นางสนมแพทย์อัจฉริยะ 947 ความบริสุทธิ์ใจ ท้ายที่สุดก็พบเบาะแสแล้ว
ในเมื่อขึ้นเรือกับโจรร้ายแล้ว เรื่องที่คิดอย่างแน่วแน่ว่าอยากหนีไปแต่ก็ไม่ง่ายเลย เหตุผลนี้นางสนมฉุนเข้าใจดี แต่ก็เป็นเพราะว่านางเข้าใจดีจึงได้รู้สึกกลัว นางไม่อยากเข้าไปพัวพันกับคนพวกนี้
ร่างของสนมฉุนสั่นไหว แต่ก็ลุกยืนขึ้นมาก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ท่านถ้าหากว่าไม่สำคัญก็อย่าพูด ข้าพเจ้าไม่สามารถเจรจากับโจรผู้ร้ายได้เพื่อผลประโยชน์ ข้าพเจ้าลั่นวาจาออกแล้วว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง เรื่องเหล่านี้พวกเจ้าทำกันตามอำเภอใจ ซึ่งข้าพเจ้าไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ได้ต้องการให้พวกเจ้าทำเรื่องเหล่านี้”
“เคอเคอเหนียงเหนียง ถึงแม้ว่าเรื่องนี้พวกข้าจะทำ แต่ก็ต่างร่วมกันทำเพื่อเหนียงเหนียง แล้วเหนียงเหนียงก็ให้เส้นทางที่สะดวกสบายแก่พวกเรา เหนียงเหนียงตอนนี้เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังแสดงความบริสุทธิ์อยู่ ท่านอ๋องเก้ากับตระกูลหวังจะเชื่อหรือไม่? เหนียงเหนียงคิดว่าไม่มีหลักฐาน เสด็จอาเก้ากับตระกูลหวังจะควบคุมเหนียงเหนียงได้อย่างไร เหนียงเหนียง เจ้าควรจะชัดเจนได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสด็จอาเก้าหรือต้นตระกูลหวังก็ตาม ต่างก็ไม่ได้แยแสหลักฐานนั่น ตราบได้ที่ยังมีข่าวนี้อยู่ เหนียงเหนียงกับคนในบ้านของเจ้าก็จะไม่มีวันหันหลังกลับได้”
ชายชุดเทาเล่าออกมาด้วยท่าทีสงบ ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีความหมายเชิงคุกคามแต่อย่างใด เพียงแค่ทำให้นางสนมบริสุทธ์รู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมา
ความโมโหอย่างเดือดดาลของท่านอ๋องเก้ากับตระกูลหวัง นอกจากจักรพรรดิแล้วนั้น ก็ไม่มีใครสามารถแบกภาระได้อีก ประโยคนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วทั้งหมดภายในเวลาอันสั้นแล้ว
เรื่องไฟไหม้โรงเลี้ยงสัตว์หลวง ทำให้ซูโหยวแห่งตระกูลซูได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุด ไม่ว่าหนานหลิงหรือตระกูลซูก็ตาม ต่างก็ต้องการให้จักรพรรดิอธิบายให้พวกเขาฟัง ภายใต้การปลอบขวัญของจักรพรรดิ ด้วยท่าทีที่ค่อนข้างสงบ ไม่มีการเรีกร้องใด ๆ เพิ่มเติม หรือแม้แต่กดดันมือสังหารให้ตอบคำถาม
ในทางตรงกันข้ามเสด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงต่างก็ไม่เกรงกลัว ไม่ยอมวางมือ ทั้งยังไม่ได้สนใจแพะรับบาปที่ถูกปล่อยออกมาสองสามคน พวกเขายืนกรานที่จะหาผู้บงการให้พบ แล้วจับทั้งในและนอกวังมาทรมานอย่างถึงที่สุด
สืบค้นมาแล้วเกือบครึ่งเดือน แต่เสด็จอาเก้ากับหวังจิ่งหลิงก็ยังไม่พบเบาะแสใด ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งเสด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงที่กัดเรื่องนี้ไม่ปล่อยก็คงต้องวางมือ ให้จักรพรรดิทนกัดฟันด้วยความแค้นไป
แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีใครในพระราชวังที่ไม่รู้ ผีก็ไม่ได้รับรู้ถึงแผนร้ายนี้ จักรพรรดิก็กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนเอง เพียงแค่ลืมตามองแล้วหลับตาลง ทั้งเสด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงก็ออกไปสืบหาฆาตรกรตัวจริงแล้ว
ในช่วงเวลาอันสั้นนี้ คนภายในพระราชวังเมื่อได้ยินชื่อของเสด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงต่างก็รู้สึกเกรงกลัวขึ้นมา อยากรู้ว่าภายในระยะเวลาครึ่งเดือนสั้น ๆ นี้ สเด็จอาเก้ากับหวังจิ่งหลิงฆ่าคนไปแล้วกี่ร้อยคน เพียงเพราะเป็นบุคคลผู้ต้องสงสัย พวกเขาจะฆ่าแบบไม่ได้ตั้งใจมากกว่าปล่อยให้มีชีวิตรอดกลับไป อีกทั้งจักรพรรดิก็สนับสนุน
ไม่มีวิธี ไม่มีฮ่องเต้องค์ไหนที่จะอดกลั้นกับการเกิดปัญหาต่อความปลอดภัยของตนเอง สเด็จอาเก้ากับหวังจิ่งหลิงถึงแม้ว่าจะลงมืออย่างเหี้ยมโหด แต่ผู้คนที่พวกเขาฆ่าต่างก็เป็นคนที่มีปัญหาทั้งนั้น ถึงแม้ว่าความจริงแล้วจะไม่มีปัญหาก็ตาม แต่ทั้งสเด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงก็สามารถทให้พวกเขามีปัญหาได้
สเด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงฆ่าคนตรงหน้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา เพียงแค่เห็นก็จัดการ ไม่มัวพูดพร่ำทำเพลง แล้วหันไปโน้มน้าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เหนียงเหนียงนางสนมฉุนเจ้าอย่ากังวลใจไป ตอนนี้พวกข้าเป็นตั๊กแตนบนเชือกเส้นหนึ่ง ความสูญเสียทั้งหมด ความรุ่งเรืองทั้งหลาย ความบริสุทธิ์ใจของพวกข้าเหนียงเหนียงเจ้าก็มองเห็น เจ้าของบ้านข้าเองก็มีความจริงใจที่อยากจะร่วมมือกันกับเหนียงเหนียง ช่วยให้เจ้าเป็นผู้ที่ถูกชื่นชอบมากที่สุดในวังหลัง”
คุกคามขู่ขวัญก่อน จากนั้นจึงจะเผยผลกำไรที่ยิ่งใหญ่ออกมา เพียงแต่ไม่ไว้ใจความหวั่นไหวของฝ่ายตรงข้าม
“ความบริสุทธิ์ใจ พวกเจ้าคิดว่าอะไรคือความบริสุทธิ์ใจ ความบริสุทธิ์ใจของพวกเจ้าคือการทำร้ายข้าจนตาย” นางสนมฉุนกัดปากแน่น จนมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก
หยดเลือดสีแดงตกลงบนพื้นก่อนจะแตกสลายไปทันที ราวกับสภาวะของนางในตอนนี้ ที่กำลังร่วมมือกับปีศาจ ไม่เพียงแต่ทรยศต่อจิตใจนางเท่านั้น
“เหตุใดเหนียงเหนียงจึงต้องเดือดดาลถึงเพียงนี้ พวกข้าเพียงแค่อยากจะช่วยเจ้ากำจัดศัตรูที่มีกำลังมากออกไป อ้อ ไม่สิ…สนมเอกสองสามนางที่ตายไปช่วงนี้ ถือเป็นการที่พวกข้าช่วยเหนียงเหนียงกำจัดศัตรูออกไปแล้วสองสามนาง เหนียงหนียง เจ้ายังมีเรื่องอะไรที่ไม่พอใจอีกหรือ เจ้าเองก็ไม่ต้องทำอไรเลยสักอย่าง ทั้งสองมือของเจ้าไม่ต้องเปื้อนเลือด เพียงแค่บอกพวกข้าสักคำ พวกข้าก็สามารถถอนรากถอนโคนแทนเจ้าได้แล้ว สำหรับทุกคนที่คุกคามพื้นที่ของเจ้า” ชายชุดเทาพูดอย่างสงบและไม่เร่งรีบ ความใจเย็นในภาษาที่พ่นออกมา ทำให้สนมฉุนค่อย ๆ รู้สึกมั่นคงและปลอดภัยขึ้นมา
เรือนั้นที่ชายชุดเทาพูดออกมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง นางคือผู้ได้รับผลประโยชน์
ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูง แต่ผลประโยชน์ที่ได้รับก็มากพอ
“พวกเจ้ารับประกันได้หรือไม่ ว่าเรื่องนี้จะไม่สามารถสืบค้นได้” นางสนมฉุนใจเต้น ถึงแม้ว่าจะกระวนกระวายใจมาแล้วครึ่งเดือนนี้ แต่ก็ยังไม่ถูกสืบค้นมาจนถึงนาง จะกล่าวก็คือผู้นี้ไม่ธรรมดา
“เหนียงเหนียงยังมีอะไรที่กังวลใจอยู่อีกหรือ เรื่องที่เกิดขึ้นในครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ยังอธิบายไม่พออีกหรือ?” ชายชุดเทายิ้มเยาะ
พวกเขาใจดใจจ่อรอมาครึ่งเดือน เพียงเพื่อทำให้ผู้หญิงหน้าโง่ตรงหน้านี้เชื่อพวกเขา จากนั้นเขาก็ขายวิญญาณและครอบครัวให้กับพวกเขาอย่างเชื่อฟัง
นางสนมฉุนลังเลใจ บนใบหน้ามีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย พร้อมทั้งมองดูแววตาของชายชุดเทาที่เปลี่ยนไป ชายชุดเทาลุกขึ้นยืนพลางยิ้มเยาะออกมาท่ามกลางพระราชวัง พร้อมทั้งมองไปที่สนมฉุน
คิดไตร่ตรองอยู่หลายหน ความปรารถนาที่จะมีอำนาจครอบงำความกลัวในใจ สนมฉุนพยักหน้า “ตกลง ข้ารับปากว่าจะร่วมมือกับพวกเจ้า”
“เหนียงเหนียงผู้เฉลียวฉลาด ผู้ต่ำต้อยของแสดงความยินดีแทนนายท่านจักรพรรดินีเหนียงเหนียง” ชายชุดเทาไม่แปลกใจเลยสักนิดกับคำตอบของสนมฉุน
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว นางสนมบริสุทธ์ก็ไม่มีทางไปเช่นกัน นางขึ้นเรือโจรมาแล้ว หากไม่ยอมร่วมมือกับชายชุดเทา สิ่งที่รอนางอยู่คือความโกรธเดือดดาลของสเด็จอาเก้ากับหวังจิ่งหลิง
ถึงแม้ว่าเรื่องที่ไฟไหม้โรงเลี้ยงสัตว์หลวงจะไม่ใช่ฝีมือของนางก็ตาม แต่ถ้าหากนางอำนวยความสะดวกให้ฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายตรงข้ามก็จะลงมือกับนาง อย่างแน่นอน……
เป้าหมายของพวกเขาคือซูโหยว เพียงแต่เฟิ่งชิงเฉินก็มีส่วนเกี่ยวข้อง นี่คือคำอธิบายของชายชุดเทา และนางสนมฉุนก็เชื่อ
หลังจากที่ชายชุดเทาได้รับคำยืนยันจากนางสนมฉุนแล้ว ก็ไม่ได้ขู่เข็ญให้นางสนมฉุนทำอะไร เพียงแค่ให้ทางเลือกที่ดีที่สุดกับนาง หลังจากนั้นชายชุดเทาก็ออกไปจากตำหนักของนางสนมฉุน ปล่อยให้นางสนมฉุนทั้งสุขใจและกังวลใจอยู่ผู้เดียว
นางผู้หญิงหน้าโง่!
หลานจิ่วชิงมองนางสนมฉุนอย่างเอือมระอาเพียงครู่เดียว ก่อนจะไล่ตามชายชุดเทาไป
ถ้าหากว่าการคาดเดาสถานการณ์ของเขาไม่ผิดเพี้ยน ชายชุดเทาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่ยับยั้งเฟิ่งชิงเฉินกลางทางในคืนวันนั้นและ** คนเหล่านี้ต้องเป็นพวกที่จัดการเรื่องไฟที่โรงเลี้ยงสัตว์หลวง มันไม่เหมือนกับสิ่งที่พวกเขาพูดอย่างแน่นอน เขาเพียงแค่ต้องการให้ไฟไหม้ซูโหยวจนตายแค่นั้นเอง
วิชาตัวเบา*ที่ได้รับมาของหลานจิ่งชิง ไม่ได้แตกต่างจากของฝ่ายตรงข้ามมาก แต่ก็ไม่รู้ว่ามีหรือไม่มีเจตนา ชายชุดเทามักจะมารักษากับหลานจิ่งชิงอยู่บ่อย ๆ ในระยะห่างประมาณยี่สิบเมตร และปรากฏกายเพียงแค่ชั่วคราว ทำให้หลานจิ่วชิงสามารถไล่ตามเขาอย่างใกล้ชิดได้ตลอดทาง
ตอนที่หลานจิ่วชิงไล่ตามชายชุดเทาออกจากเมืองนั้น เขาก็รู้ว่าชายชุดเทาพบเขาแล้ว จงใจที่จะโยนเขาออกไปยังที่รกร้างนอกเมือง ถึงจะรู้ดีว่าทางด้านหน้าเป็นกับดัก แต่หลานจิ่วชิงก็ยังคงไล่ตามเขาไปอย่างไม่ลังเล
คนกลุ่มนี้สามารถหลบซ่อนได้อย่างลึกลับ มันไม่ง่ายเลยที่จะได้เบาะแส เขาจะไม่ยอมทิ้งมันอย่างเด็ดขาด พลาดไปแล้วหนึ่งครั้ง ครั้งต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะเป็นตอนไหน จนกระทั่งหวังว่านางสนมฉุนจะล่อคนออกมา ผู้หญิงหน้าโง่ขนาดนั้น หลานจิ่วชิงไม่กล้าหวังหรอก
ทั้งสองวิ่งไล่ตามกัน จนสายตามองเห็นว่าฟ้าเริ่มสว่างแล้ว หลานจิ่วชิงเองก็หมดความอดทนลงแล้ว จึงออกมายืนปรากฏกายในพื้นที่ว่าง “ออกมา”
เท่ากับว่าหลานจิ่วชิงกำลังใช้ตัวเองเป็นเป้า เพื่อจะทำให้เรื่องทุกอย่างกระจ่างขึ้นมา……