นี่มันตรรกะของโจร!
เสด็จอาเก้าช่างไร้ยางอายเหลือเกิน!
เฟิ่งชิงเฉินตะโกนอยู่ในหัวใจของนาง นางอยากจะกระโดดออกไปแก้ไขข้อผิดพลาดของเสด็จอาเก้า แต่เสด็จอาเก้ากลับพูดออกมาด้วยความมั่นใจ ดวงตาที่ไม่แยแสของเสด็จอาเก้าคู่นั้น เฟิ่งชิงเฉินพูดอะไรไม่ออกสักคำ ทำได้แค่ก้มหน้าเงียบ
เสด็จอาเก้าจะ……จะสงบเกินไปแล้ว เขาพูดราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาเป็นความจริง และต่อให้โต้เถียงกลับไปสักเท่าไหร่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เอาเถอะ นี่ไม่ใช่เหตุผล ในความเป็นจริงนางไม่มีความกล้าที่จะต่อต้านเสด็จอาเก้า และไม่มีความคิดที่จะต่อต้านด้วย ดังนั้น……เฟิ่งชิงเฉินจริงเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ หันออกไปทางนอกหน้าต่าง
เซวียนเส้าฉี เจ้าภาวนาให้ตัวเองเถิด เรื่องนี้ข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ ต่อให้อยากช่วยก็ช่วยไม่ได้ เนื่องจากมันมีเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับข้าอยู่
แม้บัวหิมะอายุพันปีจะล้ำค่า แต่ถ้าหากไม่ใช่เพราะนาง เสด็จอาเก้าก็คงไม่มีทางจำของสิ่งนั้นได้
ตอนแรก เสด็จอาเก้ายอมก้มหัวให้จักรพรรดิเพื่อดอกบัวหิมะอายุพันปีนั่น อ้อนวอนจักรพรรดิ แต่จักรพรรดิกลับปฏิเสธ หันกลับไปมอบบัวหิมะอายุพันปีให้กับเผ่าเสวียนเซียวกง นี่เป็นการหักหน้าเสด็จอาเก้าอย่างชัดเจน เหตุการณ์นี้เสด็จอาเก้าไม่เพียงแค่ต้องไปคิดบัญชีกับจักรพรรดิเท่านั้น แต่ยังต้องไปคิดบัญชีกับเผ่าเสวียนเซียวกงด้วย
ไม่แปลกใจว่าทำไมคนโบราณถึงกล่าวไว้ว่า ความงดงามคือหายนะ นางเป็นผู้ทำร้ายคนอื่นไม่ใช่หรือ ในเวลานี้ผู้ที่มีคุณสมบัติน้อยสุดในการกล่าวหาว่าเสด็จอาเก้าใช้ตรรกะของโจรก็คือตัวนางเอง
เช่นเดียวกัน จากผู้คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ผู้มีคุณสมบัติกล่าวหาว่าเสด็จอาเก้าใช้ตรรกะของโจรมากสุดก็คือเซวียนเส้าฉี แต่เซวียนเส้าฉีกลับไม่ได้กล่าวหาเสด็จอาเก้าเป็นโจรหรือไร้เหตุผล แต่กลับถามออกมาว่า “เจ้าต้องการให้เผ่าเสวียนเซียวกงชดใช้อย่างไร?”
