ได้หรือไม่?
ดูเหมือนจะตอบง่าย แต่ทุกคน ณ ที่นั้นล้วนเข้าใจดีว่าไม่ว่าเสด็จอาเก้าจะตอบอย่างไรก็ล้วนผิดทั้งสิ้น
ไม่ต้องพูดถึงความคิดที่จะพบเฟิ่งชิงเฉินของหนานหลิงจิ่นฝานเดิมก็คงไม่ได้เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่เขายังข้ามหน้าข้ามตาจักรพรรดิมาถามเสด็จอาเก้าโดยตรงก็เพื่อผลักเสด็จอาเก้าให้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับจักรพรรดิ
หนานหลิงจิ่นฝานกำลังบอกจักรพรรดิว่าในสายตาของเขาไม่มีองค์จักรพรรดิแต่มีเพียงแต่เสด็จอาเก้าเท่านั้น หากจักรพรรดิและเสด็จอาเก้ามีความสัมพันธ์อันดี คำพูดของหนานหลิงจิ่นฝานก็จะไม่มีผล แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าจักรพรรดิสร้างกำแพงต่อเสด็จอาเก้าไว้สูงยิ่ง หนานหลิงจิ่นฝานกำลังยั่วยุจักรพรรดิอยู่
โชคดีที่องค์จักรพรรดิรู้ว่าควรหันกระบอกปืนไปยังศัตรูภายนอกร่วมกัน แม้ว่าเขาจะไม่พอใจเสด็จอาเก้าอย่างไร เขาก็จะไม่แสดงออกมาทางสีหน้า สีหน้าของเขายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มน่าเกรงขามตามธรรมชาติ สายตาของเสด็จอาเก้าก็ยังประดับไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
ทุกคนในราชสกุลล้วนเชี่ยวชาญด้านการแสดง จักรพรรดิเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
สายตาของทุกคนมุ่งตรงไปที่เสด็จอาเก้าและรอคอยให้เขาตอบ แต่ราวกับเสด็จอาเก้าจะไม่ได้ยิน ดวงตาดำขลับนิ่งสงบเหมือนน้ำนิ่งจ้องมองหนานหลิงจิ่นฝานอย่างสงบ แต่กลับไม่ให้ใครอยู่ในสายตา
เมื่อเทียบกับหนานหลิงจิ่นฝานแล้ว ตำแหน่งของเสด็จอาเก้าไม่เพียงแต่สูงกว่าเขา เสด็จอาเก้าไม่ทำอะไรอื่น เพียงแค่จ้องมองไปเช่นนี้ เขาจ้องมองเช่นนี้ แต่กลับไม่มีเงาของเจ้าในดวงตาของเขา เสด็จอาเก้าใช้การกระทำบอกหนานหลิงจิ่นฝานว่าเขาไม่ชอบหนานหลิงจิ่นฝาน
ความหยิ่งทะนงและหยิ่งผยองของหนานหลิงจิ่นฝานถูกเสด็จอาเก้าเมินเฉยโดยสิ้นเชิงบวกกับเมื่อนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เขาพ่ายแพ้ในกำมือของเสด็จอาเก้าแล้ว เขาจึงโกรธขึ้นมา…
ดวงตาเรียวยาวเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าราวกับหมาป่ากระหายเลือด หากไม่ใช่เพราะไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม หนานหลิงจิ่นฝานก็คงจะลงมือไปแล้ว เขาสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับความโกรธ หนานหลิงจิ่นฝานฝืนยิ้มออกมาแล้วเอ่ยว่า “เสด็จอาเก้า หากท่านไม่ปฏิเสธ ข้าจะถือว่าเป็นอันตกลง”
เดิมคิดว่าเสด็จอาเก้าจะโกรธและแม้ว่าเขาจะไม่โกรธ อย่างน้อยเขาก็ควรจะพูดอะไรสักหน่อย แต่เสด็จอาเก้าไม่เห็นหนานหลิงจิ่นฝานอยู่ในสายตาเลย เสียงยั่วยุของหนานหลิงจิ่นฝานต่อหน้าเขาเป็นได้เพียงการแสดงไม่ต้องพูดถึงฝูงชน แม้แต่หนานหลิงจิ่นฝานเองก็ยังหาทางลงไม่ได้
หนานหลิงจิ่นฝานโกรธถึงขีดสุด ดวงตายาวรีของเขาเปล่งประกายเย็นเยียบ บรรยากาศรอบตัวเขาเคร่งขรึม ทุกคนล้วนหวาดกลัว พวกเขาก้าวถอยหลังอย่างเงียบเชียบด้วยกลัวว่าหากทั้งสองลงไม้ลงมือกันขึ้นมา ผู้โชคร้ายจะกลายเป็นเขา
ใครจะไปรู้ว่าหนานหลิงจิ่นฝานโกรธจัดแต่กลับหัวเราะออกมา “เสด็จอาเก้าช่างเป็นคนที่ยอดเยี่ยมนัก ข้าจะไม่รบกวนท่านแล้วก็แล้วกัน”
เขาสะบัดแขนเสื้อหันไปคำนับจักรพรรดิ “ฝ่าบาท เสด็จอาเก้าอนุญาตแล้ว ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะสามารถเรียกเฟิ่งชิงเฉินเข้าวังมาให้กระหม่อมพบหญิงประหลาดผู้นี้ได้หรือไม่”
คำว่า “ประหลาด” ถูกเน้นหนักเป็นพิเศษ เมื่อนึกถึงการเสียดสีก่อนหน้านี้ ทุกคนเข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้น หากเฟิ่งชิงเฉินมาจะต้องถูกเขาฉีกหน้าอย่างแน่นอนและคงจะทำให้ตงหลิงพลอยขายหน้าไปด้วย เรื่องเช่นนี้จักรพรรดิย่อมไม่อยากให้เกิดขึ้น
จักรพรรดิไม่สนใจหนานหลิงจิ่นฝานและหันไปถามเสด็จอาเก้าอย่างดีแต่ที่แท้กลับมีเจตนาร้ายแอบแฝง “น้องเก้า?”
“พ่ะย่ะค่ะ” เสด็จอาเก้าลุกขึ้นและคารวะอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
“องค์ชายสามยืนกรานที่จะพบเฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเห็นว่าอย่างไร?” จักรพรรดิไม่พอใจเฟิ่งชิงเฉินเช่นกัน ชื่อเสียงของนางโด่งดังขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อเร็วๆ นี้ อีกทั้งการตายของหลี่เซี่ยง จักรพรรดิก็กริ้วเฟิ่งชิงเฉินเล็กน้อยเช่นกัน
“ขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” เสด็จอาเก้าสบสายตาของพินิจพิเคราะห์ของจักรพรรดิ ดวงตาสีดำของเขาราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนเย็นยะเยือกราวกับน้ำ
จักรพรรดิรู้อยู่เสมอว่าไม่อาจอ่านอารมณ์จากใบหน้าหรือแม้กระทั่งดวงตาของเสด็จอาเก้าได้ ดังนั้นเขาจึงขี้เกียจเกินกว่าจะประเมิน เขาพยักหน้าและโบกมือให้เสด็จอาเก้านั่งลงพลางหันไปพูดกับหนานหลิงจิ่นฝาน “องค์ชายสาม เฟิ่งชิงเฉินเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน ดังนั้นจึงไม่สมควรที่จะพบคนนอก”
จักรพรรดิไม่ได้ปกป้องเฟิ่งชิงเฉิน แต่กำลังปกป้องชื่อเสียงของสตรีตงหลิง จะให้เฟิ่งชิงเฉินเพียงผู้เดียวทำให้ชื่อเสียงของตงหลิงมัวหมองไปไม่ได้
“ไม่พบคนนอกอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าแต่งงานกับนาง” หนานหลิงจิ่นฝานโพล่งออกมา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่เขาคาดหวัง “ฝ่าบาท ตำแหน่งชายารองของข้ายังว่างอยู่ คงไม่ถือว่าเป็นการดูแคลนเฟิ่งชิงเฉินกระมัง ในเมื่อข้ายอมแต่งงานกับนาง เมื่อนางพบกับข้าก็จะไม่ถือว่าเป็นคนนอกอีก”
“ตั้งแต่สมัยโบราณ การแต่งงานล้วนเป็นคำสั่งของบิดามารดา ต้องมีแม่สื่อแม่ชัก การขอแต่งงานขององค์ชายสาม จักรพรรดิหนานหลิงรู้หรือไม่?” ตอนกลางวันตงหลิงจื่อชุนเพิ่งขอให้เฟิ่งชิงเฉินมาเป็นชายารองของเขา เขาโมโหตงหลิงจื่อชุนจนแทบไม่อยากมองหน้า ตอนนี้หนานหลิงจิ่นฝานก็มาขอนางแต่งงานอีก เขากลับอยากจะช่วยจับคู่ให้สองคนนี้เสีย
เขาอยากรู้ว่าเมื่อน้องเก้าของเขาได้ยินแล้วจะมีสีหน้าเปลี่ยนไปหรือไม่ จักรพรรดิมองไปที่เขาและเห็นว่าเสด็จอาเก้าไม่ได้ขยับชายเสื้อของเขาด้วยซ้ำ เขาแอบคิดว่าน้องเก้าของเขาช่างไร้อารมณ์จริงๆ แต่เมื่อเขาหันกลับไปกลับพลาดเจตนาฆ่าที่แวบขึ้นในสายตาของเสด็จอาเก้า
องค์รัชทายาทที่อยู่ใกล้ตกใจกับท่าทางแปลกประหลาดของเสด็จอาเก้า แต่เมื่อมองหน้าเสด็จอาเก้า เขากลับไม่พบอะไร องค์รัชทายาทจึงแอบบอกตนเองว่าเขาคงดูผิดไป
หนานหลิงจิ่นฝานก็เหมือนกับจักรพรรดิ เขาพูดไปพลางลอบสังเกตท่าทีของเสด็จอาเก้าจากหางตา แต่ก็เหมือนจักรพรรดิอีกเช่นกันที่เขาไม่เห็นอะไรเลย เขาแอบคิดว่าเสด็จอาเก้านั้นล้ำลึกยากหยั่งถึงเกินไป แต่ละครก็ยังต้องดำเนินต่อไป “ฝ่าบาทวางใจเถอะพ่ะย่ะค่ะ ก่อนมาที่นี่ข้าได้บอกเสด็จพ่อแล้ว เสด็จพ่อให้ข้าจัดการได้ตามใจ แม่นางเฟิ่งตามข้ากลับไปจะต้องได้เป็นชายารองของข้า หากฝ่าบาทไม่เชื่อข้า ข้าสามารถป่าวประกาศต่อโลกได้ บิดาและมารดาของแม่นางเฟิ่งล้วนจากไปแล้ว ข้าจึงมิอาจสู่ขอกับพวกท่านได้ มิสู้ข้าสู่ขอกับฝ่าบาทเป็นอย่างไร? ฝ่าบาททรงเห็นด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
แต่งชายารองยังต้องป่าวประกาศไปทั่วหล้าหรือ คงมีแต่หนานหลิงจิ่นฝานเท่านั้นที่กล้าพูดเช่นนี้ออกมาได้
“เฮอะ… เมื่อครู่ไม่ได้เพิ่งบอกว่าสตรีตงหลิงไร้ยางอาย ใช้เสน่ห์ยั่วยวนมัดใจชาย? ทำไมตอนนี้จึงได้มาขอแต่งงานกับสตรีตงหลิงเองเสียเล่า องค์ชายสามไม่ได้กำลังกลืนคำของตัวเองอยู่หรอกหรือ?” โดยไม่รอให้จักรพรรดิเอ่ยปาก ตงหลิงจื่อชุนก็แทรกขึ้นมา
เขาโกรธ!
เขายอมที่จะแต่งงานกับองค์หญิงเหยาหวา แต่มีสิทธิ์อะไรห้ามไม่ให้เขาแต่งงานรับเฟิ่ง ชิงเฉินมาเป็นชายารองเล่า เขาไม่ได้แต่งคนอื่นก็อย่าได้คิดเลย
เมื่อตงหลิงจื่อชุนคิดว่าหญิงสาวที่พันแผลให้เขาอย่างนุ่มนวลผู้นั้นจะต้องแต่งงานกับคนอื่น หัวใจของเขาก็กระตุกจนเจ็บปวด เขาไม่เคยชอบใครมาก่อนและชอบนางมากจนอยากจะทะนุถนอมนางไปตลอดชีวิต แต่ทว่า…
ตงหลิงจื่อชุนจ้องมองหนานหลิงจิ่นฝานราวกับกระทิงคลั่ง หญิงสาวที่ดีเช่นเฟิ่งชิงเฉินนั้นจะให้แต่งงานกับบุรุษเช่นหนานหลิงจิ่นฝานได้อย่างไร คงเลวร้ายเกินไปสำหรับเฟิ่งชิงเฉินแน่
“จื่อชุน อย่าเสียมารยาท” จักรพรรดิเปิดปากดุ แต่น้ำเสียงของเขาไม่มีแววตำหนิเลย เห็นได้ว่าเขาโปรดปรานตงหลิงจื่อชุนมากเพียงใด
มุมปากของเสด็จอาเก้ายกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ กำปั้นในแขนเสื้อของเขาก็คลายออก
เขาลืมไปได้อย่างไรว่าเฟิ่งชิงเฉินมีเสน่ห์เพียงใด เสด็จอาเก้าเอี้ยวตัวเล็กน้อย มือซ้ายของเขาโผลออกมานอกแขนเสื้อและแอบส่งสัญญาณอย่างเงียบเชียบ
ในเวลานี้สายตาของทุกคนถูกดึงดูดด้วยการปะทะกันระหว่างตงหลิงจื่อชุนและหนานหลิงจิ่นฝานจึงไม่มีใครเห็นว่านางกำนัลที่ยืนอยู่ในที่ไกลๆ ได้เปลี่ยนคนไปแล้ว…
ไม่รู้ว่าเป็นการจงใจหรือไม่ หนานหลิงจิ่นฝานไม่สนใจเสด็จอาเก้าและแย่งชิงสิทธิ์ในการครอบครองเฟิ่งชิงเฉิน ทั้งคู่กำลังแย่งที่จะแต่งงานกับเฟิ่งชิงเฉินโดยเอ่ยอ้างถึงข้อดีของตนและกล่าวถึงข้อเสียของอีกฝ่ายไม่หยุด พยายามแสดงให้เห็นว่าตนเองเท่านั้นที่เหมาะสมกับเฟิ่งชิงเฉิน
หนานหลิงจิ่นฝานสงบนิ่ง แต่ตงหลิงจื่อชุนกับร้อนรุ่ม เมื่อหนานหลิงจิ่นฝานเห็นว่าได้เวลาแล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “ข้าไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด ข้าจะแต่งงานกับเฟิ่งชิงเฉินให้ได้ ในเมื่อชินอ๋องเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน มิสู้เรียกเฟิ่งชิงเฉินมาถามให้แน่ชัดถึงความคิดของนางเป็นอย่างไร”
“ถามก็ถาม ข้าไม่เชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินจะแต่งงานกับเจ้าที่ไม่เหมือนทั้งบุรุษและสตรี” เมื่อตงหลิงจื่อชุนถูกหนานหลิงจิ่นฝานยั่วโมโหเข้าก็ติดกับ เขาพูดกับจักรพรรดิทันที “ฝ่าบาท โปรดส่งคนไปเรียกตัวเฟิ่งชิงเฉินเข้าวังเพื่อถามว่านางยินดีที่จะแต่งงานกับใคร เฟิ่งชิงเฉินเฉลียวฉลาด นางย่อมเลือกแต่งให้ข้าแน่”
ยามที่เขาพูดเช่นนี้ไม่ได้เห็นดวงตาที่โกรธขึ้งของซีหลิงเทียนเหล่ยหรือความโกรธกริ้วของจักรพรรดิที่อยากจะตบเขาสักฉาด
หนานหลิงจิ่นฝานยิ้มเยาะ ริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่นแต่ไม่ได้กล่าวโต้เถียง เสด็จอาเก้ากลับรู้ดีว่าหนานหลิงจิ่นฝานเกลียดที่สุดยามมีคนบอกว่าเขาไม่เหมือนทั้งบุรุษและสตรี จื่อชุนมาจักรพรรดิคอยปกป้อง ตอนนี้เขายังทำอะไรจื่อชุนไม่ได้ แต่โทสะนี้กลับเอาไปลงกับเฟิ่งชิงเฉิน…
หากรู้เช่นนี้ เมื่อครู่เขายอมรับปากเสียก็สิ้นเรื่องจะได้ไม่ทำให้ความโกรธของหนานหลิงจิ่นฝานมากขึ้นเรื่อยๆ เสด็จอาเก้ารู้สึกรำคาญเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันเขาก็แอบยินดีที่หนานหลิงจิ่นฝานและตงหลิงจื่อชุนขอแต่งงานพร้อมๆ กัน ต่อไปหากจะทำอะไรเฟิ่งชิงเฉินก็ต้องพิจารณาด้วยว่าสถานะของพวกเขาสูงพอแล้วหรือไม่
เฟิ่งชิงเฉิน หากแม้แต่องค์ชายแห่งหนานหลิงและองค์ชายแห่งเจ้าก็ยังปฏิเสธ แล้วใครจะยังกล้าสู่ขอเจ้าอีก!
เมื่อเรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว จักรพรรดิก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีกและเรียกตัวเฟิ่งชิงเฉินเข้าวังทันที ในยามนี้จักรพรรดิทรงเพิกเฉยที่เฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้หญิงที่เสด็จอาเก้าเอ่ยปากยอมรับหรือไม่เขาก็รู้แต่จงใจฉวยโอกาสนี้หักหน้าเสด็จอาเก้า
แม้ว่าพวกเขาจะโจมตีศัตรูภายนอกด้วยกัน แต่เมื่อมีโอกาสเหยียบย่ำเสด็จอาเก้า จักรพรรดิก็จะไม่ปล่อยโอกาสนั้นไป
จิตใจของจักรพรรดินั้นคับแคบยิ่ง!
หลังจากได้รับข่าวที่ตี๋ตงหมิงมนำมาบอกล่วงหน้าแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ใช้เวลาช่วงบ่ายยุ่งวุ่นวายอยู่ในห้อง นางนำยาออกมาจากกล่องเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะมาดัดแปลงทีละชิ้น แม้ไม่มีปืนนางก็สามารถสังหารคนด้วยวิธีอื่นได้
สำหรับหมอแล้ว การฆ่าคนง่ายกว่าการช่วยชีวิต นางมีวิธีฆ่าคนกว่าสิบวิธีที่จะฆ่าคนอย่างเปิดเผย แล้วยังทำให้กรมอาญาหาสาเหตุการตายไม่ได้อีกด้วย
แม้ว่าที่อาจารย์ของนางจะเตือนนางหลายครั้งอย่าใช้ความรู้ทางการแพทย์เพื่อคร่าชีวิตผู้คน แต่เมื่อชีวิตของนางถูกคุกคาม นางจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงการขัดต่อคำสอนของอาจารย์ เพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไป นางจำต้องให้มือเปื้อนเลือดอีกครั้ง
เฟิ่งชิงเฉินเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว เมื่อมีคนจากวังหลวงมาตานางเข้าวัง นางจึงไม่ได้ตื่นตระหนก เมื่อนางลุกขึ้นจากพื้นก็มอบอั่งเปาถุงใหญ่ให้แก่ขันทีที่มาประกาศพระราชโองการ “ไม่ทราบเหตุใดจักรพรรดิถึงเรียกชิงเฉินเข้าวัง ชิงเฉินกระวนกระวายใจยิ่งนัก รบกวนกงกงช่วยชี้แนะข้าด้วย” ท่าทางของนางนุ่มนวลเป็นที่สุด แม้ว่าจะไม่ได้ประจบสอพลอหรือประจบประแจง แต่ก็นับว่ารื่นหูอย่างยิ่ง
ขันทีที่มาประกาศราชโองการแอบเปิดอังเป่าดูอย่างลับๆ ก็เห็นว่าด้านในมีตั๋วเงินห้าร้อยตำลึง ใบหน้านุ่มนวลจึงยิ้มร่าออกมาทันที เขาอธิบายสั้นๆ ถึงสถานการณ์ในงานเลี้ยงและในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมแสดงความยินดีกับเฟิ่งชิงเฉินที่ในไม่ช้าก็จะได้กลายเป็นคนใหญ่คนโต
“ถึงเวลาคงต้องรบกวนให้แม่นางเฟิ่งช่วยดูแลผู้น้อยด้วย” ขันทีผู้ประกาศราชโองการทอดไมตรี ในสายตาของเขา โอกาสที่เฟิ่งชิงเฉินจะเลือกแต่งงานกับตงหลิงจื่อชุนค่อนข้างสูง
“แน่นอนๆ” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มกลบเกลื่อน ประกายความโกรธแวบวาบในดวงตาของนาง
บอกจะแต่งก็แต่ง เห็นนางเป็นอะไรกัน พวกเขาอยากแต่ง นางก็ต้องเต็มใจแต่งด้วยหรือ?