การผ่าตัดเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ชุยห้าวถิงและหยวนซีล้วนไม่ใช่ผู้ที่ถูกหลอกลวงได้โดยง่าย เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ได้มีความคิดที่จะล้อเล่นกับพวกเขา นางเชื่อว่าสองคนนี้เป็นวิญญูชน แม้จะพบเห็นอะไรก็ไม่มีทางพูดเหลวไหลต่อคนภายนอก และยิ่งไม่มีทางโง่เง่าเต่าตุ่นถึงขนาดเห็นนางเป็นนางปีศาจ
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้หลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย นางเปิดกล่องยาและตู้เก็บเครื่องมือผ่าตัดที่สร้างติดผนังต่อหน้าคนทั้งสอง
ราวกับมีมนต์สะกด เพียงแค่เห็นเฟิ่งชิงเฉินดันกล่องเหล่านั้นเบาๆ บรรยากาศของห้องผ่าตัดก็เปลี่ยนไป
ในยามนี้หยวนซีและชุยห้าวถิงลืมความตื่นเต้นไปชั่วขณะ ดวงตาทั้งสองของพวกเขาจับจ้องไปที่ไฟและอุปกรณ์ประหลาดพร้อมทั้งอ้าปากค้างด้วยสีหน้าชื่นชม
“อย่าชื่นชมข้าไปเลย พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ซูเหวินชิงประดิษฐ์ให้ข้า ในด้านนี้เขาต่างหากจึงจะเป็นผู้มีพรสวรรค์” ไม่ผิดเลยที่นางไร้อารมณ์ยามอยู่ต่อหน้าเตียงผ่าตัด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางจะเย็นชาเรากับหุ่นยนต์
นางจะคิดถึงจิตใจของผู้ป่วยและหากสถานการณ์เอื้ออำนวย นางก็จะพยายามฝ่าวิกฤติไปกับพวกเขา เดิมทีนางคิดจะพูดปลอบใจชุยห้าวถิงสักหน่อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นแล้ว เพราะสิ่งประดิษฐ์พิเศษเหล่านี้ของซูเหวินชิงทำให้เขาลืมความกังวลในการผ่าตัดไปเสียแล้ว
“เศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งตงหลิง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ด้วย” ชุยห้าวถิงแอบชื่นชม รักของเหล่านี้ของเฟิ่งชิงเฉินสามารถดูออกว่าซูเหวินชิงนั้นเชี่ยวชาญเรื่องกลไก
“เขาเป็นบุรุษที่โดดเด่นยิ่งนัก เพียงแต่ชาติกำเนิดของเขาทำให้ความสามารถของเขาต้องถูกจำกัด” แม้ซูเหวินชิงจะเป็นพ่อค้าวาณิชย์ แต่ก็เป็นพ่อค้าที่มีความรู้ เขาเปี่ยมไปด้วยทักษะและพรสวรรค์ แต่กลับไม่มีเวทีให้เขาได้แสดงความสามารถ
หากโลกนี้ไม่ได้ดูแคลนชนชั้นพ่อค้ามากนัก เช่นนั้นซูเหวินชิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญแก่งตงหลิงอย่างแน่นอน แต่ทว่า…
อำนาจและตระกูลผู้สูงศักดิ์ล้วนไม่อาจแยกจากการค้าขาย แต่กลับดูถูกการค้าขายเองเสียนี่
“ทุกคนล้วนมีชะตากรรมของตนเอง ที่เขามีวันนี้ได้บางทีก็อาจเกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของเขา ตระกูลดังก็มีเหล่าคนไม่ได้ความและคนเสเพลมากมาย” เมื่อพูดถึงชาติกำเนิดแล้ว ชุยห้าวถิงเป็นผู้ที่ไม่มีสิทธิ์เอ่ยคำอย่างที่สุด เพราะอย่างไรชาติกำเนิดของเขาก็เป็นที่น่าอิจฉาของคนจำนวนไม่น้อย
