นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 965 การเปลี่ยนแปลงของพระราชวัง,หากยังไม่สิ้นสุดก็ยากที่จะบอกว่าแพ้หรือชนะ
แน่นอนว่าในคืนนั้น เฟิ่งชิงเฉินได้รับรู้เรื่องราวแห่งความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในพิธีอภิเษก เรื่องนี้นั้นไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด ในเวลานั้นมีผู้คนมากมายเข้าร่วมพิธีอภิเษก เสด็จอาเก้าเอกก็ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด เปิดเผยมันออกมาต่อหน้าทุกคน แม้สามัญชนทั่วไปไม่อาจรับรู้ได้ แต่ทุกคนในพระราชวังต่างรับรู้เรื่องนี้กันเป็นอย่างดี
แม้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่เหยาหวาควรได้รับ แต่นางร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ พบเจอกับเรื่องเช่นนี้ในวันแต่งงาน มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายธรรมดา มันเป็นความโศกเศร้าที่เกินกว่าจะทนไหว
แน่นอนว่าความเห็นใจก็คือความเห็นใจ แต่คำพูดที่ควรพูด เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ลืมที่จะพูดมันออกมา “ถูกยั่วยุด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำของเจ้า ทำให้งานแต่งของตนเองต้องพังพินาศ องค์หญิงเหยาหวา เจ้าช่างทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังยิ่งนัก”
ช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน!
กรุบ……เฟิ่งชิงเฉินหยิบผลไม้บนโต๊ะขึ้นมากัด มีเพียงตระกูลของราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถกินผลไม้สดได้ในฤดูกาลนี้ จวนเฟิ่งไม่มีทางมีผลไม้พวกนี้ ทั้งหมดนี้มาจากจวนอ๋องเก้า เสด็จอาเก้าไม่ชอบกินผลไม้เหล่านี้ ผลประโยชน์ทั้งหมดจึงตกเป็นของเฟิ่งชิงเฉิน
บางทีอาจเป็นเพราะมีความสุขมากเกินไป หรือเป็นเพราะเคยชินกับการอยู่ต่อหน้าเสด็จอาเก้า น้ำผลไม้ไหลออกมาจากมุมปากของนาง เสด็จอาเก้าส่ายหน้า ลุกขึ้นและเช็ดมันให้นาง
เห็นท่าทางอันภาคภูมิใจของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มของนาง “อย่าคิดว่าองค์หญิงเหยาหวาอ่อนแอ แม่ของนางจากไป และอาชญากรรมที่นางสร้างขึ้นก็ร้ายแรงยิ่งนัก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากองค์หญิงเหยาหวายังสามารถอดทนกับมันได้ นางก็คงเลือดเย็นเกินไปจนน่าหวาดกลัว”
“ก็ได้ ข้ายอมรับ องค์หญิงเหยาหวาสามารถทำให้การแต่งงานสิ้นสุดลงด้วยดี ก็ถือว่าไม่เลว” เฟิ่งชิงเฉินกัดสองสามครั้ง ผลไม้ในมือของนางก็หมดไป วางแกนผลไม้ไว้บนจาน จากนั้นก็ยื่นมือทั้งสองข้างไปมาด้านหน้าของเสด็จอาเก้า
ต้องการให้เช็ดมือให้นาง!
“เจ้านี่มัน ขี้เกียจขึ้นทุกวัน” แม้จะกล่าวออกไปเช่นนั้น แต่เสด็จอาเก้าก็หยิบผ้าขึ้นมาอย่างอ่อนโยน เช็ดมือให้กับเฟิ่งชิงเฉินอย่างระมัดระวัง
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมา ได้กลิ่นไผ่หอมจากร่างกายของเสด็จอาเก้า เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาขยายใหญ่ขึ้นประกอบกับความอบอุ่นในดวงตาของเขา หัวใจของนางก็เริ่มอบอุ่น
ผู้ชายคนนี้ ปรากฏตัวเพื่อสร้างความวุ่นวายในงานแต่ง ไม่สนว่าทุกคนจะคิดอย่างไร ทั้งหมดที่ทำลงไปก็เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว
ต่อหน้าต่อตา แม้ว่าจะฆ่านางให้ตายนางก็ไม่เชื่อว่าเสด็จอาเก้าจะทำเรื่องที่ไร้ท่วงทำนองเช่นนี้ แต่เวลานี้เล่า? ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าของนาง นางจะไม่เชื่อก็คงเป็นไปไม่ได้
“หลังจากนี้เหยาหวาจะเป็นเช่นไร?” ในเมื่อทำลงไปแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากให้เหยาหวาพลิกตัวกลับมาได้ ต้องรู้ก่อนว่าหากผู้หญิงคิดจะร้ายขึ้นมาแล้ว มันจะจะร้ายเสียยิ่งกว่าผู้ชาย นางไม่ได้กลัวว่าเหยาหวาจะแก้แค้น แต่นางกลัวว่าเหยาหวาจะเสียสติจนบ้าไป
“หลังจากนี้? ไม่มีหลังจากนี้ เนื่องจากพระสนมหยูทำให้พระราชวังต้องแปดเปื้อนจึงถูกโทษประหาร ชีวิตนี้ของเหยาหวาเองก็จบสิ้น ซีหลิงน่าจะปล่อยนางไปแล้ว”
“ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป แม้ว่าพระสนมเอกทำให้พระราชวังต้องแปดเปื้อนก็ไม่มีทางนำกำลังทหารออกมา จักรพรรดิเองก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะปกปิดมัน ต่อให้ไม่คิดถึงพระราชวงศ์ แต่ก็ควรคิดถึงองค์ชายและองค์หญิง”
“ลูกชายของพระสนมหยูเป็นองค์รัชทายาท ลูกสาวของนางก็ต้องมาแต่งงานถึงแดนไกล หากจักรพรรดิซีหลิงยังหลงเหลือความรู้สึกกับพวกเขาก็คงไม่ทำเรื่องเช่นนี้ ครั้งนี้จักรพรรดิแห่งซีหลิงไม่คิดที่จะปิดบังเลยแม้แต่น้อย ป่าวประกาศเรื่องที่พระสนมหยูทำให้ราชสำนักต้องแปดเปื้อนสู่โลกภายนอก น่าจะเป็นเพราะเขาเกลียดชังเหยาหวาและซีหลิงเทียนเหล่ยอย่างสุดหัวใจ ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำร้ายเสด็จแม่ของพวกเขาเช่นนี้ ต้องรู้ก่อนว่าการทำลายพระสนมหยูนั้นก็เท่ากับการทำลายซีหลิงเทียนเหล่ยและเหยาหวา”
“มีแม่เช่นนี้ เป็นรอยด่างที่ไม่มีวันลบล้างไปทั้งชั่วชีวิตของเหยาหวาและซีหลิงเทียนเหล่ย ต่อให้ซีหลิงเทียนเหล่ยเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งซีหลิง แต่หากคิดจะขึ้นครองบัลลังก์ก็คงจะเป็นเรื่องยาก ส่วนเหยาหวา? หากนางประพฤติตัวเรียบร้อยไม่ออกนอกลู่นอกทาง นางก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในฐานะพระชายาชุนอ๋องต่อไปได้ แต่หากไม่ จักรพรรดิก็ไม่ว่าอะไรหากนางเสียชีวิตลงไปอย่างกะทันหัน”
เสด็จอาเก้าพูดออกมาอย่างนิ่งสงบ แต่เฟิ่งชิงเฉินรับรู้ถึงความรุนแรงในคำพูดเหล่านี้ นี่คือผลจากความล้มเหลวในการต่อสู้ของซีหลิงเทียนเหล่ยและเหยาหวา ตราบใดที่ยังมีจักรพรรดิแห่งซีหลิงอยู่ พวกเขาสองพี่น้องก็ไม่มีวันได้พลิกตัว นอกจากซีหลิงเทียนเหล่ยจะก่อกบฏ
“พระสนมหยูผู้น่าสงสาร นางไต่เต้าขึ้นมาเป็นพระสนมด้วยความงดงามของนาง เลี้ยงดูลูกชายที่เป็นองค์รัชทายาท หลังจากผ่านไปหลายปี นางก็จะก้าวไปถึงตำแหน่งฮองเฮา แต่คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาตายไปอย่างน่าอนาถเช่นนี้”
หากจักรพรรดิแห่งซีหลิงไม่ฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างก็จะแตกต่างออกไป พระสนมหยูจะกลายเป็นฮองเฮาผู้ยิ่งใหญ่ เหยาหวาจะกลายเป็นน้องสาวของจักรพรรดิแห่งซีหลิง สถานะสูงส่ง แต่เวลานี้……
“จริงอยู่ที่พระสนมหยูมีความสามารถ แต่ศัตรูของนางแข็งแกร่งเกินไป องค์หญิงใหญ่แห่งซีหลิงร่วมมือกับฮองเฮา ประกอบฝีมือการรักษาของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี ทำให้จักรพรรดิหายจากอาการป่วย นางหมดโอกาสเอาชนะ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่นางโหดร้ายไม่พอ ไม่ยอมสังหารจักรพรรดิแห่งซีหลิงไปตั้งแต่แรก”
การต่อสู้แย่งชิงในวันหลังไม่มีวันสิ้นสุด พระสนมคนโปรดไม่ใช่จุดสิ้นสุด มีเพียงไต่เต้ามาถึงฮองเฮาเท่านั้น ทุกอย่างถึงจะสิ้นสุดลง ลูกชายของพระสนมหยูเป็นองค์รัชทายาทแล้วอย่างไร ขอแค่ลูกชายของเขาไม่ใช่จักรพรรดิ นางก็สามารถล้มลงได้ทุกเมื่อ
“พูดเช่นนี้ก็แสดงว่าอาการป่วยของจักรพรรดิแห่งซีหลิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับพระสนมหยูงั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินนึกถึงเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงของซีหลิงในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทำให้นางคาดเดาอะไรบางอย่างออกมาได้
สำหรับจักรพรรดิที่ไม่สนใจลูกสาวของตน ทำให้ลูกสาวของตนเองที่เกิดกับนางสนมต้องอับอายถึงเพียงนี้ ความเป็นไปได้มีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือผู้หญิงคนนั้นคิดจะฆ่าเขา
“หากไม่เป็นเช่นนั้น จักรพรรดิแห่งซีหลิงจะทำลายพระสนมหยูเป็นผุยผงเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่แม้แต่จะให้โอกาสนาง ในพระราชวัง หากจักรพรรดิต้องการจบชีวิตของนางสนมสักคน วิธีการก็มีอยู่มากมาย จักรพรรดิแห่งซีหลิงทำเช่นนี้ ทั้งหมดก็เพื่อต้องการปิดเส้นทางในอนาคตของซีหลิงเทียนเหล่ย” ความรักของจักรพรรดิ คนธรรมดาไม่อาจรับไหว เช่นเดียวกัน ความโกรธแค้นของจักรพรรดิ คนธรรมดาก็ไม่อาจรับไหว
ที่จักรพรรดิไม่สังหารซีหลิงเทียนเหล่ย นั่นไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่พ่อมีต่อลูก แต่เขาต้องการทรมานซีหลิงเทียนเหล่ยอย่างช้า ๆ ทำให้ความหวังของเขาค่อย ๆ เลือนราง ทำให้เขาผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า และใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวในทุกวัน
“เช่นนั้นซีหลิงเทียนอวี่ก็ได้ประโยชน์เป็นอย่างมากไม่ใช่หรือ?” หลังจากย่ำอยู่กับที่เป็นเวลานาน ในที่สุดผลประโยชน์ก็ตกไปสู่ซีหลิงเทียนอวี่ องค์รัชทายาทเหล่ยช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน
“อะไรคือประโยชน์อย่างมาก เวลานี้สถานการณ์ของเทียนอวี่นั้นย่ำแย่ เวลานี้จักรพรรดิแห่งซีหลิงเชื่อใจองค์หญิงใหญ่เพียงผู้เดียวเท่านั้น แม้จะเกลียดซีหลิงเทียนเหล่ย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะอุ้มชูซีหลิงเทียนอวี่ จากข้อมูลที่ได้มาจากซีหลิง จักรพรรดิแห่งซีหลิงน่าจะมีแผนการอื่นอยู่” จักรพรรดิหวาดระแวง สงสัยแรงจูงใจที่ทำให้เทียนอวี่กลับไป เนื่องจากซีหลิงเทียนอวี่อยู่ในดินแดนตงหลิงอันไกลโพ้น แต่เขาสามารถพาหมออัจฉริยะกลับมายังซีหลิงได้ในช่วงเวลาที่สำคัญ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าซีหลิงเทียนอวี่ไม่ธรรมดา
หลังจากผ่านเรื่องราวอันเลวร้ายครั้งนี้ จักรพรรดิแห่งซีหลิงไม่เชื่อใจลูกชายของเขาอีกต่อไป เรื่องนี้อยู่ในการคาดเดาของเสด็จอาเก้า แต่เขาก็ไร้หนทาง นี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่พวกเขาทำได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ปล่อยให้ซีหลิงเทียนเหล่ยขึ้นครองบัลลังก์ไม่ได้เป็นอันขาด
เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้ามองท้องฟ้าอันว่างเปล่า “หัวใจของจักรพรรดิเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แต่เรื่องราวที่เหลืออยู่หลังจากนี้ เกรงว่าเจ้าเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ หากจักรพรรดิแห่งซีหลิงรู้ว่าเจ้ากำลังหนุนหลังเทียนอวี่อยู่ มันก็มีแต่ทำให้เทียนอวี่ตกอยู่ในอันตราย”
“ใช่ ข้าช่วยเขาได้เพียงเท่านี้ หลังจากนี้เขาคงต้องพึ่งพาตัวเอง แม้ว่าจักรพรรดิแห่งซีหลิงจะทนทุกข์ทรมานมากจากเหตุการณ์นี้ แต่หากต้องการองค์รัชทายาทก็ไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากหมอหลวงเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน” เสด็จอาเก้านึกถึงการคาดเดาของซีหลิงเทียนอวี่ ในใจของเขามีความกังวลเกิดขึ้นเล็กน้อย
เทียวอวี่บอกว่าเด็กในท้องขององค์หญิงใหญ่ได้รับการยืนยันจากหมอหลวงว่าเป็นเพศชาย เสด็จพ่อของเขาดูเหมือนจะตั้งใจส่งบัลลังก์ให้กับเด็กที่อยู่ในท้องขององค์หญิงใหญ่ ไม่รู้ว่าเด็กที่อยู่ในท้องขององค์หญิงใหญ่เป็นของใคร ถึงสามารถทำให้หัวใจของจักรพรรดิหวั่นไหวได้ถึงเพียงนี้