นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 827 การปรนนิบัติ ความช่วยเหลือของตระกูลหยุน
สวมชุดสีขาวสะอาดสะอ้าน รูปร่างสง่างาม สูงราวกับต้นไผ่ นี่คือความประทับใจของเฟิ่งชิงเฉินที่มีต่อหยุนเซียว แต่เมื่อได้เห็นเขาในวันนี้……
“หยุนเซียว เจ้าเป็นอะไรไปงั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
ยังคงสวมชุดสีขาว รูปร่างสูงร่างต้นไผ่ แต่เป็นไผ่ที่ผอมแห้งเหลือเกิน ดวงตาที่เคยอบอุ่นตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวลและความสับสน ท่าทางของเขายังคงงดงามเหมือนกับคุณชาย แต่มันไม่ได้สดใสเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
ท่าทางของหยุนเซียวเป็นเหมือนกับคนอายุมากที่แบกรับภาระไว้อย่างท่วมท้น
เมื่อหยุนเซียวได้เห็นเฟิ่งชิงเฉิน รอยยิ้มอันเสแสร้งของเขาหายไป กล่าวออกมาด้วยใบหน้าอันเหน็ดเหนื่อย “เรื่องของตระกูลหยุน เจ้าเองก็น่าจะรู้”
ด้วยความอ่อนล้าลึกถึงก้นบึ้งของกระดูกของหยุนเซียว บอกกับเฟิ่งชิงเฉินด้วยใบหน้าอันดำคล้ำ ตระกูลหยุนพบเจอปัญหา เขาจะอยู่ดีได้อย่างไร
เมื่อนึกถึงเรื่องภัยพิบัติหิมะเฟิ่งชิงเฉินก็พอจะเข้าใจ คนที่ได้รับความสุขและผลประโยชน์มีอยู่มากมาย แต่คนที่ได้รับความทุกข์นั้นมีมากกว่า
สี่ประเทศร่วมมือกันกดดันเมืองหยุนและตระกูลหยุน ตระกูลหยุนสามารถรับมือได้ แต่พวกเขาลืมไปว่า เมืองหยุนและตระกูลหยุนซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส จะไปเผชิญหน้ากับศัตรูกลุ่มอื่นได้อย่างไร
หลังจากทั้งสี่ประเทศได้รับผลประโยชน์ เขาก็เปิดโอกาสให้ตระกูลหยุนได้ฟื้นฟู แต่คนอื่นไม่มีทางปล่อยให้เป็นเช่นนั้น กองกำลังอันยิ่งใหญ่ในแผ่นดินจิ่วโจวไม่ได้มีเพียงแค่สี่ประเทศ เมื่อประเทศอื่นเห็นว่าเมืองหยุนได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาจะปล่อยตระกูลหยุนและเมืองหยุนไปได้อย่างไร ครั้งนี้ตระกูลหยุนไม่เพียงได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ล้มเหลวอย่างน่าสังเวช
“มีอะไรที่ข้าสามารถช่วยเจ้าได้หรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าที่หยุนเซียวเข้าหานางเป็นเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง และนางก็รู้ด้วยว่าหยุนเซียวไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายนาง แม้นางจะไม่ได้ชื่นชอบหยุนเซียวสักเท่าไหร่ แต่มันก็ไม่ถึงขั้นเกลียดชัง
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย จำเป็นต้องระมัดระวังให้มาก อีกอย่างหยุนเซียวก็ไม่ได้มีทีท่าว่าต้องการปกปิดจุดประสงค์ที่เขามีต่อนาง เนื่องจากทุกอย่างนั้นชัดเจนตั้งแต่ที่เขาได้พบนางครั้งแรก “จุดประสงค์ของตระกูลหยุน คือเข้าหาเจ้า”
“ทุกอย่างผ่านไปแล้ว แต่ที่ข้ามาหาเจ้าเนื่องจากมีเรื่องอยากให้เจ้าช่วยจริง ๆ” รู้จักกับเฟิ่งชิงเฉินมานานถึงขนาดนี้ หยุนเซียวรู้ดีว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนมีคุณธรรมมากแค่ไหน มีอะไรก็พูดออกไปตามตรง มันเป็นเรื่องดีสำหรับทั้งสองฝ่าย
“เรื่องอะไร ขอแค่ข้าให้ความช่วยเหลือได้ ข้าจะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน” เห็นว่าในที่สุดหยุนเซียวก็พูดออกมาตามตรง เฟิ่งชิงเฉินเองก็รู้สึกโล่งใจ เนื่องจากการพูดพิลี้พิไลมันทำให้นางรู้สึกลำบาก
“ชิงเฉิน ข้าอยากเชิญเจ้ามาเป็นหมอประจำตำหนักยาแห่งตระกูลหยุนของพวกเรา ตระกูลหยุนจะจัดหาทุกสิ่งที่เจ้าต้องการมาให้ ขอแค่ให้เจ้ามาช่วยรักษาคนไข้ตระกูลหยุนในยามที่ต้องการ แน่นอน หลังจากได้เห็นคนป่วยแล้ว เจ้ามีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะรักษาคนผู้นั้นหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้า ตระกูลหยุนมีหน้าที่เพียงสร้างความสัมพันธ์และเป็นตัวแทนของคนไข้ที่ต้องการรักษากับเจ้าเท่านั้น” การกระทำเช่นนี้ของหยุนเซียวเป็นการกระทำซึ่งเห็นแก่ตัว เขาอยากจะได้วิชาแพทย์ของเฟิ่งชิงเฉินไปพร้อมกับฟื้นฟูตระกูลหยุนขึ้นมา ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้ทำร้ายเฟิ่งชิงเฉิน เขามอบอำนาจทั้งหมดให้เฟิ่งชิงเฉิน นางมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเลือกคนไข้ ตระกูลหยุนไม่ได้ทำให้นางลำบากใจ
ตระกูลหยุนเพียงแค่อยากใช้ทักษะทางการแพทย์ของเฟิ่งชิงเฉินไปรักษาให้กับเหล่าขุนนางใหญ่ด้วยชื่อของตระกูลหยุน เนื่องจากทักษะทางการแพทย์ของนางสามารถเชื่อถือได้ ต้องรู้ก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนที่เต็มใจจะบอกอาการป่วยของตนเองออกมาทั้งหมด ตัวอย่างเช่น ซูเหวินชิง
เขาไม่เคยหวังว่าเรื่องการรักษาไตของเขาจะเป็นที่รู้จักของทุกคนในใต้หล้า
เฟิ่งชิงเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวออกมา “ข้าไม่มีค่าถึงขนาดนั้น”
แม้ว่านางพอจะมีความสามารถทางการแพทย์อยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นตระกูลหยุน ไม่ว่าหมอคนไหนของตระกูลหยุนต่างเป็นที่น่าเคารพนับถือ มีชื่อเสียงโด่งดัง ทักษะทางการแพทย์สูงส่ง ชื่อเสียงและทักษะทางการแพทย์ของนางเขตชิ่งหลินถือว่าแทบไม่เป็นที่รู้จัก และคนที่นางรักษาหายก็มีไม่เพียงไม่กี่คน
“ชิงเฉิน ข้าเป็นนักธุรกิจ ข้าเห็นถึงความสามารถของเจ้า ข้าไม่มีทางทำธุรกิจที่ขาดทุน ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงตัวเลือกเดียวของตระกูลหยุน” หยุนเซียวไม่ได้ปิดยังเฟิ่งชิงเฉิน หากเป็นก่อนหน้านี้ ตระกูลหยุนไม่มีทางปลิ้นปล้อนกับเฟิ่งชิงเฉิน แต่ตอนนี้มันต่างออกไป
เวลานี้ตระกูลหยุนต้องการหมอพิเศษเป็นอย่างมาก เฟิ่งชิงเฉินมีความสามารถแต่ไม่เป็นที่รู้จัก จำเป็นต้องได้พึ่งชื่อเสียงของตระกูลหยุน ขณะเดียวกัน ในมือของตระกูลหยุนมีผู้ป่วยอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งผู้ป่วยเหล่านั้นต้องการความสามารถในการรักษาของเฟิ่งชิงเฉิน
ตระกูลหยุนสร้างชื่อเสียงให้กับเฟิ่งชิงเฉิน หาคนไข้ให้เฟิ่งชิงเฉิน จุดนี้ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนนายหน้า แต่พวกเขากลับไม่ได้รับค่านายหน้า และยังต้องจ่ายค่ายาให้กับเฟิ่งชิงเฉินด้วย
ดูแล้วตระกูลหยุนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่เฟิ่งชิงเฉินและตระกูลหยุนต่างเข้าใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ตระกูลหยุนแนะนำคนไข้ให้เฟิ่งชิงเฉิน คนเหล่านั้นมีความสัมพันธ์กับตระกูลหยุน เมื่อเฟิ่งชิงเฉินรักษาพวกเขาหาย เท่ากับว่าพวกเขาเป็นหนี้บุญคุณต่อตระกูลหยุน
การแลกเปลี่ยนนี้เป็นการแลกเปลี่ยนแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เฟิ่งชิงเฉินยอมรับว่ามันทำให้ตนเองใจสั่น
ไม่มีการแบ่งจ่ายสำหรับค่ายา นอกจากนางจะไม่เสียอะไรเลย นางยังได้ร่วมมือกับผู้ค้ายารายใหญ่ที่สุดในแผ่นดินจิ่วโจว ด้วยความช่วยเหลือของหยุนเซียว ทำให้อาชีพการงานของนางก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว เฟิ่งชิงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “หยุนเซียว ข้าตกลงเป็นหมอให้กับตระกูลหยุน แต่ข้ามีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง”
“เงื่อนไขอะไร?” การตัดสินใจของเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในความคาดหมายของหยุนเซียว เนื่องจากท้ายที่สุด ตระกูลหยุนได้มอบอิสระอันยิ่งใหญ่ให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ถึงขั้นกล่าวได้ว่าไร้ซึ่งข้อจำกัด สวัสดิการเช่นนี้ ในเขตชิ่งหลินมีเพียงปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้