“ก็จริง ไม่แน่เสมอไปว่าการเกิดในตระกูลดังก็จะมีความสุข เบื้องหลังของความรุ่งโรจน์นั้นมีความทุกข์ใจที่คนอื่นมิอาจรู้” แต่หากผู้ที่เกิดในตระกูลดังต้องการจะประสบความสำเร็จย่อมง่ายกว่าคนธรรมดาเป็นร้อยเท่าพันเท่า ในโลกนี้มีคนมากมายที่เต็มใจจะใช้ความทุกข์ใจที่คนอื่นมิอาจรู้นั้นมาแลกกับความรุ่งโรจน์ร่ำรวยและเวทีที่จะสามารถแสดงความสามารถของตนเองออกมาได้
ความโศกเศร้าของคนจนนั้นเป็นสิ่งที่คุณชายตระกูลดังไม่สามารถเข้าใจได้เลย ผู้ที่อยู่ในตระกูลใหญ่จะไม่มีทางเข้าใจได้ว่าการแย่งหมั่นโถวเย็นๆ แข็งสักก้อนหนึ่งจนเลือดตกยางออกเป็นความทุกข์เช่นไรและยิ่งไม่มีทางเข้าใจว่าการที่มีพรสวรรค์อยู่เต็มเปี่ยม แต่กลับไม่มีผู้ใดรับรู้และชื่นชมนั้นเป็นความโศกเศร้าเพียงใด
เฟิ่งชิงเฉินอาศัยช่วงที่ชุยห้าวถิงกำลังผ่อนคลายส่งสัญญาณให้ซุนซือสิงรีบลงมือวางยาสลบชุยห้าวถิงเสียก่อน
ส่วนหยวนซีนั้นน่ะหรือ? ให้ยานอนหลับเขาหนึ่งเม็ด ให้เขานอนตรงนั้นก็พอแล้ว
ซุนซือสิงไม่ใช่มือใหม่อยากที่เคยเป็นอีกต่อไป เมื่อได้รับสัญญาณจากเฟิ่งชิงเฉิน เขาก็หยิบเข็มฉีดยาเดินเข้ามาเช็ดแอลกอฮอล์ที่ผิวหนัง ทำให้ชุยห้าวถิงตกใจมาก เมื่อหันกลับไปก็เห็นว่าในมือของซุนซือสิงมีของแหลมอยู่ ชุยห้าวถิงรีบสะกดกลั้นความตกใจและพยายามอย่างยิ่งที่จะสงบนิ่ง “นั่นคืออะไร?”
“ยาชา มันจะทำให้ท่านไม่รู้สึกเจ็บไปชั่วขณะหนึ่ง เช่นนี้ยามที่ทำการผ่าตัดจะสะดวกมาก” ยามที่พูดอะไรไม่จำเป็นต้องพูดสิ่งที่คิดออกมาหมด เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้หลอกลวงเขา เพียงแต่นางไม่อยากทำให้ชุยห้าวถิงต้องตกใจกลัว ที่นางพูดเช่นนี้เขาจะสามารถรับได้ง่ายกว่า
“ซือสิง เจ้าอธิบายกระบวนการผ่าตัดให้คุณชายชุยฟังหน่อย ข้าจะไปเจาะเลือดคุณชายหยวนซี” หลังจากที่ซุนซือสิงฉีดยาชาให้ชุยห้าวถิงเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็เริ่มลงมือทำงาน
เฟิ่งชิงเฉินไม่จำเป็นต้องใช้เสต็มเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากไขกระดูกของหยวนซี นางเพียงเจาะเลือดจากหลอดเลือดดำเท่านั้นแล้วจึงค่อยใช้เครื่องแยกเซลล์เม็ดเลือดแยกสเต็มเซลล์ออกมาก็ใช้ได้แล้ว
มือของเฟิ่งชิงเฉินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถหยิบจับเครื่องมือแพทย์โดยไม่ต้องมองเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่อาศัยสัญชาตญาณก็สามารถทำได้สำเร็จ
ยามที่คนอื่นยังไม่ทันได้เห็นชัด นางก็หยิบอุปกรณ์ที่ต้องใช้ออกมาวางบนถาดเงินและเดินไปหาคุณชายหยวนซี
นั่งดึงเก้าอี้ออกมาจากใต้เตียงผ่าตัดและวางถาดนั้นไว้บนเก้าอี้ จากนั้นก็เดินอ้อมไปนั่งลงอีกด้านหนึ่ง
ต้องบอกว่าอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องไม้ของนางช่างแปลกประหลาดไปหมดแต่ก็ใช้งานได้จริง
“คุณชายหยวนซีผ่อนคลายลงหน่อย ไม่เจ็บหรอก” เฟิ่งชิงเฉินหยิบก้านสำลีชุบยาแล้วเช็ดไปมาที่แขนของคุณชายหยวนซีเพื่อให้หลอดเลือดปรากฏออกมา
“ข้าไม่ได้กังวล” คุณชายหยวนซีกล่าวออกมาไม่สะทกสะท้าน
ล้อเล่นหรือเปล่า ถึงแม้เขาจะกังวลแค่ไหนก็ไม่มีทางพูดออกมาแน่ น่าขายหน้าจะตายไป!