เสด็จอาเก้ากล่าวว่าตนเองต้องการบัวหิมะอายุพันปี แต่เซวียนเส้าฉีแอบรู้สึกว่าคำพูดของเขานั้นแฝงถึงเฟิ่งชิงเฉินอยู่โดยใน ดังนั้นเขาจึงอยากทดสอบและต้องการรู้ว่าเสด็จอาเก้าจะตอบกลับมาเช่นไร
ความคิดของเซวียนเส้าฉีนั้นถูกต้อง เสด็จอาเก้าไม่เพียงต้องการบัวหิมะอายุพันปีเท่านั้น ในขณะเดียวกันคำพูดของเขายังต้องการบ่งบอกให้เซวียนเส้าฉีได้รู้ว่า เฟิ่งชิงเฉินคือผู้หญิงที่เขายอมรับ และเป็นของเขาเท่านั้น แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่เขาก็ถือโอกาสนี้ในการประกาศอำนาจในการครอบครองกับเซวียนเส้าฉี เขาเชื่อว่าเซวียนเส้าฉีจะเข้าใจ
แล้วแบบนั้นเผ่าเสวียนเซียวกงยังต้องชดใช้อะไรอีกหรือไม่?
“นายท่านน้อยคิดว่าเผ่าเสวียนเซียวกงของเจ้ามีอะไรที่พอจะดึงดูดสายตาของข้าได้บ้าง?” สิ่งของที่เขาครอบครองเป็นแค่กองขยะ ต่อให้มีมากแค่ไหนมันก็เป็นแค่สมบัติไร้ค่า
คำพูดนี้……มันน่าโกรธเคืองเสียจริง เสด็จอาเก้าไม่ใช่คนเยอะหยิ่งแบบคนทั่วไป คุณชายหยวนซีกับชุยห้าวถิงมองหน้ากับพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น ในใจแอบคิดว่า ถ้าหากวันหนึ่งตระกูลชุยกับเสด็จอาเก้ามีปัญหากันขึ้นมา แล้วเสด็จอาเก้าพูดกับพวกเขาเช่นนี้ พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร?
พวกเขาจะต้องโกรธอย่างแน่นอน ตระกูลชุยซึ่งสง่างาม สมบัติของพวกเขาเทียบเท่ากับพระราชวัง สมบัติที่ล้ำค่าขนาดนั้นยังไม่สามารถดึงดูดสายตาของเจ้าได้?
แม้แต่คุณชายหยวนซีกับชุยห้าวถิงยังรู้สึกโกรธ ถ้าหากเซวียนเส้าฉีผู้นั้นโกรธขึ้นมามันก็สามารถเข้าใจได้ แต่เซวียนเส้าฉีกลับยังอารมณ์ดี มองไม่เห็นถึงร่องรอยแห่งความโกรธเลยแม้แต่น้อย แถมพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ดูเข้าใจ “เสด็จอาเก้า แม้แต่เผ่าเสวียนเซียวกงเจ้ายังไม่เห็นอยู่ในสายตา แล้วในเผ่าเสวียนเซียวกงจะมีสิ่งของอะไรที่ทำให้ดึงดูดความสนใจของเจ้าได้ เป็นข้าที่คิดผิดไปเอง”
การเคลื่อนไหวนี้เป็นการล่าถอย ซึ่งทำได้งดงามเป็นอย่างมาก ทำให้คุณชายหยวนซีและชุยห้าวถิงรู้สึกดีกับเซวียนเส้าฉีมากขึ้น
เสด็จอาเก้าชื่นชมในระดับปัญญาของเซวียนเส้าฉี แต่ความชื่นชมก็คือความชื่นชม เรื่องที่ต้องทำมันก็ยังต้องทำอยู่ดี เสด็จอาเก้าจึงกล่าวไปอย่างเยือกเย็นว่า “นายท่านน้อยไม่ต้องกังวล สิ่งที่ข้าต้องการแน่นอนว่าข้าจะนำมันกลับไปโดยธรรมชาติ ส่วนบัวหิมะอายุพันปี ข้าจะทำลายมัน”
นี่ไม่ใช่คำพูดในแง่ของกลอุบาย แต่มันคือความปรารถนาอันแท้จริง
บัวหิมะอายุพันปีดอกนั้นถูกใช้กับใบหน้าของเซวียนเฟย งั้นเขาก็จะทำลายหน้าของเซวียนเฟย ส่วนสิ่งที่เผ่าเสวียนเซียวกงต้องชดใช้ เขาจะนำมันไปด้วยตัวเอง
“หวังว่าเสด็จอาเก้าจะสมหวังตามความปรารถนา” แววตาของเซวียนเส้าฉีเปล่งประกายไปด้วยเปลวไฟแห่งการต่อสู้ เสด็จอาเก้าเป็นผู้ออกคำท้า เขาได้รับมันไว้ เขาไม่มีทางปล่อยให้เสด็จอาเก้าได้ทำตามความปรารถนา
การต่อสู้ของเผ่าเสวียนเซียวกงครั้งนี้ถือเป็นการกระบวนท่าแรกของเขากับเสด็จอาเก้า เช่นเดียวกันมันคือการประลองครั้งแรก เขาจะแพ้ไม่ได้!
ดวงตาของทั้งสองประสานกันกลางอากาศ ส่งเสียงดังเอี๊ยด……มีประกายไฟจางๆ สาดออกมา ดวงตาของเสด็จอาเก้าเคร่งขรึม เขาสะบัดแขนเสื้อเบาๆ ปัง……เกิดเสียงดังขึ้นในอากาศ ทำลายความกดดันในคำพูดของเซวียนเส้าฉีทั้งหมด พูดออกมาโดยไม่มองหน้า “ข้าจะทำให้สิ่งที่ข้าต้องการอย่างแน่นอน คนที่มาขวางทางข้า ข้าจะทำให้คนผู้นั้นต้องเจอกับฝันร้ายไปทั้งชีวิต”
นี่คือเสด็จอาเก้า เขากับเฟิ่งชิงเฉินนั้นเหมือนกัน เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่ในสิ่งที่ต้องการไปแล้ว ต่อให้ต้องพบเจอกับอะไรก็ต้องก้าวต้องฝ่ามันไปให้ได้
และนี่ก็คือความอดทนและอดกลั้นที่คนธรรมดานั้นไม่มี มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขากับเฟิ่งชิงเฉินก้าวมาถึงทุกวันนี้ได้
เมื่อเห็นการเผชิญหน้าอย่างไม่ยอมถอยของชายทั้งสอง คุณชายหยวนซีและชุยห้าวถิงรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เห็นแววตาที่ต่างออกไปจากเดิมของเซวียนเส้าฉี ความเย็นชาและเย่อหยิ่งของเสด็จอาเก้า พวกเขาเคยเห็นมาแล้ว
คนที่สามารถสงบสติอารมณ์ ควบคุมตนเองได้เมื่ออยู่ต่อหน้าแรงกดดันของเสด็จอาเก้าในตอนนี้มีไม่มาก เซวียนเส้าฉีสามารถรับมือกับเสด็จอาเก้าได้ด้วยความสงบ นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา คุ้มค่าแก่ความสนใจของพวกเขา
สายตาของอาและหลานปะทะกันกลางอากาศ กลายเป็นสัญญาณลับโดยปริยาย เห็นทั้งสองจ้องตากันนานพอสมควร คุณชายหยวนซีจึงพูดแทรก แสดงตัวออกมาเป็นผู้สร้างสันติ
“เสด็จอาเก้า เผ่าเสวียนเซียวกงเป็นสำนักแรกในยุทธจักร มีความสัมพันธ์อันดีกับตงหลิงเป็นอย่างมาก ไม่มีความจำเป็นที่จะมาทะเลาะกันเพราะเรื่องของบัวหิมะอายุพันปีเพียงดอกเดียว ในเมื่อเผ่าเสวียนเซียวกงแย่งบัวหิมะอายุพันปีของเสด็จอาเก้าไป ก็แค่ให้พวกเขาหามาคืนก็เพียงพอแล้ว”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น เสด็จอาเก้ากับเซวียนเส้าฉีต่างไม่พูดอะไร ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเป็นสีดำในทันที จ้องมองไปทางคุณชายหยวนซี
บ้าไปแล้ว……ตระกูลชุยกลัวแผ่นดินจะไม่วุ่นวายหรืออย่างไร คำพูดนี้ดูเหมือนจะพูดออกมาเพื่อสันติสุข แต่มันกลับเป็นคำพูดตบหน้าอย่างรุนแรง ก่อนอื่นไม่ต้องพูดถึงว่าเผ่าเสวียนเซียวกงจะยอมชดใช้บัวหิมะอายุพันปีให้กับเสด็จอาเก้าหรือไม่ เนื่องจากเสด็จอาเก้าไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่นอน
บางครั้งสิ่งของที่ถูกขโมยไปแล้ว การชดใช้ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องนำของสิ่งนั้นกลับมาคืนดังเดิม และการเผชิญหน้าในครั้งนี้ คำพูดที่เสด็จอาเก้ากล่าวออกไปนั้นไม่ได้มีความหมายไปทางสันติเลยแม้แต่น้อย เสด็จอาเก้าไม่มีทางยอมเสียหน้า เผ่าเสวียนเซียวกงเองก็ไม่มีทางยอมเสียหน้าเช่นกัน
คุณชายหยวนซีหาเรื่องใส่ตัวเอง เสด็จอาเก้าจะยอมปล่อยเขาไปได้อย่างไร ต่อหน้าเซวียนเส้าฉี เขาเชื้อเชิญออกมาอย่างจริงใจ “องค์ชายใหญ่กับเผ่าเสวียนเซียวกงมีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย เขาจะเข้าไปในเผ่าเสวียนเซียวกงกับข้าเพื่อพูดคุยกับผู้นำของเผ่าเสวียนเซียวกงในเรื่องนี้ องค์รัชทายาทเหล่ยกับเผ่าเสวียนเซียวกงดูเหมือนว่าจะมีข้อพิพาทดินแดนอยู่ จึงตัดสินใจเข้าไปพร้อมกับข้าและองค์ชายใหญ่ ไม่รู้ว่าคุณชายหยวนซีสนใจจะเข้าไปด้วยกันหรือไม่”
อวดดีเหลือเกิน!
โอหังเกินไปแล้ว!
นี่คือการตบหน้าของเสด็จอาเก้า มันคือการตบหน้าเซวียนเส้าฉีอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันก็ลากคุณชายหยวนซีกับตระกูลชุยที่เฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไปด้วย แม้ตระกูลชุยจะไม่ได้ร่วมมือหรือเกี่ยวข้องอะไร แต่ก็ถูกลากไปเกี่ยวด้วยแล้วในตอนนี้
ต่อหน้าของเซวียนเส้าฉี เขาระบุออกมาอย่างชัดเจนว่ามีใครบางที่พร้อมจะโจมตีเผ่าเสวียนเซียวกง และยังกล่าวออกมาอีกว่าตระกูลชุยจะเข้าไปมีส่วนร่วม นี่มันช่างอวดดีเหลือเกิน
ในตอนนี้แม้ว่าเซวียนเส้าฉีจะถูกเลี้ยงดูและมีสติปัญญาดีแค่ไหน สุดท้ายใบหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เสด็จอาเก้านี่มันเหลือเกินเสียจริง
ข่าน ถ้าหากเซวียนเส้าฉีรู้ว่ายังมีองค์ชายหนานหลิง ยอดชุมชนแห่งหลานจิ่วชิงเข้าร่วมด้วย เกรงว่าใบหน้าของเซวียนเส้าฉีคงจะน่าเกลียดมากกว่าเดิม เนื่องจากการร่วมมือกันของกองกำลังเหล่านี้ ต่อให้เป็นเผ่าเสวียนเซียวกงก็ไม่สามารถรับมือกับมันได้
ยุทธจักร ตระกูลจื่อ พระราชวงศ์ ทั้งสามกองกำลังบุกเข้าโจมตีเผ่าเสวียนเซียวกงในพร้อมกัน มันจะต้องเป็นการโจมตีที่รุนแรงอย่างแน่นอน
เซวียนเส้าฉีแอบหันไปมองเฟิ่งชิงเฉิน ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะโกรธหรือมีความสุขดี ถ้าหากเขาไม่ได้มาหาเฟิ่งชิงเฉิน กองกำลังตามที่เสด็จอาเก้ากล่าวออกมา ในตอนที่พวกเขาโจมตีไปยังเผ่าเสวียนเซียวกง มั่นใจได้เลยว่าเผ่าเสวียนเซียวกงจะเป็นเพียงประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน
ตอนนี้เนื่องจากเขามาเพื่อแสดงฐานะอันลุ่มลึก องค์ชายใหญ่กับเสด็จอาเก้าจึงมีความคิดที่จะปล่อยเผ่าเสวียนเซียวกงไป
แม้พูดว่าการร่วมมือกับเขา เผ่าเสวียนเซียวกง พวกเขาสามารถลดการสูญเสียได้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือการเห็นแก่หน้าของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้การตัดสินใจของทั้งสองเปลี่ยนไป ใช้การต่อสู้กับเผ่าเสวียนเซียวกงเพื่อลบซีหลิง ในขณะเดียวกันก็สามารถลดอำนาจและกองกำลังของเผ่าเสวียนเซียวกงได้
แต่โกรธมากไปกว่านี้แล้วมันยังไง ต่อให้รู้แผนการของเสด็จอาเก้าแล้วมันยังไง? เขาก็ไม่มีความสามารถไปขัดขวางการกระทำของเสด็จอาเก้าได้ตั้งแต่แรก เขาไม่สามารถปรับเปลี่ยนความคิดของเสด็จอาเก้าที่จะทำให้ตระกูลชุยยอมจำนนได้ ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้มีแค่การหาวิธี ทำอย่างไรถึงจะปกป้องกองกำลังของเผ่าเสวียนเซียวกงไว้ได้ ทำอย่างไรเผ่าเสวียนเซียวกงถึงจะรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้
เฟิ่งชิงเฉินเองก็หันมามองเผ่าเสวียนเซียวกงเช่นกัน นางแอบสวดอ้อนวอนเพื่อเขาอยู่ในใจ “นายท่านน้อย อดทนต่อไป ทำเป็นว่าไม่ได้ยินกับสิ่งที่เสด็จอาเก้าพูด ไม่อย่างนั้นความโกรธของเจ้าจะทำให้ชีวิตของเจ้าต้องพังทลาย”
เสด็จอาเก้าเชื้อเชิญคุณชายหยวนซีไปยังเผ่าเสวียนเซียวกงอย่างกับไม่มีใครอยู่รอบๆ หลังจากคุณชายหยวนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกับเสด็จอาเก้า เขาถามออกมาโดยไม่มองหน้าเซวียนเส้าฉี “เผ่าเสวียนเซียวกงมันมีอะไรคุ้มค่า?”
ที่จริงคำพูดนี้มันเป็นคำถามที่ต้องการถามเสด็จอาเก้าว่าถ้าหากตระกูลชุยลงมือ พวกเขาจะได้อะไรตอบแทน?
เขาคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าถ้าหากตระกูลชุยลงมือไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไรจากเผ่าเสวียนเซียวกง เรื่องที่ไร้ซึ่งผลประโยชน์ ตระกูลชุยไม่มีทางเข้าไปยุ่ง ส่วนความคิดของเซวียนเส้าฉี ขอโทษที มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเขา
ความชื่นชมกลับคืนด้วยความชื่นชม ส่วนความจริงมันก็ต้องกลับคืนไปด้วยความจริง
“ดูเหมือนว่าจะไม่มี ก็แค่พาคุณชายหยวนซีไปเที่ยวเล่นเท่านั้น ดูเหมือนว่าเผ่าเสวียนเซียวกงจะไม่มีอะไรคุ้มค่าต่อการเยี่ยมชมของคุณชาย” เสด็จอาเก้ากล่าวออกมาด้วยความจริงจัง ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้คำเชิญของเขาเป็นเพียงคำเชื้อเชิญตามมารยาทเท่านั้น
ฮึก……คุณชายหยวนซีโกรธจนแทบกระอักเลือด นี่เจ้ากำลังล้อเล่นกับข้าหรือว่าต้องการให้ข้าไปโจมตีเซวียนเส้าฉี ถ้าหากเป็นแบบแรก เสด็จอาเก้า เจ้าเล่นผิดคนแล้ว ถ้าหากเป็นแบบหลัง แบบนั้นก็ควรจะมอบอะไรให้เขาบ้าง
คุณชายหยวนซีคิดว่าตนเองฝึกฝนมามากเพียงพอ นอกจากเฟิ่งชิงเฉินแล้วก็มีเพียงไม่กี่คนที่ทำให้เขาโกรธจนเสียสติไป และเสด็จอาเก้าก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีคุณสมบัติ ทำให้เขารู้สึกอยากจะพุ่งไปบีบคอผู้ที่อยู่ด้านหน้าของเขาให้ตายไปด้วยมือของตัวเอง
คุณชายหยวนซีเชื่อว่าเซวียนเส้าฉีเองจะต้องคิดเหมือนเขาอย่างแน่นอน ในตอนที่เสด็จอาเก้าพูดว่าจะแบ่งดินแดนของเผ่าเสวียนเซียวกงออกอย่างไรต่อหน้าเขา ถ้าหากเซวียนเส้าฉีไม่โกรธมันก็จะบ้าเกินไปแล้ว
โกรธ แน่นอนว่าต้องโกรธ แต่คำพูดต่อไปของเสด็จอาเก้านั้นยิ่งทำให้คุณชายหยวนซีเชื่อว่าเสด็จอาเก้าไม่ได้ล้อเล่น เสด็จอาเก้ากล่าวออกมาว่า “ข้าเชื่อว่า เมื่อคุณชายไปถึงที่นั่นก็จะได้เห็นสิ่งที่คุ้มค่าเอง คุณชายลองไปไตร่ตรองดูให้ดี แรงกดดันยังคงอยู่”
คำพูดนี้ของเสด็จอาเก้าก็เพื่อต้องการบอกกับคุณชายหยวนซีว่า ตระกูลชุยจะต้องลงมือ และเมื่อถึงเวลาตระกูลชุยจะได้เห็นในสิ่งที่ต้องการเอง เขาจะพิจารณาตระกูลชุยเป็นกรณีพิเศษ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ขอแค่เจ้ามีความสามารถ เจ้าก็จะได้รับประโยชน์โดยปริยาย มีคนจำนวนมากร่วมมือกันโจมตีเผ่าเสวียนเซียวกง แน่นอนว่าโอกาสชนะนั้นยิ่งใหญ่ แม้เจ้าจะไม่ได้กินเนื้อ แต่อย่างน้อยเจ้าก็จะได้ดื่มซุป
“ข้าจะไปไตร่ตรองเป็นอย่างดี” ได้ยินเสด็จอาเก้าพูดออกมาเช่นนี้ ตอนแรกคุณชายหยวนซีเองก็คิดไม่ออกเช่นกัน
เผ่าเสวียนเซียวกงมีค่าแก่การลงมือของตระกูลชุยจริงอย่างนั้นหรือ? เหตุผลที่ทำให้เสด็จอาเก้ารวบรวมกองกำลังขนาดใหญ่ในการจัดการกับเผ่าเสวียนเซียวกงเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะบัวหิมะอายุพันปีเพียงดอกเดียวอย่างแน่นอน แบบนั้นมันจะเหมือนกับการขี่ช้างจับตั๊กแตน
เรื่องนี้จำเป็นต้องไตร่ตรองให้ดี……