ได้ยินมาว่าปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเป็นหมอประจำของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเขาถึงไม่จำเป็นต้องรักษาคนไข้ ไม่จำเป็นต้องหารายได้ ก็สามารถหาวัตถุดิบมาทำการวิจัย และพัฒนาทักษะทางการแพทย์ของเขาต่อไปได้
“ข้าจะต้องเป็นหมอพิเศษประจำตระกูลหยุนของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว” มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่สามารถปกป้องตำแหน่งของตนเองได้ เฟิ่งชิงเฉินเชื่อแบบนั้น นางคิดว่าแบบนี้นางถึงจะมีคุณค่า
เงื่อนไขนี้รุนแรงมาก แต่หยุนเซียวก็ตอบกลับโดยไม่ต้องคิด “เจ้าคิดว่าตอนนี้ตระกูลหยุนยังมีทางเลือกอื่นอยู่อีกงั้นหรือ”
ภายใต้การกัดกินของกองกำลังต่าง ๆ ตระกูลหยุนเหลือเพียงเปลือกอันว่างเปล่า มิฉะนั้นข้อเสนอของหยุนเซียวที่ต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินเป็นหมอพิเศษประจำตระกูลคงไม่สำเร็จได้ง่ายถึงขนาดนี้ หากเปลี่ยนเป็นคำพูดอื่น นอกจากหยุนเซียว ในสายตาของผู้อื่นในตระกูลหยุน เฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงทางเลือกที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เฟิ่งชิงเฉินยังเด็กเกินไป แม้นางจะสามารถรักษาโรคยาก ๆ ได้บ้าง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่านางจะได้รับการยอมรับจากเขตชิ่งหลิน หมอเป็นอาชีพซึ่งให้ความสำคัญกับประสบการณ์ และจากลำดับอาวุโส เฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงแค่มือใหม่ในวงการนี้
“ไม่ใช่แค่ตอนนี้ ในอนาคตตระกูลหยุนต้องมีข้าเป็นหมอพิเศษประจำตระกูลแต่เพียงผู้เดียว หากปราศจากความเห็นด้วยของข้า ตระกูลหยุนก็ห้ามมีหมอพิเศษประจำตระกูลคนอื่นอีกเป็นอันขาด” เฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่คนโง่ นางอยู่กับซูเหวินชิงมานานถึงขนาดนี้ แน่นอนว่านางต้องได้อะไรมาบ้าง
ตอนนี้ฝ่ายที่ลำบากใจก็คือหยุนเซียว แต่หยุนเซียวก็เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบกลับไปว่า “ข้าสามารถทำได้หากข้ายังมีชีวิตอยู่ แต่หากข้าจากไปแล้ว ตระกูลหยุนต้องการหมอพิเศษประจำตระกูลคนใหม่ ชิงเฉิน เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมาสนใจตระกูลหยุน”
คำพูดนี้ของหยุนเซียวดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่งดงาม แต่ทั้งสองคนต่างเข้าใจดี ที่หยุนเซียวสามารถพูดเช่นนี้ออกมาได้ นั้นก็เพราะไม่มีใครรู้ว่าหยุนเซียวจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานสักแค่ไหน ขนาดเฟิ่งชิงเฉินซึ่งเป็นหมอก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าหยุนเซียวจะตายหรือไม่
แต่เฟิ่งชิงเฉินเองก็เข้าใจ ทั้งสองฝ่ายต่างมีเรื่องมากมายให้ปวดหัว หยุนเซียวรับปากกับนางเช่นนี้ นางก็พอใจมากแล้ว
“งั้นตกลงตามนี้ หลังจากเจ้ากลับไปแล้ว เจ้าสามารถนำข่าวนี้เผยแพร่ออกไปได้ เวลานี้ให้ข้าตรวจร่างกายเจ้าเสียก่อน ท่าทางของเจ้าดูไม่ดีนัก ข้าเกรงว่าอาการของเจ้าจะแย่ลง ข้าเคยเตือนเจ้าไปแล้ว อาการป่วยของเจ้าซับซ้อน ข้าหวังว่าเจ้าจะได้รับการตรวจและรักษาให้เร็วที่สุด” ข้อตกลงของนางกับตระกูลหยุนขึ้นอยู่กับชีวิตของหยุนเซียว หากหยุนเซียวตายไป ไม่แน่ว่าข้อตกลงดังกล่าวอาจเป็นปัญหา ดังนั้น……
หยุนเซียวไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก เฟิ่งชิงเฉินก็เป็นห่วงในเรื่องอาการป่วยของหยุนเซียวเป็นธรรมชาติ นี่เป็นแผนที่หยุนเซียววางไว้ การร่วมมือกันครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งชิงเฉินก็ต้องช่วยให้เขาหยุนเซียวมีชีวิตรอดต่อไป
ทุกคนต่างเห็นแก่ตัว ทุกคนต่างมีแผนการ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องปิดบัง บอกสิ่งที่ตนเองคิดออกมาก่อนเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย บางที่หยุนเซียวอาจจะไม่ได้ตั้งใจวางแผนกับเฟิ่งชิงเฉิน แต่ผลลัพธ์ของมันก็คงไม่เปลี่ยนแปลง……