“ไม่กังวลก็ดีแล้ว” ที่แท้การเป็นวิญญูชนให้ตายอย่างไรก็ต้องรักษาหน้าเอาไว้ถึงแม้ตัวจะเจ็บอย่างไรก็ยอม สายตาของเฟิ่งชิงเฉินแสงรอยยิ้มในขณะที่มองหุ้นไทยหยวนซีจับจ้องมือของนางโดยไม่กะพริบตา นางรู้ว่าเขาไม่ได้สงบดังเช่นที่เขาแสดงออกมา
ดังนั้นยามที่เฟิ่งชิงเฉินเตรียมจะแทงเข็มเข้าไป นางจึงใช้กลชั้นต่ำที่ได้ผลยิ่งนักที่นิยมใช้กันตามโรงพยาบาล
“คุณชายหยวนซีดูนั่นสิ…” เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปทางตรงกันข้าม หยวนซีกำลังอยู่ในสภาวะตึงเครียด เมื่อนางพูดออกมาเช่นนี้เขาก็หันไปตามทิศที่นางชี้โดยไม่ได้คิดอะไร ผลปรากฏว่า…
“โอ๊ย…” หยวนซีร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและรีบหันกลับมาแต่ก็เห็นว่าเข็มที่ทั้งยาวและเล็กได้ทิ่มเข้าไปในเนื้อของตนแล้วและเฟิ่งชิงเฉินก็แปะเทปกาวลงไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว
สุดท้ายก็คือเขามองไม่เห็นอะไรเลย
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าหลอกฆ่า” คุณชายหยวนซีไม่พอใจ
เฟิ่งชิงเฉินทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ “งั้นหรือ? เปล่าเสียหน่อย คุณชายหยวนซีต่างหากที่ไม่ได้ฟังคำพูดของข้าจนจบ” เฟิ่งชิงเฉินดีดหลอดใสเบาๆ เมื่อเห็นเลือดออกมาอยู่ในหลอดและไหลลงไปในถุงเลือดแล้ว น้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉินก็นุ่มนวลขึ้นมาก
“ไม่ได้ฟังให้จบหรือ? เจ้าจะพูดอะไรต่อ?” หยวนซีรู้สึกเซ็ง เขารู้ว่าที่นางทำเป็นไปเพราะหวังดีต่อเขา แต่เป็นเขาเองที่รู้สึกว่าขายหน้าต่างหาก
บุรุษตัวโตถึงเพียงนี้แต่กลับหวาดกลัวไปเสียได้
“ข้าจะบอกว่าให้คุณชายหยวนซีมองตรงนั้นว่ามันไม่มีอะไรเลย” พูดกันให้ชัดเจนก็คือเป็นถ้อยคำหยอกเย้า แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับพูดอย่างจริงจังเรากลับเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ทำให้แม้ว่าหยวนซีจะโกรธแต่ก็ไม่มีที่ระบาย
หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวเช่นนี้แล้ว นางก็ไม่สนใจเขาอีก นางลุกไปที่โต๊ะทำงานเพื่อติดตั้งเครื่องแยกเซลล์เม็ดเลือด
เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดสามารถสกัดเตรียมไว้ล่วงหน้า แต่เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าไม่จำเป็น มีช่วงเวลาว่างก่อนที่จะให้ชุยห้าวถิงดมยาสลบ อาศัยเวลานี้ในการสกัดเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจึงจะทำให้ลุงหลานคู่นี้รู้สึกสบายใจขึ้น
เดิมทีเฟิ่งชิงเฉินอยากจะเรียกซุนซือสิงมาสอนว่าเครื่องสกัดเซลล์ใช้งานอย่างไร แต่คิดไปแล้วก็ช่างเถอะ ต่อไปก็ยังมีโอกาส ไม่จำเป็นต้องอธิบายต่อหน้าหยวนซีและชุยห้าวถิง
หลังจากติดตั้งอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่มีอะไรทำอีก นางไม่อยากนั่งเฉยๆ จึงยืนพิงโต๊ะทำงานด้วยท่าเอนหลังเล็กน้อย ใบหน้าของนางไร้อารมณ์ ดวงตาของนางก้มลงมองที่ถุงเลือดข้างกายหยวนซีโดยไม่ขยับเขยื้อน
ท่าทางจริงจังนั้นราวกับมีลายดอกไม้อยู่บนถุงเลือด คนในห้องผ่าตัดก็ได้รับอิทธิพลจากนางเช่นกัน ทุกคนล้วนจ้องไปที่ถุงเลือด แต่เมื่อดูๆ ไปกลับไม่เห็นว่าถุงเลือดนั่นจะมีอะไร?
ยามที่ทุกคนกำลังงุนงง เฟิ่งชิงเฉินก็ขยับตัว
ขาเรียวยาวของนางเดินไปหาหยวนซี ทั้งสามคนจ้องมองเฟิ่งชิงเฉินเพื่อดูว่านางจะทำอะไร แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวัง เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ทำอะไรที่น่าตกใจ นางเพียงแค่หยิบถุงเลือดออกมาเท่านั้น
ชิชะ… เมื่อมองดูท่าทางจริงจังและตรงไปตรงมาของเฟิ่งชิงเฉินแล้วก็ทำให้พวกเขาคิดว่าจะมีเรื่องพิเศษอะไรเกิดขึ้น แต่ที่แท้… หวังไปเสียแรงเปล่า…