นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 916 ข่าวกรอง ชายไร้น้ำยา
มีคำสั่งของฝู่หลินอยู่ ฝู่หลินจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเฟิ่งชิงเฉิน จักรพรรดิไม่สามารถเอาผิดเฟิ่งชิงเฉินได้ หากต้องการระบายความโกรธกับเฟิ่งชิงเฉิน เขาจำเป็นต้องหาเหตุผลอื่น
ชิงอ๋องเข้าไปรายงานในพระราชวัง เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจวนฝู่ออกมาให้จักรพรรดิฟังอย่างละเอียด จักรพรรดิขว้างก้อนหมึกด้วยความโกรธ “บัดซบ ทำไมข้าถึงเลี้ยงลูกชายที่ไร้ประโยชน์อย่างเจ้า”
ชิงอ๋องไม่ใช่ตงหลิงจื่อลั่ว เขาจึงไม่โง่ที่จะคุกเข่าอยู่เฉย ๆ ให้จักรพรรดิขว้างปาสิ่งของใส่ ในเวลาที่จักรพรรดิยกก้อนหมึกขึ้น ชิงอ๋องเตรียมตัวเคลื่อนไหวร่างกายและหลบมัน
ก้อนหมึกสีดำพุ่งผ่านหน้าผากของชิงอ๋อง กระทบพื้นเสียงดัง แตกกระจายเป็นผุยผง เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิขว้างออกมาแรงมากเพียงใด หากชิงอ๋องไม่หลบคงได้เห็นเลือดไหลออกมาจากศีรษะของเขา
การเคลื่อนไหวของชิงอ๋องนั้นรวดเร็ว และเป็นเพียงการเคลื่อนไหวอันเล็กน้อย จักรพรรดิไม่มองไม่เห็น คิดว่าเป็นเพียงความผิดพลาดของตนเองที่ขว้างไม่แม่น เนื่องจากจักรพรรดิไม่ใช่ผู้มีความสามารถล้นโลก เขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการต่อสู้และการทหาร
เมื่อก้อนหมึกแตกสลายไปบนพื้น ความโกรธของจักรพรรดิก็ลดลง ขว้างไม่ถูก จักรพรรดิก็ไม่คิดจะขว้างใหม่ เขาเพียงแค่ชี้มายังชิงอ๋องและตะโกนด่า ลดจำนวนทรัพยากรที่มอบให้ชิงอ๋องเป็นเวลาสามปี จากนั้นก็ไล่ชิงอ๋องออกไป
ชิงอ๋องถอยหลังด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว ใบหน้าของเขาสั่นเทาราวกับกำลังหวาดกลัว แต่ทันทีที่ขึ้นรถม้า ใบหน้าที่ดูหวาดกลัวและกังวลของชิงอ๋องก็หายไป
“ไปจวนขององค์รัชทายาท” ชิงอ๋องสั่งออกมาอย่างเยือกเย็น
เรื่องเหล่านี้เขาจำเป็นต้องปรึกษากับองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทจะไม่ขัดขืนหรือจะไม่เข้าร่วมกับเขาก็ได้ แต่องค์รัชทายาทจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างไม่ควรเป็นไม่ได้ เนื่องจากยังมีขุนนางจำนวนมากต้องการพึ่งพาและให้การสนับสนุนองค์รัชทายาทอยู่ หากองค์รัชทายาทไม่สนใจสิ่งใดเลย เช่นนั้นเหล่าขุนนางเหล่านั้นจะทำอย่างไร
การที่จักรพรรดิหยิบเขามาใช้งานวันนี้ มอบหมายภารกิจให้กับเขา มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงให้ข้าราชบริพารเห็นว่าจักรพรรดิยังไม่ทอดทิ้งฝ่ายขององค์รัชทายาท ทำให้ผู้ซึ่งสนับสนุนองค์รัชทายาทไม่ต้องตื่นตระหนก ไม่ต้องสร้างความวุ่นวาย และไม่ต้องไปแว้งกัดพวกของจื่อลั่วและขุนนางคนอื่น ๆ ทำให้ราชวงศ์ต้องวุ่นวาย และขุนนางตกอยู่ในอันตราย
การกระทำของจักรพรรดิในวันนี้ทำให้ชิงอ๋องได้รู้ว่า แม้เสด็จพ่อของเขาจะไม่พอใจองค์รัชทายาท แต่ก็ไม่อยากให้ราชวงศ์ต้องวุ่นวาย หรือเหล่าขุนนางต้องไม่สบายใจ ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะยินยอมหรือไม่ เขาก็ต้องทำ ทั้งหมดก็เพื่อความสบายใจของเหล่าขุนนางเหล่านั้น
องค์รัชทายาทถูกกักบริเวณและมีหน่วยราชองครักษ์เป็นผู้รับผิดชอบ ในอดีตเจ้าชายอาจจะกลัวและไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่ง แต่เวลานี้มันเป็นเช่นนั้นหรือไม่?
สำหรับองค์รัชทายาท หน่วยราชองครักษ์เป็นเพียงเครื่องประดับตกแต่ง ใครก็ตามที่กล้ามาขวางเขา เขาจะทำให้ชีวิตของคนผู้นั้นต้องทุกข์ทรมานไปทั้งชาติ เมื่อเผชิญหน้ากับองค์รัชทายาทไม่กลัวฟ้ากลัวดิน หน่วยราชองครักษ์จะทำอะไรได้ พวกเขาทำได้เพียงแกล้งหูหนวกตาบอด
ดังนั้นเมื่อเดินทางมาถึงจวนองค์รัชทายาทจึงไม่มีใครเข้ามาขัดขวางชิงอ๋อง หน่วยราชองครักษ์เป็นเหมือนเครื่องประดับอย่างแท้จริง เมื่อเห็นรถม้าของชิงอ๋องเข้ามาใกล้ พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ทำเป็นเหมือนไม่เห็นหรือไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
“ในที่สุดเสด็จพี่ก็เป็นองค์รัชทายาทอย่างแท้จริง แต่มันกลับเกิดขึ้นตอนที่เขาไม่อยากเป็นองค์รัชทายาทเสียแล้ว” ชิงอ๋องไม่สามารถบอกได้ว่าเขาดีใจหรือผิดหวัง
ในสายตาของคนภายนอก องค์รัชทายาทมีข้อเสียเป็นหมื่นเป็นพัน แต่ในสายตาของชิงอ๋อง องค์รัชทายาทคือพี่ชายของเขา หากไม่องค์รัชทายาทคอยปกป้อง เขาคงไม่มีวันนี้ และที่เขามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะองค์รัชทายาทเห็นเขาเป็นพี่น้องอย่างแท้จริง
“น้องหก” องค์รัชทายาทรู้ว่าตงหลิงชิงอ๋องเดินทางมา เขาออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ เห็นชิงอ๋องกำลังทำความเคารพ เขารีบไปตบไหล่ของชิงอ๋องและกล่าวว่า “พวกเราเป็นพี่น้องกัน มิจำเป็นต้องมากพิธี ไปกันเถอะ เมื่อสองวันก่อนเฟิ่งชิงเฉินมอบสุราดีมาให้ข้าสองไห ข้าอดทนกับมันมาโดยตลอด น้องหกเดินทางมาพอดี มานั่งดื่มเป็นเพื่อนพี่ชายคนนี้สักไห”
องค์รัชทายาทปล่อยวางทุกสิ่งอย่างโดยแท้จริง วันนี้เขาต้องการเพียงการร่ำสุราเท่านั้น
“เสด็จพี่ นี่ท่าน……” สีหน้าของชิงอ๋องดูเศร้าหมอง ซึ่งตรงกันข้ามกับสีหน้าที่มีความสุขขององค์รัชทายาท
“มีอะไรงั้นหรือ? มีใครทำร้ายเจ้าอย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงขององค์รัชทายาทแค่ได้ยินก็รู้ว่าต้องการปกป้องน้องชาย ต้องการออกหน้าแทนน้องชายที่ถูกรังแก
ชิงอ๋องยิ้มอย่างขมขื่น เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าร่างกายขององค์รัชทายาทจะไม่แข็งแกร่ง แต่ก็คอยปกป้องดูแลเขามาโดยตลอด ชิงอ๋องส่ายหน้า เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกมา รวมถึงการตัดสินใจของตน
องค์รัชทายาทได้ยินเช่นนั้นก็ตบไหล่ของชิงอ๋องพร้อมกับกล่าวปลอบโยนว่า “น้องหก เรื่องพวกนี้เจ้ามิจำเป็นต้องกังวล แม้ว่าพี่ชายของเจ้ามิสนใจตำแหน่งแล้ว แต่มิได้หมายความว่าข้าละทิ้งเหล่าขุนนางผู้สนับสนุนข้า คนที่คอยติดตามดูแลข้าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ข้าจะจัดเตรียมตำแหน่งหน้าที่ให้พวกเขาเป็นอย่างดี มิมีทางปล่อยให้ผู้ใดมารังแก และมิมีทางปล่อยให้พวกเขาถูกทอดทิ้งเพียงเพราะมิมีใครคอยปกป้อง แม้ว่าพี่ชายของเจ้าคนนี้จะมิได้เก่งกาจ แต่ก็มิใช่คนเห็นแก่ตัว”
“เสด็จพี่ เหตุใดท่านถึงพูดกับตนเองเช่นนี้ เวลานี้ท่านทำดีมากแล้ว ตำแหน่งนั้นก็มิใช่ว่าจะเป็นไปมิได้” เสด็จพี่ของเขามีความคิดและการกระทำที่เหมาะสมกับองค์รัชทายาท แต่มีร่างกายเป็นอุปสรรค
องค์รัชทายาทหัวเราะออกมา แววตาของเขาดูเศร้าหมอง แต่ไม่นานมันก็จางหายไป เหลือเพียงแสงที่ส่องประกายในดวงตาของเขา เห็นท่าทางกังวลใจของชิงอ๋อง เขายิ้มอย่างสง่างาม “น้องหกมิต้องเป็นห่วงข้า มิต้องกังวลเกี่ยวกับข้า ข้ามิเป็นไร และมิมีทางปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรเช่นกัน ในช่วงต้นฤดูร้อน พี่จะพาเจ้าไปเจียงหนานเพื่อชื่นชมธรรมชาติและผู้คนอันงดงาม”
“เยี่ยมเลยเสด็จพี่ ข้าจะรอวันนั้น” ชิงอ๋องรู้สึกวางใจขึ้นมาทันใดเมื่อได้ยินองค์รัชทายาทกล่าวถึงเจียงหนาน
เนื่องจากพวกเขาได้ทำให้เสด็จพ่อที่สุดแสนจะใจแคบขุ่นเคือง เสด็จพ่อของพวกเขาไม่มีทางเห็นความสัมพันธ์ของพ่อลูก ต้องรู้ก่อนว่าเขาไม่ได้มีพวกเขาเป็นลูกแค่สองคน
ความสัมพันธ์ในราชวงศ์ เสด็จพ่อของพวกเขาสามารถสังหารพี่น้องของตนเองได้ลงคอ การสังหารลูกชายของตนเองก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร……
เฟิ่งชิงเฉินเก็บจดหมายของซูเหวินชิง และสั่งให้ชุนฮุ่ยกับชิวฮว่าเตรียมอ่างอาบน้ำให้นาง นางเพลิดเพลินกับการนวดของสาวใช้ ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายจากกล้ามเนื้อที่เหนื่อยล้าและอ่อนแรง
เฟิ่งชิงเฉินเดินออกไปด้วยท่าทางที่สดชื่น นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ การเปลี่ยนแปลงจากความประหยัดเป็นฟุ่มเฟือยนั้นง่าย แต่เปลี่ยนจากฟุ่มเฟือยเป็นประหยัดนั้นยาก มันมีแต่ทำให้ถลำลึก
มีอ่างน้ำร้อนและหญิงรับใช้คอยนวดให้ เฟิ่งชิงเฉินฟื้นตัวกลับมาไม่น้อย เปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินไปหาทงจือกับทงเหยาที่ห้องหนังสือ
ทงจือและทงเหยาทั้งสองคนเอาแต่วุ่นเรื่องของเมืองเย่เฉิง หลายวันที่ผ่านมาพวกนางอดหลับอดนอน ทั้งสองยืนรอเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในห้องหนังสือ เกือบจะหลับและล้มทั้งยืน
“นั่งลงก่อนแล้วค่อยพูด” เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปตรงที่นั่งด้านข้าง เห็นรอยคล้ำใต้ตาของทงจือและทงเหยา นางเองก็ทนไม่ไหว
“ขอบพระคุณ คุณหนู” ทงจือและทงเหยานั่งลง จากนั้นทงเหยาก็รายงานสถานการณ์ของเมืองเย่เฉิงออกมา
จากรายละเอียดบางอย่างทำให้พวกนางรู้ว่าเมืองเย่เฉิงได้ลงชื่อในสนธิสัญญาการสวามิภักดิ์ต่อตงหลิง อนุญาตให้ทหารม้า พ่อค้าและประชาชนของตงหลิงเข้าไปในเมืองเย่เฉิงได้ เมืองเย่เฉิงเรียกตัวเองว่าเป็นบริวารของตงหลิง ข้อมูลที่แท้จริงเป็นอย่างไรนั้นยังหาไม่พบ เวลานี้รู้เพียงเท่านี้
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เจ้าเมืองเย่เฉิงถูกบีบบังคับจนไร้หนทางจึงยอมลงนามในสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมเพื่อปกป้องเมืองเย่เฉิง แต่คิดมิถึงว่าการลงนามดังกล่าวจะเป็นสัญญาณมรณะ” เวลานี้เฟิ่งชิงเฉินเพิ่งจะรู้เกี่ยวกับสนธิสัญญาระหว่างเมืองเย่เฉิงกับตงหลิง และเวลานี้นางก็เพิ่งเข้าใจอย่างแท้จริงว่าทำไมจักรพรรดิถึงเลือกลงมือกับเจ้าเมืองเย่เฉิงในตอนนี้
ทงจือและทงเหยาตกใจ “คุณหนู?” เหมือนกับที่พวกนางกำลังคิดอยู่หรือไม่? การตายของเจ้าเมืองเย่เฉิงนั้นเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับซีหลิง
เฟิ่งชิงเฉินเชื่อใจในตัวของทงจือและทงเหยา เมื่อเห็นทั้งสองคนถามออกมา นางก็พยักหน้าตอบกลับไป “รู้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
“คุณหนูวางใจ พวกข้าเข้าใจแล้ว” ทงจือและทงเหยารีบรับปาก พวกนางรู้ดีว่าคำพูดดังกล่าวนั้นหมายถึงอะไร
หากหลุดออกไป ชายแดนจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ทงจือและทงเหยารีบปรับอารมณ์ของตนเองอย่างรวดเร็ว รายงานข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่วิเคราะห์จากข่าวกรองอย่างต่อเนื่อง……