ซูโหรว?
“อาการของนางยังไม่ดีขึ้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
อาการของซูโหรวเป็นอย่างไรนางรู้ดีกว่าคนอื่น เนื่องจากซูโหรวมีอาการเจ็บป่วยนี้ก็เพราะนาง แต่นางไม่คิดว่าซูโหรวจะอ่อนแออย่างนี้
เห็นได้ชัดว่าในตอนนั้นที่ซูโหรวพยายามสะกดจิตนาง ได้พยายามอย่างเหลือล้น
“เจ้ารู้เรื่องอาการของนางหรือ?” หยุนเซียวรู้สึกประหลาดใจกว่าเฟิ่งชิงเฉินเสียด้วยซ้ำ เพราะเรื่องนี้เกรงว่าแม้แต่หนานหลิงจิ่นฝานก็ไม่รู้ หากไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคุณชายน้อยของร้านขายยา เขาเองก็คงไม่มีวันรู้เรื่องนี้
ซูโหรว สตรีผู้นี้ระแวดระวังยิ่งนัก
“นางเจ็บป่วยเพราะข้า ดังนั้นข้าจึงรู้ดี หากตอนนี้นางยังต้องกินยา คาดว่านางคงไม่ได้เล่าเรื่องที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากข้าไปให้หนานหลิงจิ่นฝานฟัง มิเช่นนั้นด้วยนิสัยอันไม่ยอมใครของหนานหลิงจิ่นฝาน คงจะต้องเอาผิดกับข้าอย่างถึงที่สุด และข้าคงจะโชคร้ายเป็นแน่ ซึ่งเขาก็จะมีเหตุผลยืดเวลาการแข่งขันระหว่างข้ากับตระกูลซูออกไป”
เดิมทีเฟิ่งชิงเฉินคิดว่าซูโหรวเป็นคนฉลาด บัดนี้มองดูแล้วก็ไม่เท่าไร นางเข้าใจถึงความคิดของหนานหลิงจิ่นฝาน แต่ซูโหรวกลับไม่เข้าใจและมองไม่ออก สมน้ำหน้านางที่รนหาเรื่องเอง
นับแต่การประลองกันครั้งล่าสุด เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ไปให้ความสนใจกับซูโหรวอีก สิ่งเดียวที่ซูโหรวสามารถพึ่งพาได้นั่นก็คือการสะกดจิตของนาง แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผลกับเฟิ่งชิงเฉินเลย
ซูโหรวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง และตอนนี้ทำให้นางเห็นด้วยกับความคิดนั้น อีกอย่างนางกับซูโหรวจะต้องแข่งขันกันอีกเพียงครั้งสุดท้าย แพ้หรือชนะนั้นไม่ได้สำคัญกับนางเลย
ด้านของฉิน นางชนะ
หมากรุก ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับตัวนาง หากนางอยากชนะนางก็สามารถชนะได้ หากนางอยากแพ้ก็แพ้ได้เช่นกัน
ด้านคัดลายมือ นางชนะ
วาดภาพ นางชนะ
ด้านมารยาท นางแพ้
ด้านการรักษา นางสละสิทธิ์ดังนั้นจึงได้พ่ายแพ้
ศิลปะการต่อสู้ เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุในสนามเลี้ยงสัตว์หลวง ดังนั้นจึงไม่มีผลลัพธ์ใดออกมาจากการแข่งขัน แต่สามารถตัดสินได้ว่านางแพ้ เนื่องจากนางเดินออกมาด้วยมือเปล่า แต่อย่างน้อยซูหว่านก็ยังมีผลงานออกมาบ้างเล็กน้อย
บัดนี้เหลือเพียงแค่การขี่ม้าและยิงธนู คิดว่าผลการแข่งขันจะขึ้นอยู่กับการแข่งขันในครั้งนี้ แต่หาได้รู้ไม่ ไม่ว่าแพ้หรือชนะก็ขึ้นอยู่กับตัวของเฟิ่งชิงเฉินเองว่านางอยากให้เป็นเช่นไร กระดานหมากรุกเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดผลลัพธ์ของการแข่งขัน เพียงแค่ไม่มีใครรู้เท่านั้นเอง เฟิ่งชิงเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากของนางเผยอขึ้น ทำให้หยุนเซียวรู้สึกหนาวสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย เขาสัมผัสได้ว่าซูโหรวถูกเฟิ่งชิงเฉินเล่นงานเข้าเสียแล้ว ว่าแต่เฟิ่งชิงเฉินไปพบกับซูโหรวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“เจ้าเคยต่อกรกับซูโหรวหรือ?” เหตุใดเขาจึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ช่องทางข่าวสารของเขาช่างย่ำแย่เหลือเกิน
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า “จะนับว่าเช่นนั้นก็เป็นได้ นางเดินทางมาหาข้าเอง แต่ดูเหมือนผลลัพธ์จะออกมาในทางไม่ดีนัก นางได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียด้วย บัดนี้เมื่อได้ยินเจ้ากล่าวถึง ดูเหมือนนางจะไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ รอให้หิมะหยุดตกแล้วข้าจะเดินทางไปเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท ให้เขาแจ้งไปทางซูโหรวว่าให้รีบทำการแข่งขันในสนามสุดท้ายให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เมื่อถึงเวลานั้นข้าอยากจะรู้เหลือเกินว่าหนานหลิงจิ่นฝานจะมีเหตุผลใดแอบอ้างที่จะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองตงหลิงอีก”
หนานหลิงจิ่นฝานช่วยอำนวยความสะดวกในการแข่งขันให้กับตระกูลซู เนื่องจากเขาต้องการเหตุผลให้ใครสักคนแอบอ้างโดยการจะได้มีชีวิตอยู่ในตงหลิง ส่วนเหตุใดองค์จักรพรรดิจึงเห็นด้วย นั่นก็เป็นเพราะเขาต้องการรั้งหนานหลิงจิ่นฝานเอาไว้
มิเช่นนั้น องค์ชายของราชวงศ์อื่นมาอยู่ในเมืองหลวงอีกเมืองหนึ่งเป็นเวลานาน ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
นางเองก็อยากจะเห็นยิ่งนัก หลังจากที่การแข่งขันระหว่างนางกับตระกูลซูจบสิ้นแล้ว หนานหลิงจิ่นฝานจะใช้เหตุผลใดในการอยู่ที่ราชวงศ์ตงหลิง และร้องขอความช่วยเหลือจากราชวงศ์ตงหลิงอีก
“เจ้าต้องการแข่งขันในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเช่นนี้หรือ จากที่ข้าพอจะรู้มา องค์ชายแห่งหนานหลิงคงจะไม่ยินยอมอย่างแน่นอน” แน่นอนว่าหยุนเซียวก็เข้าใจว่าเหตุใดการแข่งขันระหว่างตระกูลซูและเฟิ่งชิงเฉินจึงได้ยืดช้าออกไป น่าเสียดายที่ซูโหรวไม่เข้าใจมัน มิเช่นนั้นนางคงจะนำเรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บบริเวณมือไปบอกแก่หนานหลิงจิ่นฝานอย่างแน่นอน เเละให้หนานหลิงจิ่นฝานใช้เหตุผลนี้เพื่อตำหนิเฟิ่งชิงเฉิน เลื่อนการแข่งขันออกไปอย่างแน่นอน
“เขาจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน หากเขาไม่เห็นด้วยข้าก็จะหาเหตุผลมาให้เขาเห็นด้วยกับข้า” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มขึ้นด้วยแววตาลึกล้ำอย่างไม่อาจคาดเดาได้ ประกายในแววตาของนางนั้นส่องประกาย
หนานหลิงจิ่นฝานขาดแคลนเงิน ก่อนหน้านี้เขาใช้ซูหว่านในการแลกกับเงินจำนวนมาก หากบัดนี้ซูหว่านเสียโฉม อย่าว่าแต่นำไปแลกเงินเลย แม้แต่เงินก่อนหน้านี้ก็คงต้องคืน
หนานหลิงจิ่นฝานขาดแคลนเงินเป็นที่สุด ดังนั้นเขาจะไม่เสี่ยงเข้าโจมตีชนเผ่าเซวียนเสียวกงอย่างแน่นอน
หนานหลิงจิ่นฝานต้องการทำเงินจากเผ่าเซวียนเซียวกง แต่หากเขาสูญเสียเงินจำนวนมากในเผ่าเซวียนเซียวกงและยังไม่ได้รับผลประโยชน์ใด เขาจะนั่งติดได้หรือ
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ในเวลานั้นหนานหลิงจิ่นฝานคงจะเดิมพันด้วยเงิน และหากเขาต้องการใช้เงินในการเดิมพันก็ต้องรอให้การแข่งขันสิ้นสุดก่อนแล้วว่ากัน…… นางเปิดเผยความลับอันใหญ่โตให้กับซูโหรว แน่นอนว่าซูโหรวจะต้องนำไปปรึกษากับหนานหลิงจิ่นฝานและใช้ความลับอันยิ่งใหญ่นั้นจัดการนาง
เมื่อเห็นใบหน้าอันเจ้าเล่ห์ของเฟิ่งชิงเฉินเช่นนั้น หยุนเซียวก็รู้สึกหนาวสั่น เขามีลางสังหรณ์ว่าทั้งหนานหลิงจิ่นฝานและตระกูลซูจะต้องล้มเหลวในการแข่งขันครั้งนี้อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า…… เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขาเล่า เขาเพียงแค่อยู่ดูความครึกครื้นจากด้านข้างก็พอ ตอนนี้สิ่งที่เขาควรกังวลก็คืออาการเจ็บป่วยของตนเอง
ขึ้นอยู่กับว่าเฟิ่งชิงเฉินจะรักษาได้หรือไม่ และเขาจะยอมรักษาหรือไม่
……
ณ เรือนจำของราชวงศ์ เสด็จอาเก้ายังคงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ สายตาของเขาจับจ้องไปยังหนังสือเล่มนั้นอยู่เนิ่นนานกว่าครึ่งวันแต่ก็ไม่ได้แตะต้องมัน และไม่ได้เปิดไปยังหน้าอื่น เขาจ้องไปยังตัวอักษรบรรทัดนั้นที่ว่า เซวียนเส้าฉี หัวหน้าเผ่าเซวียนเซียวกง มารดาของเฟิ่งชิงเฉินได้ทำการหมั้นหมายเขาให้เป็นคู่ครองกับบุตรสาวของนางตั้งแต่ยังเล็ก
คู่หมั้นหมาย คำนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!
เสด็จอาเก้าไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวสักเล็กน้อย เหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ จนกระทั่งในตอนค่ำมีคนนำอาหารมาให้ เขาจึงมีปฏิกิริยาขยับเขยื้อน
ก๊อกๆๆ…… เสด็จอาเก้าเคาะไปที่โต๊ะนั้นสามครั้งเป็นจังหวะ หัวหน้าผู้ตรวจการเรือนจำตกใจแล้วรีบวางจานอาหารไว้ก่อนถอยออกไปราวไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น
เสด็จอาเก้านำอาหารในกล่องหยิบออกมาแต่ไม่ได้รับประทานมันเข้าไป เขาเทมันทิ้ง จากนั้น……
เพล้ง!…… เขาทุบจานอาหารนั้นจนแตก แล้วหยิบกระดาษที่ซ่อนอยู่ในกล่องนั้นออกมา
กระดาษนั้นหวังจิ่นหลิงเป็นคนส่งมันเข้ามา เป็นเรื่องที่เซวียนเส้าฉีสัญญาจะร่วมมือกับพวกเขา เพื่อที่จะยึดครองเผ่าเซวียนเซียวกง ด้วยเหตุนี้เอง แผนเดิมของพวกเขาจึงต้องได้รับการปรับปรุง
หากว่า ก่อนหน้านี้วางแผนให้หนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยเป็นผู้เบิกทาง ในครั้งนี้หนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยก็จะถูกกำจัดออกไป
แผนการนี้ดีกว่าเมื่อก่อน มีเพียงอย่างเดียวที่ไม่ดีนักนั่นก็คือตัวตนของเซวียนเส้าฉี
คู่หมั้นหมายตั้งแต่ยังเยาว์วัย เขารังเกียจและเป็นกังวลตัวตนนี้ของเซวียนเส้าฉีมากยิ่งนัก เขารู้ดีว่าเรื่องของคู่หมั้นคู่หมาย เป็นเรื่องที่ปวดหัวและสร้างปัญหา ไม่อาจจะกำจัดได้ง่ายๆ
แต่ทั้งเขาและเฟิ่งชิงเฉินกลับต้องมาเผชิญกับเรื่องราวเช่นนี้ ช่างน่าปวดหัวเสียจริงเชียว
เขาทุบกล่องข้าวจนแตกกระจัดกระจาย อาหารนั้นก็กระจัดกระจายด้วยเช่นกัน เสด็จอาเก้าทุบไปที่กล่องนั่นอีกครั้ง แล้วหยิบแท่งไม้ไผ่เล็กๆ ออกมา เสด็จอาเก้านำกระดาษซึ่งอยู่ในไม้ไผ่แห่งนั้นออกมาลนไฟ จนปรากฏเป็นตัวอักษรขึ้นแถบหนึ่ง ……
เมื่อมองเห็นตัวอักษรที่อยู่ข้างในนั้น แววตาอันเปล่งประกายร้อนแรงก็ดูเหมือนจะเย็นชาลงเล็กน้อย
แผนการเทพเจ้า!
เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าคือดาวนำโชคของข้าโดยแท้ เพียงแค่มีเจ้าอยู่ด้วย ข้าจะกังวลเรื่องใดอีก
เสด็จอาเก้ากำกระดาษในมือแน่น แววตาคู่นั้นดูร้อนผ่าว เมื่อเขาปล่อยมือออกไปกระดาษใบนั้นก็ถูกเผาเป็นผงกระจัดกระจายไปในสายลม……