นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 409 ข้อตกลง ไม่รู้จักยอมคนเช่นเจ้าช่างน่ารำคาญยิ่ง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 409 ข้อตกลง ไม่รู้จักยอมคนเช่นเจ้าช่างน่ารำคาญยิ่ง

เอ๊ะ?

เฟิ่งชิงเฉินตะลึงเสด็จอาเก้ายอมประนีประนอมอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่สไตล์ของเขานี่ เสด็จอาเก้าไม่ได้เสนอเงื่อนไขใดๆ เลยด้วยซ้ำ

นางเงยหน้ามองเสด็จอาเก้าที่หลับตาแน่นพร้อมสีหน้าเหนื่อยล้า ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินก็ฉายแววปวดใจออกมาแวบหนึ่ง แต่นางก็พยายามที่จะเพิกเฉยต่อมัน

นางรู้ดีว่าเขาไม่ง่ายเลย ทั้งๆ ที่ไม่ใช่จักรพรรดิ แต่กลับมีความสามารถในการเปลี่ยนชะตาฟ้า ทั้งๆ ที่เป็นเพียงอ๋องที่ไม่สนเรื่องการเมือง แต่เขากลับมีอำนาจที่จะทำให้จักรพรรดิต้องเกรงกลัว เมื่อเผชิญหน้ากับเสด็จอาเก้าที่เป็นเช่นนี้ ด้วยความเย่อหยิ่งและระแวงของจักรพรรดิแล้ว จะทนต่อการดำรงอยู่ของเขาได้อย่างไร

จักรพรรดิและเสด็จอาเก้าดูภายนอกเหมือนพี่น้องที่ให้เกียรติกัน แต่เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าจักรพรรดิมักจะจับเสด็จอาเก้าและหาโอกาสที่จะกำจัดเสด็จอาเก้าอยู่เสมอ

แม้เสด็จอาเก้าดูเหมือนจะมีชีวิตสวยงามเป็นอิสระ แต่จริงๆ แล้วเขากำลังเดินอยู่บนหน้าผาสูงหมื่นจั้ง ทั้งสองข้างทางล้วนมีศัตรูตัวฉกาจ ทุกย่างก้าวต้องระมัดระวัง หากพลั้งเผลอไปอาจไม่สามารถยืนหยัดขึ้นได้อีก แต่…

เขาจะลำบากอย่างไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง นางและเสด็จอาเก้าเป็นคนจากสองโลกที่แตกต่างกัน นางไม่ต้องการถูกเขาดึงเข้าสู่วังวนแย่งอำนาจ นางไม่คุ้นชินกับชีวิตเช่นนั้น

เฟิ่งชิงเฉินสูดลมหายใจเข้าและเก็บงำความสงสารในหัวใจของนางที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอบพระทัยเสด็จอาเก้า โฉนดที่ดินของจวนเฟิ่งนั้นชิงเฉินขอรับคืน หากยังมีเรื่องอื่นใดที่เสด็จอาเก้าอยากให้ชิงเฉินทำ เชิญท่านออกปาก ชิงเฉินจะต้องพยายามอย่างสุดกำลัง”

สุดท้ายนางก็ทนดูเขาเหนื่อยเกินไปไม่ได้ นางรู้ว่าเขาใช้จวนมาข่มขู่นาง ทั้งๆ นางคิดวิธีรับมือเขาได้แล้วและอีกฝ่ายก็ยอมถอย แต่…

นางกลับใจอ่อนเอง

ช่วยเถอะ ช่วยเถอะ มีประโยชน์ให้ใช้ก็เป็นเรื่องดี เสด็จอาเก้าเต็มใจคิดแผนเล่นงานนาง นั่นก็หมายความว่านางก็ไม่ได้ไม่มีข้อดีอะไรเลย อย่างน้อยนางก็ถูกเขายอมรับ

เสด็จอาเก้าขมวดคิ้ว ดวงตาที่ปิดอยู่ของเขาลืมขึ้นในทันใดพร้อมแววสังหาร

ตี๋ตงหมิงพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดจริงๆ

เขารู้เรื่องโฉนดที่ดินโดยบังเอิญ เฟิ่งชิงเฉินควรจะดีใจที่เขาเป็นคนหนึ่งที่พบว่าโฉนดที่ดินของจวนเฟิ่งอยู่กับเขา มิเช่นนั้นเฟิ่งชิงเฉินก็อย่าได้คิดเลยว่านางจะได้โฉนดที่ดินจวนเฟิ่งคืน

เขายอมรับว่าตอนแรกเขาวางแผนที่จะใช้เรื่องโฉนดบีบบังคับให้เฟิ่งชิงเฉินลงมือจัดการเรื่องของซูหว่านและเอาชนะนางจนนางรู้สึกขยาดกลัว

