ของท่านแต่งเข้ามาตั้งสองปีแล้วแต่ยังไม่มีข่าวคราวใดเลยมิใช่หรือ จะลองเชิญหมอเฟิ่งไปตรวจดูดีหรือไม่ ถึงอย่างไรเชิญหมอหญิงไปตรวจก็สะดวกกว่า
เจิ้งฮูหยิน บุตรสาวของท่านแต่งงานออกไปตั้งครึ่งปีแล้วไม่ใช่เหรอ ก็ยังไม่มีข่าวดีเช่นกัน ลองให้หมอเฟิ่งไปดูอาการสิ
เมื่อครู่ได้ยินคำขององค์หญิงเหยาหวาและคุณหนูซูหว่าน ดูเหมือนว่าหมอเฟิ่งจะมีทักษะที่ดีนัก”
……
องค์จักรพรรดิไม่ได้ใช้เฟิ่งชิงเฉินเหมือนกับหมอหญิง หลังจากที่เอ่ยถามนางอยู่สองสามคำ ก็สั่งให้นางไปนั่งรวมกันกับบรรดาสตรีชั้นสูง เพียงแต่สายตาของสตรีเหล่านั้นมองไปที่นางด้วยความร้อนแรง บรรดาคุณหนูที่มองมายังนางราวกับหมาป่าที่พยายามปกป้องรังของมัน กลัวว่านางจะไปทำให้ชื่อเสียงของทุกคนเสียหาย
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มขึ้นแล้วเดินตงไปนั่งบริเวณมุมที่ไกลออกไป ข้างหูได้ยินบทสนทนาของผู้หญิงเหล่านั้นลอยมา ต่อให้นางอยู่ที่นั่นด้วย พวกนางทั้งหลายก็มิได้จงใจลดเสียงสนทนา
ไม่อายที่จะกล่าวถึงกันอย่างซึ่งหน้า รังแกกันมากเกินไปแล้ว!
หากเพียงแค่คนสองคนก็ยังพอ แต่ก็เป็นการยากที่จะโกรธ แม้เฟิ่งชิงเฉินจะโมโหแต่นางก็ไม่ตั้งใจที่จะก้าวออกไปกล่าวสิ่งใด เนื่องจากสตรีพวกนี้ไม่ใช่คนที่นางทำให้ขุ่นเคืองได้
น่าเสียดายเหลือเกิน แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะซ่อนตัวอยู่ในมุมก็ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงการจ้องมองของทุกคนได้ และมีสองแววตาที่มองมาด้วยความน่ากลัว หนึ่งคือแววตาอันเต็มไปด้วยความชื่นชมซึ่งไม่อาจปิดบังเอาไว้ได้ของตงหลิงจื่อลั่ว และอีกแววตาอันขุ่นเคืองของตี๋ตงหมิง
ความรักและชื่นชมในสายตาของตงหลิงจื่อลั่วช่างตงไปตงมาเหลือเกิน แม้นางต้องการจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นก็ไม่ได้ เพียงแต่ไม่เข้าใจเลยว่าในจวนของเขาผู้นี้มีสตรีงดงามมากมาย จะมาชื่นชอบตนเพื่อสิ่งใด
ส่วนตี๋ตงหมิงนะหรือ มองไปยังดวงตาของเขาทั้งสองข้างที่บวมช้ำและใบหน้าที่ทรุดโทรม เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกอารมณ์ดียิ่งนัก นางหันไปทางตี๋ตงหมิงแล้วยิ้มขึ้นอย่างพออกพอใจก่อนจะขยิบตาให้ ทำเอาเสียตงหลิงจื่อลั่วต้องหันไปจ้องมองตี๋ตงหมิง
การแข่งม้ากำลังจะเริ่มขึ้น บัดนี้เฟิ่งชิงเฉินเพิ่งจะรู้ว่าผู้เข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้มีเพียงองค์หญิงผิงอันผิงเหยาหวาและซูหว่าน เป็นการแข่งขันระหว่างสตรีเท่านั้น
ทางราชวงศ์หนานหลิงไม่มีองค์หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับเหยาหวาและอันผิง ส่วนซูหว่านเป็นสตรีชั้นสูงของตระกูลซูในเมืองหนานหลิง อีกทั้งครั้งนี้นางยังเป็นตัวแทนของราชวงศ์หนานหลิง ตัวตนของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าองค์หญิงทั้งสองเลย ดังนั้นการที่เข้าร่วมแข่งขันจึงไม่มีอะไรไม่สมควร
การแข่งขันแบ่งออกเป็นสามรอบ รอบแรกแข่งความเร็ว ทั้งสามคนเลือกม้าที่จะขี่ จากนั้นวิ่งไปไหนสนามสิบรอบ ผู้ใดที่ถึงก่อนคือผู้ชนะ
ม้าที่ซีหลิงเหยาหวาใช้ขี่เป็นม้าเหงื่อโลหิตสีพุทราแดง ม้าที่ซูหว่านขี่นั้นคือม้าดำชางชาน และม้าที่องค์หญิงอันผิงขี่ม้าขาวแห่งที่ราบสูงป๋ายสุ่ย
ม้าของทั้งสามล้วนเป็นม้าชั้นเลิศ ไม่ว่าจะเป็นม้าตัวใดก็มีมูลค่ามากกว่าทองคำนับหมื่นชั่ง เฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้ที่รักม้าเมื่อนางเห็นม้าทั้งสามตัวนี้ก็ได้แต่น้ำลายสอแล้วคิดอยู่ในใจว่าเมื่อไหร่ข้าจะมีม้าดีชั้นนี้บ้าง?
ดวงตาอันสดใสของนางนั้นอาจจะหลบผู้อื่นได้ แต่ไม่อาจหลบตงหลิงจิ่วได้
สตรีนางนี้อยากจะขี่ม้าของจักรพรรดิ ใจกล้าเสียจริง!
ถูกต้องแล้ว มาทั้งสามตัวนี้ส่วนมากเป็นม้าที่จักรพรรดิของแต่ละแห่งใช้ขี่ ม้าศึกของแต่ละราชวงศ์จะไม่ใช่ม้าชั้นยอดเช่นนี้ ม้าทั้งสามชนิดนี้หายากและมีค่ายิ่งนัก แม้แต่ตงหลิงจิ่วก็มีเพียงมาสีดำตัวเดียวเท่านั้น