หิมะตกไม่หยุด ยิ่งตกก็ยิ่งหนา ข้างนอกมองไม่เห็นถนนหนทางแล้ว ไม่มีทางออกไปข้างนอกได้เลย ทางการส่งคนมากวาดหิมะตั้งแต่เช้าตรู่ กวาดออกจนเป็นถนนให้คนเดินได้เส้นหนึ่งเพื่อให้ผู้คนได้สัญจร
สำหรับเหล่าขุนนางและผู้มีอำนาจนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลใจเพราะข้ารับใช้ในจวนพวกเขาจะกวาดถนนจนโล่งเอง เพียงแต่ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรก็ล้วนไม่ยอมออกจากจวน อากาศไม่ดีเช่นนี้ หากจมเข้าไปในกองหิมะ ไม่แน่ว่าหากจะปีนขึ้นมาก็ปีนไม่ไหว
เรื่องที่ภูเขาระเบิดก่อนหน้านี้แม้จะไม่มีคนตาย แต่กลับทำให้คนตกใจแทบตาย นี่ยังไม่ทันไรก็เจอกับหิมะตกหนักเสียแล้ว เหล่าประชาชนจึงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก หลังจากที่หิมะตกหนักโดยไม่หยุดมาหลายวันก็เริ่มมีข่าวลือออกมาจากเหล่าชาวบ้านว่าเป็นภัยที่สวรรค์ลงโทษ
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่เสียงเล่าลือในหมู่ประชาชนเท่านั้น นอกเสียจากว่ามันจะร้ายแรงจริงๆ หรือไม่ก็เบื้องหลังมีผู้ผลักดัน มิฉะนั้นในเวลาอันสั้นนี้ ข่าวลือคงไม่มีทางแพร่สะพัดจนเกิดเรื่องได้
หิมะตกหนักนี้เป็นภัยธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่มีใครรู้ว่ามันจะดำเนินไปอีกนานแค่ไหน แม้เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงจะพบต้นตอของข่าวลือแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดจะผลักดันมัน
หากบังเอิญว่าพวกข่าวลือแพร่สะพัดขึ้นมา หิมะกลับดันหยุดตก เช่นนั้นมิกลายเป็นว่าจะเสียแรงเปล่าหรือ อีกอย่าง…
วิญญูชนมีสิ่งที่ควรกระทำและสิ่งที่ควรละวาง ถึงแม้ในการเมืองจะไม่มีผู้ใดที่ขาวสะอาด แต่ก็มีคนจำวพวกหนึ่งที่ต้องการรักษาความบริสุทธิ์สุดท้ายในใจเอาไว้ พวกเขามีความเห็นอกเห็นใจเมตตาปรานี พวกเขาไม่ต้องการเอาชีวิตของประชาชนมาเป็นเครื่องมือแย่งชิงอำนาจ
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ว่าหิมะภายนอกจะตกหนักเพียงใดก็ไม่อาจส่งผลอะไรต่อจิตใจของนางในยามนี้ อีกทั้งนางก็ไม่อาจมองการณ์ไกลได้ถึงขนาดว่าภัยหิมะครั้งนี้จะนำมาซึ่งการเปิดฉากของสิ่งใด
เมื่อคืนเฟิ่งชิงเฉินได้เตรียมการไว้อย่างดี ยามตื่นมาในตอนเช้าแม้จะกินอาหารไปไม่เยอะ แต่อาหารเช้านั้นมีสารอาหารครบถ้วน จากนั้นก็บุ้ยใบ้ในซุนซือสิงตามนางไป
กระท่อมไม้หลังเล็กอยู่ไกลจากเรือนหลักเล็กน้อย แต่ระหว่างทางกลับไม่พบหิมะเลยแม้แต่น้อย จะเห็นได้ว่าข้ารับใช้ของจวนเฟิ่งขยันขันแข็งเพียงใด อะแฮ่ม ความจริงแล้วเป็นชุยห้าวถิงต่างหากที่สั่งให้คนของตระกูลชุยทำความสะอาดเพื่อให้เฟิ่งชิงเฉินเดินได้สะดวก
หยวนซีและชุยห้าวถิงไปที่กระท่อมไม้หลังเล็กและรอพวกเขาอยู่ที่นั่นตั้งนานแล้ว ด้านนอกของกระท่อมเต็มไปด้วยเหล่าทหารอารักขา
ชุยห้าวถิงกลัวว่าจะมีคนมาหาเรื่อง เพราะอย่างไรตอนที่เฟิ่งชิงเฉินรักษาดวงตาให้หวังจิ่นหลิงก็มีคนมาหาเรื่องเสียใหญ่โต แม้จะบอว่าครั้งนี้พวกเขาล้วนเก็บเป็นความลับ แต่ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่มีผู้มีจิตคิดร้าย ให้พวกเขาเฝ้าไว้ที่ด้านนอกเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้
เมื่อเห็นว่าชุยห้าวถิงตระเตรียมการอย่างรอบคอบเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกยินดี ช่วงนี้นางจะได้ไม่ต้องกังวลใจว่าจะเกิดอะไรที่ควบคุมไม่ได้ขึ้น ความวุ่นวายที่หรงชิงชิวและเย่เย่ได้สร้างไว้ก่อนหน้านี้ทำให้เฟิ่งชิงเฉินเชื่อว่าโลกนี้ยังขาดคนโง่เขลาเช่นนี้อยู่
เฟิ่งชิงเฉินเปิดประตูกระท่อมไม้ อากาศร้อนจากข้างในพุ่งเข้าปะทะใบหน้าของนางทำให้อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายลงและเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นที่หาได้ยากยิ่งในฤดูหนาวนี้
ห้องไม้เหล่านี้ดูเหมือนจะเรียบง่ายแต่แท้จริงแล้วกลับมีมูลค่ามหาศาล ยังไม่ต้องพูดถึงว่าไม้นั้นเป็นวัสดุที่ไม่ธรรมดา เพียงแค่ห้องไม้นี้เป็นห้องที่อบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อนก็พอที่จะทำให้คนหวั่นไหวแล้ว
ยามที่สร้างห้องไม้เล็กๆ เหล่านี้ เฟิ่งชิงเฉินให้คนฝังท่อเซรามิกไว้ข้างใต้ ยามฤดูหนาวต้มน้ำร้อนให้ความร้อนจากน้ำส่งผ่านมาตามท่อเพื่อให้สามารถควบคุมอุณหภูมิภายในห้องได้
ยามฤดูร้อนก็ให้ใส่น้ำแข็งไว้ในท่อเซรามิกเพื่อให้คนที่เข้ามาไม่รู้สึกถึงความร้อน
ในห้องไม้เล็กๆ นี้ อุณหภูมิของทั้งสี่ฤดูล้วนสามารถควบคุมได้ ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะลงมือทำการผ่าตัดเมื่อใด เพียงแค่สั่งการลงไปอุณหภูมิในห้องนี้ก็จะสามารถเป็นไปตามที่นางต้องการได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือไม่จำเป็นต้องเห็นถาดหรือน้ำแข็งเลยแม้แต่น้อย
ยามที่ชุยห้าวถิงและหยวนซีเดินเข้ามาก็รู้สึกชื่นชมความมหัศจรรย์ของห้องนี้ น่าเสียดายที่…
สิ่งนี้ไม่ง่ายเลยที่จะลอกเลียนแบบ ไม่ใช่เพราะว่าเป็นงานฝีมือที่ยากเย็น แต่เป็นเพราะ…ท่อเซรามิกฝังไว้ข้างใต้ หากคิดจะสร้างก็ต้องทุบเรือนทิ้งไปก่อนจึงจะสร้างได้
การก่อสร้างงานยุ่งยากเกินไป พวกเขาจึงได้แต่กลืนน้ำลายและมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินอีกครั้ง เพียงแค่ห้องไม้เล็กๆ ไม่กี่ห้องถึงขั้นต้องประดิษฐ์ขึ้นมาเช่นนี้ และไม่ได้ก่อสร้างอย่างนี้ทั้งจวนก็พอแล้วที่จะอธิบายว่าค่าใช้จ่ายนั้นย่อมมหาศาลอย่างไม่ธรรมดาแน่
อุณหภูมิในห้องไม้เหมาะสม เฟิ่งชิงเฉินและซุนซือสิงเข้าไปแล้วก็ถอดเสื้อนอกออกเดินไปที่ห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อโดยเฉพาะเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัด ส่วนหยวนซีและชุยห้าวถิงนั้นก็เปลี่ยนเป็นชุดผู้ป่วยที่นางให้คนได้เตรียมไว้เรียบร้อยก่อนแล้วและรอพวกเขาอยู่ในห้องผ่าตัด
ในห้องผ่าตัดมีเตียงผ่าตัดเพียงสองเตียงเท่านั้นและไม่มีเก้าอี้เลย ไม่ว่าจะเป็นชุยห้าวถิงหรือว่าหยวนซี พวกเขาก็ไม่ได้คุ้นเคยกับการนั่งอยู่ที่ขอบเตียงหรือว่านอนรอคนอยู่บนเตียง ดังนั้น… ทั้งสองคนจึงยืนสนทนาอยู่ที่นั่นเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในจิตใจ
แต่พวกเขาในเวลานี้ไฉนเลยจะมีกะจิตกะใจสนทนา ทั้งสองคนต่างตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว รู้สึกว่ามือไม่ใช่มือเท้าไม่ใช่เท้า ถ้อยคำที่พูดออกไปก็ไม่ปะติดปะต่อ
โดยเฉพาะชุยห้าวถิง หากไม่ใช่เพราะว่าเขาฝึกฝนมาดีพอจะต้องเดินไปเดินมาในห้องแน่เพื่ออาศัยมันขจัดความไม่สบายใจในจิตใจ นี่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความเป็นตาย แม้เขาจะอยากเผชิญหน้ากับมันด้วยจิตใจที่สงบนิ่ง แต่เขาก็ทำไม่ได้จริงๆ
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินและซุนซือสิงเดินเข้ามา ชุยห้าวถิงและหยวนซีก็เห็นทันที ทั้งสองคนจ้องมองที่ประตูอยู่ตลอดเวลา เมื่อรอเฟิ่งชิงเฉินและซุนซือสิงเข้ามาแล้ว พวกเขาก็ยังมีคำถามที่ต้องการจะถามเฟิ่งชิงเฉิน
ก่อนหน้านี้เฟิ่งชิงเฉินบอกว่าไม่ให้ซุนซือสิงเข้าร่วม แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนความคิด ทำให้ชุยห้าวถิงรู้สึกไม่สบายใจนัก เขาจะต้องถามให้กระจ่าง มิฉะนั้นเขาจะยอมยกเลิกการผ่าตัดในวันนี้
“คุณชายซุนก็มาด้วยหรือ เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไม่ได้บอกว่าไม่ให้เขามีส่วนร่วมในเรื่องนี้หรือ?” ชุยห้าวถิงพยายามอย่างยิ่งที่จะระงับความร้อนใจ แต่เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามาเขาก็เอ่ยปากขึ้นอย่างไม่อาจอดทนได้
เฟิ่งชิงเฉินทะนุถนอมซุนซือสิงถึงเพียงนั้น แล้วจะให้เขามาเสี่ยงได้อย่างไร หรือว่าการผ่าตัดในวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงงั้นหรือ?
เดิมเฟิ่งชิงเฉินอยากบอกว่านางต้องการให้ซุนซือสิงมาช่วย แต่เมื่อเห็นความไม่สบายใจจากดวงตาของชุยห้าวถิงแล้ว นางก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที “ก่อนหน้านี้ที่ข้าไม่ให้เขามีส่วนร่วมเป็นเพราะข้ามีความมั่นใจเพียงเจ็ดส่วนเท่านั้นจึงไม่อยากให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ตอนนี้… ข้ามีความมั่นใจเต็มสิบ ดังนั้นข้าจึงให้เขาเข้ามาเป็นผู้ช่วย”
“ความมั่นใจเต็มสิบหรือ? เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าบอกว่าเจ้ามีความมั่นใจเต็มสิบหรือ? เจ้าแน่ใจนะ?” ชุยห้าวถิงตื่นเต้นยินดีพุ่งเข้ามาหาเฟิ่งชิงเฉิน โชคดีที่นางเตรียมตัวไว้ก่อนมิฉะนั้นคงถูกเขาทำให้ตกใจตายเสียแล้ว
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ลมหายใจของเฟิ่งชิงเฉินก็สะดุดไปเล็กน้อย นางถอนหายใจยาวแล้วจึงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ใช่แล้ว ถ้ามีความมั่นใจสูงมากที่จะรักษาเจ้าจนหาย ดังนั้นขอให้คุณชายชุยโปรดผ่อนคลาย ข้าสามารถรับรองได้ว่าหลังจากที่ท่านตื่นขึ้นมาแล้วจะพบตนเองที่แตกต่างออกไป”
น้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉินราบเรียบ แต่กลับมีมนต์เสน่ห์ทำให้ผู้คนเชื่อถือโดยไร้เงื่อนไข ชุยห้าวถิงก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น เขาได้ยินน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ความไม่สบายใจก็ค่อยๆ หายไป
“ข้าเชื่อเจ้า!” สายตาของชุยห้าวถิงปรากฏรอยยิ้มผ่อนคลายยามที่สบเข้ากับดวงตาล้ำลึกสงบนิ่งของเฟิ่งชิงเฉิน
ความจริงแล้วเขาก็ไม่อาจไม่เชื่อใจนาง เพราะเขาได้มอบชีวิตให้อยู่ในมือนางแล้ว
“จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน!” เพราะนางจะไม่ยอมให้ล้มเหลวเป็นอันขาด!
เฟิ่งชิงเฉินตบไหล่ชุยห้าวถิงเบาๆ และไม่สนใจเขาอีก นางขยิบตาให้ซุนซือสิงเพื่อให้เขาเริ่มทำงานได้ ส่วนตนเองนั้นเดินไปอยู่ที่ข้างเตียงผ่าตัดพลางชี้ไปที่เตียงทั้งสองและเอ่ยว่า “คุยชายชุย คุณชายหยวนซี โปรดนอนลง การผ่าตัดจะเริ่มขึ้นแล้ว!”