ด้วยนิสัยของเฟิ่งชิงเฉินนั้นนางเกียจคร้านเกินไป หากไม่บีบบังคับนาง นางจะไม่มีทางยอมลงมือ อย่างไรเสียเรื่องของสตรีก็ควรจะให้สตรีจัดการ แต่ต่อมา…

เขาได้ล้มเลิกแผนนี้ไปแล้ว เพียงแค่รอให้เฟิ่งชิงเฉินมาหาที่จวนเท่านั้น เขาก็จะมอบโฉนดที่ดินให้เฟิ่งชิงเฉินและสั่งสอนนางให้รู้ว่าหากมีเรื่องอะไรก็ให้มาหาเขา

ไม่ใช่ว่าเขาใจดี แต่เขาไม่ต้องการมันอีกต่อไป ซูหว่านเห็นเฟิ่งชิงเฉินเป็นเป้าหมายแล้วและเขารู้ดีว่าด้วยนิสัยของเฟิ่งชิงเฉิน นางจะไม่มีวันเสียเปรียบ

เดิมทีเขาคิดว่าตี๋ตงหมิงเป็นผู้บอกนางว่าเขาเป็นผู้เอาโฉนดที่ดินของจวนเฟิ่งไปและเป็นเขาที่ทำให้ทางการออกหน้าทำให้เฟิ่งชิงเฉินอับอาย แต่เขาคิดไม่ถึงว่าตี๋ตงหมิงจะบอกนางทุกอย่างจริงๆ

เฮอะ… เสด็จอาเก้ายิ้มเย็น ตี๋ตงหมิง เจ้ารอยุ่งจนตายเถอะ!

ตี๋ตงหมิงผู้น่าสงสารยุ่งมากอยู่แล้ว องค์ชายและองค์รัชทายาทแห่งเมืองหลวงรวมตัวกัน ปัญหาความสงบนี้ก็เหมือนกับมีดที่ห้อยอยู่บนศีรษะของเขา เขาเกรงว่าจะมีการลอบสังหารเกิดขึ้นอีก หากมีองค์ชายสิ้นพระชนม์ไปอีกหนึ่งหรือสองคน เขาต้องแย่แน่

ยามนี้เขาถูกปรักปรำถึงขีดสุด เขาไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องโฉนดที่ดินจวนเฟิ่งเลยและยิ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสด็จอาเก้ามีแผนอะไรกับโฉนดที่ดินนั่น

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเห็นว่าเสด็จอาเก้าเพียงมองนางและไม่พูดอะไร เฟิ่งชิงเฉินก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้นางเสนอตัวเข้าไปช่วย

“เจ้าจะช่วยข้าทำอะไรได้บ้าง?”

เสด็จอาเก้านำเพลิงโทสะในใจไปลงกับตี๋ตงหมิงจึงไม่เห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินขวางหูขวางตานัก อย่างไรเขาก็เอาโฉนดที่ดินมาสั่งสอนเฟิ่งชิงเฉินและคิดจะทำให้นางเชื่อฟังเขา

เฟิ่งชิงเฉินผู้ซึ่งไม่ยอมเชื่อฟังนั้นช่างน่ารำคาญจริงๆ เสด็จอาเก้าคิดอย่างนั้น

“ชิงเฉินเป็นหมอ รู้จักเพียงเรื่องช่วยชีวิตผู้คนเท่านั้น” ทั้งๆ ที่วางแผนไว้แล้ว แต่เมื่อนางเอ่ยปากออกมาเอง เสด็จอาเก้ากลับไม่รับความช่วยเหลือนั้น ช่างรู้จักเล่นตัวเสียจริง เฟิ่งชิงเฉินแอบบ่นอยู่ในใจและก่นด่าความใจอ่อนของนางในเวลาเดียวกัน

เสด็จอาเก้าไม่คู่ควรกับความเห็นอกเห็นใจเลยสักนิด

“จะช่วยชีวิตคนหรือ? องค์ชายรองแห่งแคว้นซีหลิงมาเพื่อรับการรักษา แต่หมอหลวงทำอะไรไม่ได้…” คำต่อจากนั้นเสด็จอาเก้าไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงมองเฟิ่งชิงเฉินและรอให้นางพูดต่อ

เป็นเรื่องนี้นี่เอง เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจ นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหากเป็นเพียงเรื่องการรักษาองค์ชายรองแห่งซีหลิง เหตุใดเสด็จอาเก้าจึงต้องสร้างปัญหาเช่นนี้? เพียงแค่เขาออกคำสั่ง นางมิต้องไปรักษาเขาอย่างเชื่อฟังหรือ?

ไม่เข้าใจเลย เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่คิดต่ออีก ความคิดของเสด็จอาเก้าไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถเข้าใจได้ “ชิงเฉินจะทำให้ดีที่สุดเพคะ”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ คืนนี้เจ้าก็เตรียมตัวไว้ให้พร้อม ข้าจะส่งคนมารับเจ้า องค์ชายรองแห่งซีหลิงเสด็จมาอย่างลับๆ ข้าไม่อยากให้คนรู้เรื่องนี้มากเกินไป” คำว่ามาอย่างเป็นความลับหมายถึงไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ คนที่ควรรู้ก็จะได้รู้

“เพคะ”

“ข้าจะตั้งตารอชมฝีมือของเจ้าในคืนนี้” เสด็จอาเก้าลุกขึ้นและเดินออกไปโดยไม่ให้เฟิ่งชิงเฉินมองเห็นดวงตาของเขาซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นสายตารอชมละครสนุกๆ

ทันทีที่เสด็จอาเก้าจากไป เฟิ่งชิงเฉินก็ส่งคนไปที่จวนซูเพื่อบอกซูเหวินชิงว่าการสร้างจวนเฟิ่งขึ้นใหม่สามารถทำได้แล้ว มีเสด็จอาเก้าคอยคุ้มครอง จะไม่มีใครกล้าจ้องที่ชิ้นนั้นอีก

เมื่อเสด็จอาเก้าทำเช่นนี้ การสร้างจวนเฟิ่งขึ้นใหม่จึงดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งเฟิ่งชิงเฉินจวนเฟิ่งถูกสร้างขึ้นใหม่จนสำเร็จ จักรพรรดิจึงได้รู้เรื่องโฉนดที่ดินของจวนเฟิ่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนทันที น้องเก้าของเขาช่างคิดเสียจริง เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ก็ยังสามารถทำให้วุ่นวายใหญ่โต เมื่อทำเช่นนี้ ไม่ว่าเจิ้นจะไม่พอใจเพียงใดก็ไม่สามารถริบจวนเฟิ่งกลับคืนมาได้อีก

จวนเฟิ่งเป็นของรัฐ แม้ว่าจักรพรรดิจะประทานให้ใครแล้วก็สามารถริบคืนมาได้ตลอดเวลา ตอนนี้กลับเป็นของส่วนตัวของเฟิ่งชิงเฉิน จักรพรรดิก็อายที่จะแย่งชิงทรัพย์สินของสตรีนางหนึ่ง

เรื่องนี้หากเป็นในยุคปัจจุบันนี้ก็จะถือเป็นการยักยอกทรัพย์สินของรัฐบาลซึ่งเป็นอาชญากรรม ถึงแม้ว่าสมัยโบราณจะไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น แต่ก็เป็นการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตน หากผู้ตรวจการรู้เรื่องนี้จะต้องถูกโจมตีอย่างช่วยไม่ได้ ถึงตอนนั้นจวนเฟิ่งก็จะถูกริบคืน

แต่เสด็จอาเก้าทำให้เรื่องนี้เป็นไปอย่างเปิดเผย คนเหล่านั้นจึงพูดอะไรไม่ได้อีก ชินอ๋องผู้หนึ่งใช้จวนส่วนตัวของตนเองแลกกับโฉนดที่ดินฉบับหนึ่ง นับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ ส่วนเรื่องที่เขาส่งมอบมันให้คนอื่นอีกทีหนึ่งนั้น หากเขาไม่ได้ขัดขวาง ต่อไปหยิบยกขึ้นมาพูดจะไปมีประโยชน์อะไร

เรื่องโฉนดที่ดินของจวนเฟิ่งมีปัญหาอยู่หลายวัน ตอนนี้นับว่าปัญหานั้นได้สิ้นสุดลงเสียที เฟิ่งชิงเฉินจึงวางใจลงได้ในที่สุด ส่วนเรื่องที่เสด็จอาเก้ายื่นข้อเสนอในนางรักษาองค์ชายรองแห่งซีหลิงนั้น นางได้เตรียมพร้อมแล้ว รอเพียงวันที่จะไปพบผู้ป่วยเท่านั้น

เดิมทีเฟิ่งชิงเฉินเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แต่เมื่อเสด็จอาเก้ากล่าวว่า “ข้าจะตั้งตารอชมฝีมือของเจ้าในคืนนี้” เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย นางมักจะรู้สึกว่าคำพูดของเสด็จอาเก้ามีความหมายอื่นแฝงอยู่

จนกระทั่งนางได้เห็นอาการบาดเจ็บของซีหลิงเทียนอวี่จึงได้เข้าใจว่าคำพูดนั้นของเขาหมายความว่าอย่างไร…

เสด็จอาเก้า ท่านโหดร้ายยิ่ง!

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท