นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 391 ความเป็นความตาย เฟิ่งชิงเฉินผิดแผน ปู้จิงหยุนซวยแล้ว

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

“อ๊า……”

เสียงกรีดร้องที่น่าสลดใจดังขึ้น และมันดูน่ากลัวอย่างยิ่งเมื่อดังขึ้นมาในคืนที่มืดมิดเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉิน ได้ยินแล้วว่าเด็กที่อยู่รอบๆนั้นตกใจจนร้องไห้

เฟิ่งชิงเฉินพูดในใจอย่างเงียบๆ บาปจริง บาปมาก

นางไม่อยากใช้วิธีที่โหดเช่นนี้เหมือนกัน แต่ว่า… หากนางต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อกดทับพลังของอีกฝ่าย เช่นนั้นก็ต้องใช้วิธีที่โหดร้าย

มือสังหารที่ต่อสู้กับองครักษ์ของตระกูลหวังอยู่ไม่ไกล เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงนี้ พวกเขารู้สึกขนลุกอย่างมาก จากนั้นกำลังต่อสู้ลดลง และกำลังลังเลว่าจะถอยกลับดีหรือไม่

องครักษ์ตระกูลหวังมีเลือดเต็มตัว แต่เพราะเสียงกรี๊ดที่น่าสยองนี้ พวกเขากลับยิ่งสู้ยิ่งมีกำลัง เพราะพวกเขาทราบว่า มีคนมาช่วยแล้ว แค่อดทน อดทนอีกอึดใจเดียวเท่านั้น หากอดทนจนทหารที่ช่วยเหลือมาถึง พวกเขาก็จะชนะ

เฟิ่งชิงเฉินคำนึงถึงจิตวิทยาของทั้งศัตรูและเราเอง ใช้เสียงกรีดร้องนี้เพื่อกระทบต่อจิตใจของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้กำลังของฝ่ายตนนั้นเพิ่มขึ้น ทำให้องครักษ์ตระกูลหวังสามารถอดทนได้อีกระยะหนึ่ง

แต่นางกลับลืมไปว่า มือสังหารมี3ชุด มือสังหารชุดที่สองมีหน้าที่เผชิญหน้ากับองครักษ์ทั้งสามของตระกูลหวังเท่านั้น

เมื่อเสียงกรีดร้องดังขึ้น มือสังหารกลุ่มที่สองได้จัดการองครักษ์ทั้งสามเรียบร้อยแล้ว เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงนี้ มือสังหารลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็รีบวิ่งไปพร้อมกับถือดาบในมือ และมือสังหารชุดที่สองเผชิญหน้ากับเฟิ่งชิงเฉินพอดี

จบแล้ว!

นี่เป็นความคิดแรกของเฟิ่งชิงเฉิน อาวุธลับและกรดซัลฟิวริกที่นางใช้มันหมดแล้ว และอีกฝ่ายดูจะไม่ให้เวลานางไปหาของเหล่านี้ในกระเป๋าเครื่องมือแพทย์เลย

“ยัยตัวแสบ กล้าหลอกพวกเราหรือ? อยากตายหรืออย่างไร?”

นักฆ่ากลุ่มที่สองเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขายกดาบขึ้นและฟันเข้าที่เฟิ่งชิงเฉินโดยไม่ลังเล

…….

เมื่อหลานจิ่วชิงมาถึง ก็เห็นเฟิ่งชิงเฉินเป็นเหมือนใบไม้เหี่ยวเฉาที่อยู่กลางสายลม นางยืนไม่ไหวด้วยซ้ำ แต่กลับยังถือดาบในมืออย่างแน่น …

“เฟิ่งชิงเฉิน!”

หลานจิ่วชิงไม่เคยเสียสติเช่นนี้มาก่อน วินาทีที่ดาบของมือสังหารฟันเข้าหาเฟิ่งชิงเฉิน ทันใดนั้นหลานจิ่วชิงรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น

ปฏิกิริยาทางร่างกายของเขาเร็วยิ่งกว่าสมอง เมื่อหลานจิ่วชิงรู้ตัว เขาได้กอดเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ในอ้อมกอดแล้ว และเขาได้ใช้ดาบของตนตัดข้อมือทั้งสองของมือสังหารไปแล้ว

“เฟิ่งชิงเฉิน อย่าทำให้ข้าตกใจ” มีหยดน้ำตาไหลผ่านหน้ากากสีเงิน และตกลงไปบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้เลือดที่อยู่บนใบหน้าของนางหลุดออกเล็กน้อย

ติ้ง… ดาบในมือของเฟิ่งชิงเฉินตกลงมา จากนั้นนางขาอ่อนแรง และล้มใส่อ้อมกอดของหลานจิ่วชิงทันที ” หลานจิ่วชิง เจอเจ้ามันดีจริงๆ ดีมาก…………”

หลังจากพูดจบแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็หมดสติไป ในที่สุด ในที่สุดนางก็สามารถพักผ่อนได้แล้ว นางเหนื่อยมามากแล้ว!

“เฟิ่งชิงเฉิน อย่าทำให้ข้ากลัวเลย อย่าเป็นแบบนี้” หลานจิ่วชิงกอดเฟิ่งชิงเฉินที่มีเลือดเต็มตัว เขาสั่นไปทั้งตัว ขณะที่เขากำลังจะเช็คลมหายใจของเฟิ่งชิงเฉิน มือสังหารเหล่านั้นกลับพุ่งเข้ามาในเวลาที่ไม่สมควรเช่นนี้

“พวกเจ้า ตาย” กลิ่นอายแห่งความอาฆาตของหลานจิ่วชิงเผยออกมาอย่างแข็งแกร่ง เขากอดเฟิ่งชิงเฉินด้วยมือหนึ่งข้าง ส่วนมืออีกหนึ่งข้างต่อสู้กับมือสังหาร

มือสังหารแข็งแกร่งพอสมควร แต่ก็แค่พอสมควร เมื่อเทียบกับผู้ยอดฝีมืออันดับหนึ่งอย่างหลานจิ่วชิงแล้ว ต่างกันราวกับฟ้าดิน อีกทั้งหลานจิ่วชิงโกรธเคืองอย่างมาก ยิ่งทำให้เขาแข็งแกร่งมากขึ้น มือสังหารเหล่านี้สู้เขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“ฆ่าพวกเจ้าให้ตายทันที มันดีกับพวกเจ้ามากเกินไป ข้าจะทำให้พวกเจ้าทรมานยิ่งกว่าตาย” หลานจิ่วชิงขยับข้อมือ จากนั้นปลายดาบที่เดิมแทงเข้าที่หัวใจก็สะบัดขึ้นเล็กน้อย

“อ๊า…” มือสังหารถูกโจมตี พวกเขาบาดเจ็บและถอยหลังอย่างโซเซ แต่หลานจิ่วชิงก็ยังไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปเพียงเท่านี้

ไม่มีใครสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าหลานจิ่วชิงโจวตีอย่างไร พวกเขาเห็นเพียงเงาแสงของดาบ แต่เมื่อหลานจิ่วชิงเก็บดาบกลับไป ก็ได้ยินเสียงดังตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม…….

มือสังหารที่อยู่ข้างหลังยังยืนที่เดิม เขาเห็นเพื่อนที่ประลองกับหลานจิ่วชิงในเมื่อสักครู่นี้ ข้อมือของพวกเขาหลุดออกจากแขนไปทุกคน และดูตัวเตี้ยลงกว่าเดิมเล็กน้อย จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น

ตุ้ม…

จนเมื่อเวลานี้ เลือดที่ปากแผลจึงพุ่งออกมา เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าดาบของหลานจิ่วชิงนั้นคมและไวเพียงใด

โหดเหี้ยมอย่างมาก ดาบว่องไวอย่างมาก!

“ถอนตัว” มือสังหารหกคนที่เหลือหันหลังหนีไปโดยไม่ลังเล

ภารกิจคืนนี้ลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องล้มเหลว

“จะหนีงั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!”

แม้ว่าหลานจิ่วชิงจะกอดเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ แต่เขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ราวกับสายลมพัดผ่าน วินาทีต่อมาหลานจิ่วชิงขวางทางหนีของมือสังหารเอาไว้ “บอกมาว่าเจ้านายพวกเจ้าเป็นใคร แล้วข้าจะให้พวกเจ้าได้ตายดี มิเช่นนั้นจุดจบของพวกเจ้าก็เป็นเหมือนมัน”

หลานจิ่วชิงชี้ไปที่มือสังหารที่ถูกตัดแขนขาไปทั้งสี่ และกำลังกลิ้งตัวไปมาพร้อมกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน

มือสังหารอีกหกคนที่เหลือตะลึงอย่างมาก พวกเขาสบตากันและกัดยาพิษที่ซ่อนอยู่ในปากไป เตรียมที่จะฆ่าตัวตาย แต่แม้ว่าพวกเขาจะเร็วแค่ไหน ก็สู้หลานจิ่วชิงไม่ได้อยู่ดี

“หาเรื่องตายเอง เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน”

เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ…

แสงดาบส่องประกาย ฟันที่ปนเปื้อนไปด้วยเลือดก็ร่วงลงมา ทั้งหกคนไม่มีใครฆ่าตัวตายได้สำเร็จเลย

“อยากตายงั้นหรือ? ข้าไม่ให้พวกเจ้าสมดั่งใจหรอก” หลานจิ่วชิงรักษาสัญญาของตน เมื่อเขายกดาบขึ้น ข้อมือของพวกเขาก็หลุดออกจากแขนไปและพุ่งขึ้นข้างบน เมื่อวางดาบลงข้อเท้าของพวกเขาหักไปพร้อมกัน ใช้เวลาจัดการมือสังหารทั้งห้าเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น และเหลือคนสุดท้ายเอาไว้ หลานจิ่วชิงให้โอกาสเขาครั้งสุดท้ายอย่างปรานี ” บอกว่า เจ้านายพวกเจ้าเป็นใคร?”

“อ๊าก อ๊า…..” ดวงตาของมือสังหารเป็นประกายด้วยน้ำตา แววตาของเขาหวาดกลัวอย่างมาก แต่เขาก็ยังไม่ยอมพูดออกมา

ภายใต้หน้ากากนั้น แววตาของหลานจิ่วชิงเผยความรีบร้อนออกมา หากว่าเป็นปกติ เขามีวิธีมากมายให้มือสังหารพูดความจริงออกมา แต่วันนี้ไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นหรือตาย เขาจึงไม่มีเวลามายุ่งกับมือสังหารมากเท่าไหร่

“ถือว่านายโชคดีไป” เขาเหวี่ยงดาบ และหันหลัง…

มือและเท้าของมือสังหารขาดหายไปเหมือนกับเพื่อนของตน เขาตะลึงและล้มลงไป เขายังไม่เข้าใจคำว่าโชคดีที่หลานจิ่วชิงกล่าวมานั้นคืออะไร

หลานจิ่วชิงได้ยินเสียงต่อสู้ดังมาจากระยะไกล แต่เขาไม่มีอารมณ์ที่จะไปยุ่งเรื่องเหล่านี้ หวังจิ่นหลิงจะเป็นหรือจะตายมีคนตระกูลหวังคอยกังวลแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว เขาเพียงแค่ดูแลเฟิ่งชิงเฉินให้ดีก็เพียงพอแล้ว

หลังจากแน่ใจแล้วว่าเฟิ่งชิงเฉินยังมีลมหายใจอยู่ หลานจิ่วชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เดิมทีเขาจะส่งเฟิ่งชิงเฉินไปที่จวนเฟิ่ง แต่สุดท้ายหลานจิ่วชิงตัดสินใจส่งเฟิ่งชิงเฉินไปที่จวนซุน

หากอยู่ในจวนซุน คนตระกูลซุนจะเอาปกป้องเฟิ่งชิงเฉินด้วยชีวิตตน แต่ซูเหวินชิงและปู้จิงหยุนไม่มีทางทำเช่นนั้น

เมื่อนึกถึงปู้จิงหยุน แววตาของหลานจิ่วชิงส่องประกายแห่งความโหดร้ายออกมา

เขาจำได้ว่าตนนั้นได้กำชับปู้จิงหยุนแล้ว ให้เขาปกป้องเฟิ่งชิงเฉินอย่างลับๆ แต่สุดท้ายผลเป็นอย่างไรล่ะ?

หากเขามาไม่ทัน เฟิ่งชิงเฉินคงกลายเป็นศพไปแล้ว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลานจิ่วชิงโกรธเคืองเสียจนอยากจัดการปู้จิงหยุนเสีย และในขณะเดียวกัน เขาได้แน่วแน่ในการตัดสินใจส่งเฟิ่งชิงเฉินไปที่จวนซุนยิ่งขึ้น แม้ว่าซุนเจิ้งเต้าจะไม่อยู่ แต่ด้วยฝีมือของซุนซือสิง การช่วยชีวิตเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย เขาเช็คดูแล้ว ตอนนี้ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินมีแต่บาดแผลภายนอก เฟิ่งชิงเฉินหลีกเลี่ยงการถูกโจมตีที่จุดสำคัญได้อย่างชาญฉลาด ฉะนั้นจะไม่อันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน…

หลานจิ่วชิงอุ้มเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้และบุกเข้าไปในห้องของซุนซือสิง เขาตื่นขึ้นมากลางดึก มีดาบที่เย็นเฉียบวางอยู่ที่คอของเขา ซุนซือสิงตกใจจนเกือบจะฉี่แตก แต่เขาก็ยังไม่ทันมองชัดว่าคนที่บุกเข้ามานั้นเป็นใคร เขาก็ตกใจหมดสติไปก่อนแล้ว

“ใจกล้าได้เพียงเท่านี้เองหรือ?” หลานจิ่วชิงดึงดาบของตนกลับมา เขาหยิบชาบนโต๊ะแล้วเทลงบนใบหน้าของซุนซือสิง…

“อ๊า…อย่าฆ่าข้านะ!” ซุนซือสิงร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจหลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมา

“หุบปาก!” หลานจิ่วชิงกัดฟัน

บ้าจริง คราวนี้ ตื่นตระหนกไปทั้งจวนแล้ว โชคดีที่คนในจวนซุนไม่มีใครที่สามารถขัดขวางเขาเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน

“เจ้า เจ้าจะทำอะไร?” ซุนซือสิงย่อตัวหลบไปที่หัวเตียงและมองดูหลานจิ่วชิงด้วยความหวาดกลัว ในฐานะที่เป็นหมอ ซุนซิอสิงไวต่อกลิ่นเลือดอย่างมาก ตัวเฟิ่งชิงเฉินเปื้อนเลือดทั้งทั่ว หากว่าซุนซือสิงไม่ได้กลิ่น เช่นนั้นทั้งหมดที่เรียนมากับเฟิ่งชิงเฉินก็คงสูญเปล่า

“เจ้าบาดเจ็บหรือเปล่า? ข้าเป็นหมอ ข้าสามารถรักษาเจ้าได้” ซุนซือสิงพยายามระงับความกลัวของตนเอาไว้ และเอ่ยปากด้วยความสั่นเทา”

“ลงมา”

“ได้ ได้” ซุนซือสิงแทบจะกลิ้งลงมาจากเตียง ท่าทีของเขาเป็นเหมือนกระต่ายน้อยที่ตกตะลึงอย่างมาก หลานจิ่วชิงคิดในใจว่า ความแตกต่างระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์นั้นมากเกินไป…

ผู้หญิงอย่างที่ฉลาดและใจกล้าอย่างเฟิ่งชิงเฉิน จะรับซุนซือสิงที่โง่และใจเสาะเช่นนี้มาเป็นลูกศิษย์ได้อย่างไร ลูกศิษย์ของนางไม่ได้ครึ่งของนางเลยด้วยซ้ำ……

น่าผิดหวังเสียจริง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท