นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 675 ปวดใจ เรื่องร้ายที่แพร่งพราย

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

เซวียนเส้าฉีดื้อรั้น แต่เฟิ่งชิงเฉินดื้อรั้นกว่า

เห็นท่าทางเช่นนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน เซวียนเส้าฉีก็เข้าใจแล้วว่าต่อให้พูดอะไรออกไปก็ไม่มีประโยชน์ เฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมรับก็คือไม่ยอมรับ นอกเสียจากจะถูกบังคับให้แต่งงานกับเขา

ได้ยินเฟิ่งชิงเฉินบอกให้ตนเองอยู่ต่อในฐานะแขก เซวียนเส้าฉีเองก็โล่งใจ เขาจะใช้ประโยชน์จากการที่อยู่ในจวนเฟิ่ง เพื่อให้เฟิ่งชิงเฉินยอมแต่งงานกับเขา โดยไม่ยอมจากไปไหน

เฟิ่งชิงเฉิน ข้าเซวียนเส้าฉีจะต้องแต่งงานกับเจ้าให้ได้!

ก่อนหน้านี้ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเฟิ่งชิงเฉิน เขารอมาถึงได้ 18 ปีแล้ว เมื่อรู้ถึงการมีอยู่ของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว เขาจะรีบร้อนไปเพื่ออะไร

18 ปียังรอมาได้ ให้เขารออีก 18 ปี มันจะเป็นอะไรไป

เฟิ่งชิงเฉินต้องรู้ว่า นางกำลังรั้งภาระอันยิ่งใหญ่ไว้ในบ้าน นางจะเห็นแก่หน้าแม่แล้วใจอ่อนไม่ได้

ดังนั้นเซวียนเส้าฉีจึงได้อยู่ในจวนเฟิ่ง และหลังจากนั้น……

เรื่องดีไม่มีเขา เรื่องแย่แพร่ออกไปเป็นพันไมล์ ผ่านไปไม่นาน คนบนจวนเฟิ่งต่างรู้ถึงเรื่องคู่หมั้นในวัยเด็กของเฟิ่งชิงเฉิน ตอนนี้เขาได้มาหาเฟิ่งชิงเฉินถึงบ้านเพื่อขอแต่งงาน

ในที่สุดครั้งนี้สายลับก็ฉลาดขึ้น เมื่อได้รับข่าว พวกเขาส่งออกไปทันที ส่วนเรื่องที่จะไปถึงเสด็จอาเก้าเมื่อไหร่ มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา

“เฟิ่งชิงเฉิน คู่หมั้นของเจ้ามาหาเจ้าถึงบ้าน?” คุณชายหยวนซีเองก็รู้เรื่องนี้จากปากของซุนซือสิง จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ทิ้งชุยห้าวถิงไว้ และเดินออกมาพร้อมกัน

เรื่องซุบซิบของเฟิ่งชิงเฉิน ในวันที่หิมะตกจนน่าเบื่อ วันที่ยากจะออกไปด้านนอก เรื่องที่น่าดึงดูดเช่นนี้ พวกเขาจะไม่สนใจได้อย่างไร

“อาจารย์ ท่านมีคู่หมั้นแล้วอย่างนั้นหรือ? เขามาหาท่านเพื่อขอท่านแต่งงานใช่หรือไม่? เขาเป็นใคร? ดีหรือไม่ดี?” คุณชายหยวนซีดูเสียใจ เสียใจที่ต้องสูญเสียดอกไม้อันงดงาม ส่วนซุนซือสิงดีใจมาก เขาดีใจกับอาจารย์ของเขา

เขารู้สึกว่าอาจารย์ควรหาผู้ชายดีๆมาแต่งงาน เพื่อจะได้มีผู้ชายที่คอยอยู่เคียงข้าง ปกป้องนาง รักนาง และปลอบโยนนางเมื่อถูกทำร้าย

ส่วนเรื่องการสูญเสียความบริสุทธิ์ของอาจารย์

หึ…..ชายคนไหนกล้าที่จะดูหมิ่นอาจารย์ของเขา เขาจะแทงให้ตาย และไม่มีวันยกโทษให้

“แฮ่ม พวกเจ้าได้ยินข่าวแล้วอย่างนั้นหรือ ผู้ที่มาคือนายน้อยแห่งเผ่าเสวียนเซียวกง เซวียนเส้าฉี” เฟิ่งชิงเฉินนำมือขึ้นมาไว้บนหน้าผากอย่างไร้กำลัง การนินทาผู้ชายคนนี้มันออกจะดูน่ากลัว

“นายน้อยแห่งเผ่าเสวียนเซียวกง เขามาทำไม? มาหาอาจารย์เพื่อแก้แค้นอย่างนั้นหรือ?” หัวใจอันบริสุทธิ์ของซุนซือสิง เมื่อได้ยินเฟิ่งชิงเฉินพูดเช่นนี้ เขาคิดเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้น และคิดว่าผู้ที่มาอยู่ในฐานะศัตรูกับเฟิ่งชิงเฉิน

คุณชายหยวนซีถอนหายใจพร้อมส่ายหน้า “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าฉลาดขนาดนี้ ทำไมถึงได้เก็บลูกศิษย์ที่งี่เง่าแบบนี้มาได้” ทำไมถึงไม่ดูท่าทางและน้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉิน อีกอย่างถ้าหากคนผู้นี้มาเพื่อแก้แค้น เฟิ่งชิงเฉินจะกล้าปล่อยให้คนผู้นี้อยู่ในจวนต่อไปไหม?

ไร้ปัญญาสิ้นดี! ซุนซือสิงผู้นี้นอกจากความรู้ทางด้านการแพทย์แล้ว ซุนซือสิงไม่มีความสามารถอะไรเลย ไม่รู้ว่าถ้าหากไม่มีการคุ้มครองจากเฟิ่งชิงเฉิน เขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปแบบนี้ได้หรือไม่

“ข้าพูดอะไรผิดอย่างนั้นหรือ?” ซุนซือสิงก็ยังไม่เข้าใจ แต่ก็รู้ว่าคุณชายหยวนซีกำลังด่าตนเองว่าโง่ จึงรีบหันหน้ามาหาเฟิ่งชิงเฉินทันที

“ไม่ เจ้าพูดถูกแล้ว แต่เขาไม่ได้มาเพื่อทำการแก้แค้น แต่มาเพื่อทวงหนี้จากข้า” ในใจของเฟิ่งชิงเฉินคิดจริงว่าเซวียนเส้าฉีมาทวงหนี้นาง

คำพูดที่เขาเคยพูดกับแม่ของนางเอาไว้ตอนอายุสามขวบ เขายังสามารถจดจำได้อย่างชัดเจน ไม่รู้แม้ว่านางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่กลับรอนางมาถึง 18 ปี เมื่อรู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ เขาก็รีบมาขอแต่งงานถึงบ้านโดยไม่มีการตรวจสอบแต่อย่างใด

เรื่องแบบนี้ คนทั่วไปสามารถทำได้อย่างนั้นหรือ

คนที่แม่ของนางมองคนไม่ผิดจริงๆ ขนาดอายุเพียงแค่สามขวบ คำพูดกล่อมเด็กกลับทำให้เด็กคิดว่าเป็นความจริง

“ทวงหนี้? หนี้อะไร? อาจารย์ไปติดหนี้อะไรเขา? แผ่นเงินงั้นหรือ? เป็นหนี้เขาจำนวนเท่าไหร่? ข้ายังพอมีอยู่บ้าง เป็นสิ่งที่พ่อแม่ของข้าทิ้งไว้ให้……” เป็นหนี้ แน่นอนด้วยความสามารถของซุนซือสิงคงคิดได้แค่เรื่องของเงินทอง จึงรีบเอ่ยปากให้ความช่วยเหลือเฟิ่งชิงเฉินทันที

คุณชายหยวนซีรับไม่ไหว เขาหยิบพัดในมือออกแล้วทุบหัวของซุนซือสิง “จะใช่แผ่นเงินหรือไม่ คนเขามาทวงหนี้ถึงบ้าน ในตอนนั้นอาจารย์ของเจ้าไปติดหนี้เขาไว้ ตอนนี้เขามาทวงถึงบ้าน ต้องการให้อาจารย์ของเจ้าใช้คืน”

คำพูดนี้ของคุณชายหยวนซีนั้นถูกต้อง แต่ทำไมถึงฟังดูเคอะเขิน?

เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองไปยังคุณชายหยวนซี พูดขู่ออกมาว่า “คุณชายหยวนซี ท่าทางของท่านเสียสติของท่านเมื่อวานนี้ ดูเหมือนว่าข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรท่าน?” คิดจะมาพูดเหน็บแนมนาง ทำไมถึงไม่ดูก่อนว่าตนเองนั้นดีพอหรือยัง

สิ่งที่เจ้าทำเมื่อวานนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับเรื่องตลก

เอ่อ……

“เฟิ่งชิงเฉิน เรื่องนี้……เรื่องนั้น เรื่องนั้นมัน ถึงเวลากินยาของห้าวถิงแล้ว ข้าขอตัวก่อน” คุณชายหยวนซีเจ็บจากภายใน แต่เขายังคงต้องรักษาภาพลักษณ์ของไท่ซือ ยิ้มอย่างสง่างาม ในตอนที่หันและเดินจากไป ยังต้องเดินอย่างสง่างามเพื่อไม่ให้เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะเยาะ

เยี่ยม ฆ่าจิ้งจอกเฒ่าและเหลือไว้เพียงหมูโง่ๆที่ไร้ซึ่งกำลังตัวหนึ่ง

“ซือสิ พรุ่งนี้พวกเราจะทำการเปิดโรงหมอ เจ้าเตรียมงานที่รับมอบหมายเรียบร้อยแล้วหรือยัง? ทางด้านคุณชายชุย เจ้าเตรียมการไว้แล้วหรือยัง? วันที่หิมะตกหนักขนาดนี้ ภาระงานของเจ้าต้องลำบากมาก เจ้าจะต้องป้องกันความหนาวเย็นเพื่อไม่ให้เป็นหวัด” เฟิ่งชิงเฉินอนุญาตให้ซุนซือสิงมอบหน้าที่ดูแลชุยห้าวถิงให้กับใครอื่น

ดูจากคำพูดของนางแล้ว คนที่นางไว้ใจมีแค่ซุนซือสิง แต่ความหมายที่แอบแฝง นางอยากใช้โอกาสนี้ให้ซุนซือสิงได้ทำความรู้จักกับชุยห้าวถิง

หลังชุยห้าวถิงพักรักษาตัวจนหายดีแล้ว จำเป็นต้องออกไปจากจวนเฟิ่ง ถึงเวลานั้นถ้าหากพวกเขาต้องการไปพบกับคุณชายชุย มันคงยากกว่าตอนนี้มาก จึงจำเป็นต้องฉวยโอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์อันดี ไม่อย่างนั้นจะเป็นการเสียโอกาส

ซุนซือสิงไม่รู้สึกตัวเลยว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา เขาตอบไปอย่างงุนงง “ทั้งหมดถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว อาจารย์ ท่านวางใจ พรุ่งนี้การเปิดโรงหมอของพวกเราจะต้องเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนข้า ท่านไม่ต้องกังวล ข้าได้พูดคุยกับคุณชายชุยเรียบร้อยแล้ว คุณชายชุยบอกว่าจะสั่งให้องครักษ์ของตระกูลชุยพาข้ากลับมา ท่านวางใจ ข้าไม่มีทางทำให้เรื่องของคุณชายชุยต้องเสียหาย”

ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเผยให้เห็นความชื่นชม ชุยห้าวถิงแม้แต่องครักษ์ยังยอมมอบให้ซุนซือสิง เห็นได้ว่าเขาเองก็ชอบในตัวของซุนซือสิง ไม่อย่างนั้น……ด้วยนิสัยของคุณชายชุย เขาคงปล่อยให้ซุนซือสิงเดินไปทางไหนมาไหนด้วยตัวเอง

แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่อยากยอมรับ แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ต้องบอกเลยว่า เมื่อเทียบกับโรงหมอแล้ว ชีวิตของชุยห้าวถิงนั้นสำคัญกว่า

“แบบนี้อาจารย์ก็วางใจ” เฟิ่งชิงเฉินตบไหล่ของซุนซือสิง เตรียมตัวจากไป แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าซุนซือสิงยังคงงุนงงอยู่ แต่ก็เหมือนกับเฟิ่งชิงเฉิน นั่นคือมีความดื้อรั้นเป็นเครื่องนำพา ดื้อรั้นที่จะต้องหาคำตอบที่ชัดเจนออกมาให้ได้ “อาจารย์ นายน้อยแห่งเผ่าเสวียนเซียวกงผู้นั้น เป็นคู่หมั้นตอนเด็กของท่านจริงๆอย่างนั้นหรือ?”

เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันแน่น “ไม่ใช่”

แต่อีกคนที่ตรงข้ามกับนาง กลับตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่า “ใช่”

หญิงหนึ่งชายหนึ่ง เสียงทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน เฟิ่งชิงเฉินกับซุนซือสิงหันไปมอง เห็นเซวียนเส้าฉีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วกำลังเดินเข้ามา

เป็นอย่างที่คิด ด้วยเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย ทำให้สภาพของเซวียนเส้าฉีแตกต่างไปจากเดิม ตอนนี้เขาดูเหมือนนายน้อยมากขึ้น ทั้งอารมณ์และท่าทาง

ในสภาพอากาศหนาวเย็น เขาสวมเสื้อคลุมเพียงตัวเดียว ย่างก้าวแข็งแรง เขาไม่ได้มีความสง่างามและความสงบเหมือนคุณชายทั่วไป แต่เขามีความสงบและว่องไวเหมือนนักศิลปะการต่อสู้

ต้องบอกเลยว่าเซวียนเส้าฉีผู้นี้ดูเป็นลูกผู้ชายมาก สายตาแม่ของนางมองคนไม่ผิด แต่น่าเสียดายที่นางไม่ชอบผู้ชายแบบนี้

“ท่านก็คือเซวียนเส้าฉี? นายน้อยแห่งเผ่าเสวียนเซียวกง?” ซุนซือสิงมองคนที่เดินเข้ามา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชอบ

ชายผู้นี้ไม่เลว เหมาะสมกับอาจารย์ของเขา สามารถปกป้องดูแลอาจารย์ของเขาได้

“ใช่ ข้าก็คือเซวียนเส้าฉี คู่หมั้นของเฟิ่งชิงเฉิน” เซวียนเส้าฉีเน้นประโยคนี้เป็นพิเศษ เฟิ่งชิงเฉินมองไปบนท้องฟ้าอย่างไร้กำลัง “นายน้อย ท่านอย่าพูดจาไร้สาระ ข้าไม่มีคู่หมั้น ที่ให้ท่านอยู่ที่นี่ก็เพราะเห็นแก่หน้าแม่ของข้า”

นอกจากนั้นยังคิดว่าสามารถใช้ประโยชน์จากเจ้าได้!

แน่นอน คำพูดนี้เอาไว้ในใจของเฟิ่งชิงเฉินคนเดียวก็เพียงพอ กลับไปบอกหวังจิ่นหลิง ให้หวังจิ่นหลิงมาแก้ปัญหาความลำบากนี้ แน่นอนว่าการโจมตีเผ่าเสวียนเซียวกง จำเป็นต้องคุ้นเคยกับเค้าโครงของเผ่าเสวียนเซียวกงก่อน และไม่มีใครที่เหมาะสมมากไปกว่าเซวียนเส้าฉี ส่วนเรื่องที่จะทำให้เซวียนเส้าฉีเปิดปากออกมาอย่างไร จะได้ข้อมูลจากเซวียนเส้าฉีได้อย่างไร นี่คือเรื่องที่นางกังวล

เซวียนเส้าฉีไม่ได้สบตาเฟิ่งชิงเฉิน เขาหันไปถามซุนซือสิง “เจ้าเป็นใคร?”

“ข้า? ข้าคือศิษย์ของท่านอาจารย์” ซุนซือสิงเหลือบมองเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นบอกกับเซวียนเส้าฉีว่าเฟิ่งชิงเฉินคืออาจารย์ของเขา

“ที่แท้เจ้าก็เป็นศิษย์ของชิงเฉิน” เมื่อเซวียนเส้าฉีได้ยินว่าซุนซือสิงคือศิษย์ของเฟิ่งชิงเฉิน ดวงตาของเขาก็อ่อนโยนลงทันใด จากนั้นหยิบกล่องออกมาจากแขนเสื้อ “นี่เป็นสิ่งของเล็กน้อย เจ้าเป็นศิษย์ของชิงเฉิน ก็เหมือนกับเป็นศิษย์ของข้า”

เป็นการเหมาะสมสำหรับคนที่แก่กว่าจะทักทายคนรุ่นหลังด้วยของขวัญ อาจารย์ก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เซวียนเส้าฉีถือว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นภรรยาจึงคิดว่าซุนซือสิงก็เป็นศิษย์

อ่า….ซุนซือสิงคิดไม่ถึงเลยว่าเซวียนเส้าฉีจะทำเช่นนี้ เขาผงะไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ยื่นมือออกไป ของขวัญที่ได้จากคู่หมั้นของอาจารย์ ดูเหมือนจะรับไว้ได้

“ไม่อนุญาตให้รับไว้!” เฟิ่งชิงเฉินรีบก้าวออกมาด้านหน้า ตบมือที่ยื่นออกมาของซุนซือสิง มองไปที่ซุนซือสิงด้วยสายตาอันดุร้าย “ถึงเวลาทานยาของคุณชายชุยแล้ว รีบไปดู ถ้าหากคุณชายหยวนซีป้อนยาผิดขึ้นมา ต้องเกิดปัญหาแน่”

เป็นครั้งแรกที่เฟิ่งชิงเฉินยอมรับว่าคำพูดของคุณชายหยวนซีนั้นถูกต้อง ศิษย์ของนางคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ปัญญา

“รอครับ อาจารย์” ซุนซือสิงตกตะลึงโดยธรรมชาติ แต่มีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ เขาปฏิบัติตามคำสั่งของเฟิ่งชิงเฉินอย่างเคร่งครัด

ศิษย์น้องได้จากไปแล้ว เซวียนเส้าฉีเก็บกล่องไม้กลับไปด้วยความเสียใจ “ชิงเฉิน พวกเราเป็นคู่หมั้นกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องถือสา”

ชิงเฉิน?

ชิงเฉินคือชื่อที่เจ้าเรียกข้างั้นหรือ? ใครคือคู่หมั้นของเจ้า ใครที่ถือสา??

เฟิ่งชิงเฉินสงสัยว่า ตนเองปล่อยให้เซวียนเส้าฉีอยู่ที่นี่นั้นถูกต้องหรือเปล่า ไม่แน่ว่าไม่ทันได้รอให้หวังจิ่นหลิงมาจัดการกับเขา นางคงบ้าตายไปก่อน

เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม “นายน้อย……”

“เจ้าเรียกข้าว่าเส้าฉีก็พอแล้ว เรียกว่านายน้อยมันดูห่างเหินเกินไป” เซวียนเส้าฉีไม่ใช่คนหน้าหนา แต่การที่เผชิญหน้ากับเฟิ่งชิงเฉิน เขามีแต่ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น

เฟิ่งชิงเฉินเมินเขาและยังคงทำตามวิถีของตนเองต่อไป “นายน้อย ถ้าหากข้ายังได้ยินว่าท่านพูดว่าข้าเป็นคู่หมั้นของท่านอีก งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน ถ้าหากไม่เห็นแค่ความสัมพันธ์ที่ท่านมีกับแม่ข้าในตอนนั้น ข้าคงโยนท่านออกไปนอกประตูแล้ว”

เฟิ่งชิงเฉินสงสัย แม่ของนางกับเด็กอายุสามขวบคนหนึ่งจะมีความสัมพันธ์กันแบบไหน ทำไมเซวียนเส้าฉีถึงได้จดจำมาเป็นระยะเวลาถึง 18 ปี

“ชิงเฉิน……” เซวียนเส้าฉีพยายามโน้มน้าวให้เฟิ่งชิงเฉินยอมรับความจริงที่ว่าพวกเขามีสัญญาต้องแต่งงานกัน แต่ทันทีที่เขาพูด เขาก็ถูกขัดจังหวะโดยทงจือ “คุณหนู คุณชายหยุนกับคุณชายใหญ่มาแล้ว บอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับท่าน”

การแสดงออกของทงจือ……แน่นอนว่านางไม่ชอบผู้ชายคนนี้ที่แอบอ้างตนเองว่าเป็นคู่หมั้นของคุณหนู

คิดจะแต่งงานกับคุณหนูของพวกนาง ฝันไปเถอะ!

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท