ในขณะที่ผู้ถูกเลือกกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในการจัดการกับก็อบลินจำนวนมากที่โจมตีพวกเขา ตอนนี้โนอาห์กำลังวิ่งหนี แต่เขาไม่ได้วิ่งหนีจากกลุ่มก็อบลินหรืออะไรทำนองนั้นโนอาห์รู้สึกหงุดหงิดที่เขาไม่พบกลุ่มก็อบลินที่ไหนเลย
ในตอนแรกเมื่อเขาเข้าไปในป้อมปราการจำนวนกลุ่มก็อบลินที่เขาพบนั้นค่อนข้างสูง แต่พวกมันก็หายากขึ้นเรื่อยๆ
ตั้งแต่เขาฆ่าก็อบลินที่ได้รับพรเขาก็พบก็อบลินอีก 4 กลุ่มเท่านั้น ในแต่ละกลุ่มที่เขาสังหารเขาระมัดระวังที่จะไม่ทำให้กลุ่มอื่นๆรู้ตัว และหยุดพักสักครู่เพื่อพักผ่อนและไม่เสี่ยงเพื่อที่เขาจะไม่สูญเสียจังหวะการต่อสู้เนื่องจากความเหนื่อยล้า แต่ในสองกลุ่มสุดท้ายหลังจากที่โนอาห์พักผ่อนเสร็จแล้วแม้ว่าเขาจะเดินไปไกลมาก แต่การหาก็อบลินตัวอื่นก็ยากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเขาสังหารกลุ่มที่สี่ได้แล้วแม้ว่าโนอาห์จะวิ่งผ่านป่าและส่งเสียงดังมากเท่าที่จะทำได้เขาก็ไม่พบอะไรเลย
‘นี่มันแปลกมาก…ป้อมปราการเปิดมานานแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จำนวนมอนสเตอร์ในที่นี่จะลดลงอย่างรวดเร็ว…และตอนนี้ความสามารถของฉันยังพัฒนาไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…’ โนอาห์ถอนหายใจขณะมองค่าสถานะของสกิลเปลวไฟแห่งนรกในโปรไฟล์ของเขา
[ผู้ใช้: โนอาห์ สเติร์น]
[เลเวล: 01]
[ประสบการณ์: 78/100]
[HP: 10/10]
[ความแข็งแรง: 10]
[ความคล่องตัว: 10]
[ความแข็งแกร่ง: 10]
[สกิว:
เปลวไฟจากนรก เลเวล: 01 : 99/100
คำอธิบายสกิว: เทคนิคที่ประกอบไปด้วยการอัญเชิญเปลวไฟแห่งนรกขึ้นมา เปลวไฟแห่งนรกไม่ต่างไปจากเปลวไฟธรรมดา แต่หลังจากชำระคนบาปและบาปมากมายมันก็กลายเป็นเปลวไฟที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถเผาได้กระทั้งเทพเจ้าแห่งเปลวเพลิง เพื่อเพิ่มพลังของความสามารถนี้คุณจะต้องเผาบาปหรือคนบาป]
‘อีกเพียง 1 แต้ม…ฉันต้องการเพียงหนึ่งแต้มเท่านั้นเพื่อทำให้ทักษะพัฒนาขึ้น…แต่ไม่มีก็อบลินปรากฏขึ้นสักตัวเลย…ฉันต้องหาว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ นี่มันเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลสิ้นดี’ โนอาห์คิด
เมื่อมองไปที่เข็มทิศของตัวเองโนอาห์เริ่มเดินไปทางเหนือ เนื่องจากเขาไม่พบมอนเตอร์ในภูมิภาคนี้เลย แต่อย่างน้อยเมื่อเขาเข้าใกล้ค่ายก็อบลินเขาอาจพบคำตอบสำหรับคำถามที่เขากำลังมองหาอยู่ก็ได้
โนอาห์วิ่งไปตามเส้นทางด้วยความเร็วที่มั่นคงเพื่อไม่ให้ใช้พลังงานมากเกินไป แต่ถึงแม้จะวิ่งเป็นระยะทางกว่าหนึ่งกิโลเมตรโนอาห์ก็ไม่เห็นแม้แต่สัญญาณของมอนเตอร์หรือแม้แต่ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ
‘บางทีกลุ่มผู้ถูกเลือกอาจจะโจมตีค่ายไปแล้ว…? แต่นั่นเป็นไปไม่ได้สำหรับป้อมปราการที่เต็มไปด้วยมอนเตอร์แบบนี้ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไปถึงแคมป์ในเวลาอันสั้นแม้ว่าพวกเขาจะพยายามเคลื่อนตัวอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็ตาม’ โนอาห์ไม่พบคำตอบที่ยอมรับได้ในหัวของเขาจนกระทั่งมีความเป็นไปได้เกิดขึ้น
‘เว้นแต่…’
โนอาห์คิดว่าสิ่งนี้เป็นไปได้สูง โนอาห์จึงเร่งความเร็วขึ้นและพยายามไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อดูว่าสิ่งที่เขาคิดเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ในขณะที่โนอาห์กำลังวิ่งอยู่นั้นโนอาห์ก็เห็นก็อบลินตัวเล็กตัวหนึ่งกำลังวิ่งไปในทิศทางเดียวกับเขาพร้อมกับถือดาบขึ้นสนิทในมือและมองหาอะไรบางอย่าง
‘ฉันแค่ต้องติดตามก็อบลินตัวนี้แล้วฉันจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าฉันจะต้องยอมเสียค่าประสบการณ์ที่หายไปเพื่อพัฒนาทักษะของฉันก็ตาม มันจะไม่ดีเลยถ้าฉันไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้ทันเวลา’ โนอาห์คิดเช่นนี้ในขณะที่เขาปรับเปลี่ยนเส้นทางของเขาเพื่อติดตามก็อบลินตัวนั้นในระยะที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเขา
หลังจากวิ่งด้วยความเร็วสูงไม่กี่นาทีเมื่อโนอาห์เริ่มรู้สึกเหนื่อยในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงโลหะกระแทกกับโลหะ
‘จริงๆสินะ…คนโง่พวกนี้ลืมไปว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของก็อบลินคือความรู้สึกของพวกมัน สาเหตุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการตายภายในป้อมปราการที่มีก็อบลินคือพวกมันสามารถสื่อสารกันได้ในระยะทางไกลผ่านความรู้สึก ถ้าไม่สามารถกำจัดกลุ่มนั้นได้อย่างรวดเร็วมันก็จะเรียกอีกกลุ่มมาเพื่อสนับสนุนทันที และนั่นก็จะเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน โดยปกติแล้วหลังจากที่ฆ่าก็อบลินไปเจ็ดหรือแปดกลุ่มก็อบลินก็จะหยุดมา แต่เนื่องจากป้อมปราการนี้เปิดมานานแล้ว จำนวนที่ต้องกำจัดทั้งหมดอาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าได้อย่างงายดาย ดังนั้นอาจจะต้องกำจัดทั้งหมดอย่างน้อยสิบห้ากลุ่มและแต่ละกลุ่มจะมีก็อบลินถึงสี่ตัว ความยากคือ…พวกเขาจะสู้ได้นานขนาดนั้นเลยหรอ?’
ก่อนที่เขาจะมองเห็นอะไรโนอาห์ก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆนอกจากนั้นยังมีกลิ่นเลือดที่รุนแรงตามมาด้วย ตามสิ่งที่เขาอ่านบนอินเทอร์เน็ตเลือดของก็อบลินเป็นกลิ่นที่เลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่งของป้อมปราการระดับ E จากป้อมปราการทั้งหมดรองจากอุจจาระโกเลมโคลน เนื่องจากโนอาห์เผาซากศพทั้งหมดจนหมดโนอาห์เลยไม่ได้กลิ่นเลือดของก็อบลินนานนัก แต่ตอนนี้เมื่อเขาเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุและเห็นศพจำนวนมากรอบๆ นั่นจึงอธิบายเหตุผลของกลิ่นเหม็นอันรุนแรงนี้ได้ทันที
เมื่อผู้ถูกเลือกผู้หญิงที่ต่อว่าโนอาห์ในตอนแรกเห็นโนอาห์เข้ามาเธอก็ตะโกนใส่เขาด้วยท่าทีรังเกียจ แต่เธอก็เหนื่อยมากจนไม่มีแรงพอที่จะตะโกนใส่เขาได้ เพราะเธอยังต้องยิงธนูใส่มอนเตอร์ที่เข้ามาอีกด้วย ในบรรดาผู้ถูกเลื่อกคนอื่นๆเห็นได้ชัดว่าชายอายุ 24 ปีที่ดูจริงจังและเหนื่อยล้าตะโกนใส่โนอาห์ด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรว่า
“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย! นักเวทย์ของเราหมดพลังงานแล้ว และนักธนูทั้งสองของเราก็หมดลูกธนูแล้วเหมือนกัน…”
เมื่อดูสถานการณ์ของกลุ่มแล้วพวกเขาดีกว่าที่โนอาห์จินตนาการไว้ แม้ว่าจะมีความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดบนใบหน้าของทุกคน แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส โนอาห์ไม่ชอบวิธีที่พวกเขาปฏิบัติกับเขาก่อนที่การบุกจะเริ่มขึ้น แต่เขาก็ได้รับประโยชน์มากมายเช่นกันดังนั้นเขาจะไม่ขี้เหนียวจนไม่ช่วยอะไร ยิ่งไปกว่านั้นโนอาห์ได้เห็นว่านักธนูและนักเวทย์บางคนรู้สึกอึดอัดขนาดไหนเมื่อพวกเขาไม่มีลูกธนูหรือไม่สามารถร่ายเวทย์ได้อีกต่อไป หลังจากใช้พลังงานไปมากในการต่อสู้อันยาวนานนี้
เนื่องจากโนอาห์ไม่มีพรที่แท้จริงในช่วง 4 ปีแรกที่เขาได้รับพรเขาจึงถูกบังคับให้เรียนรู้ที่จะต่อสู้ด้วยมีดและดาบเพื่อปกป้องตัวเอง ดังนั้นหลังจากที่เขาได้รับความสามารถเปลวไฟแห่งนรกเขาก็เลิกเป็นนักรบหรือนักฆ่าและกลายเป็น*นักฆ่าเวทมนตร์*ทันที เนื่องจากเขามักชอบดาบที่สั้นกว่าเพราะมันทำให้เขาใช้เหตุผลและคิดได้เร็วขึ้น โนอาห์จึงใช้สิ่งนี้ในการซุ่มโจมตีหรือหลบหนีด้วยความคล่องแคล่วในการบุกป้อมปราการของเขา
(*นักฆ่าเวทย์มนตร์ นักฆ่าที่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้*)
ในขณะที่เห็นสัตว์ประหลาดจำนวนมากโจมตีพวกเขาพร้อมกันทำให้กลุ่มผู้ถูกเลือกสิ้นหวังอย่างมาก
สำหรับโนอาห์เขามองเห็นเรื่องนี้เป็นเหมือนงานเลี้ยงขนาดใหญ่และหรูหรา เพราะเหตุการณ์ตรงหน้าเต็มไปด้วยค่าประสบการณ์ที่จะทำให้เขาวิวัฒนาการทักษะของเขาได้
โนอาห์วิ่งไปแนวหน้าพร้อมกับนักรบโดยไม่พูดอะไรเลย แต่เขาไม่ได้หยิบมีดของเขาขึ้นมา นักรบพบว่าพฤติกรรมของเขาแปลกประหลาดและต้องการเตือนเขาว่าอย่าทำอะไรโง่ๆและฆ่าตัวตายโดยไม่มีเหตุผล แต่ในวินาทีต่อมาพวกเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น