นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 981 ยอมรับ,เสน่ห์ของซุนซือสิง
ทักษะทางการแพทย์ที่ดีคือการเรียนรู้จากผู้อื่น แต่หมอทุกคนล้วนหวงแหนวิชาของตนราวกับสมบัติอันล้ำค่า เป็นมรดกของครอบครัว เป็นรากฐานของโลก พวกเขาไม่ยินดีที่จะสืบทอดวิชาแพทย์ให้กับผู้อื่น ส่วนสำนักแพทย์ต่าง ๆ ก็ล้วนมีจุดด้อยเป็นของตนเอง
ที่สองพี่น้องต้องการเขียนหนังสือขึ้นมา พวกเขาไม่ได้ต้องการถ่ายทอดไปทั่วทั้งใต้หล้า พวกเขาแค่ต้องการให้คนที่อยากศึกษาเกี่ยวกับการแพทย์สามารถศึกษาวิธีการของแพทย์จากร้อยตระกูล เมื่อเห็นลักษณะของเฟิ่งชิงเฉิน นางไม่ใช่คนที่ชอบปกปิดความลับหรือเก็บซ่อนความสามารถ ไม่อย่างนั้นตอนที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาคงไม่เปิดเผยวิธีการรักษาหยุนเซียวออกมา
ด้วยเหตุนี้ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้จึงไม่ดูถูกเฟิ่งชิงเฉินและให้เกียรตินาง……
หมอทั้งสามต้องการไปยังห้องผ่าตัด แน่นอนว่าเสด็จอาเก้าไม่จำเป็นต้องไปด้วย ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่ต้องให้เขาไปส่ง ที่เขาปรากฏตัวออกมาทั้งหมดก็เป็นเพราะเรื่องราวก่อนหน้านี้ เขาออกมาเพื่อเขย่าขวัญ หากไม่ออกมา เกรงว่าชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้คงโกรธจนวางยาพิษคนทั้งพำนักของเขา
เสด็จอาเก้าสั่งให้พ่อบ้านของเขาติดตามทั้งสามคนไป และบอกกับเฟิ่งชิงเฉินว่ามีเรื่องอะไรให้ไปเรียกเขาที่ห้องหนังสือ เขากลับไปยังห้องหนังสือเพื่อทำงานของเขาต่อ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องทรมานทั้งสองคน และไม่มีวี่แววว่าจะขอโทษเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้จะรู้สึกโกรธ แต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาท้าทายก็ไม่มีใครมาบังคับพวกเขา พวกเขาจึงทำได้เพียงอดทน ประกอบกับความจริงใจและความถ่อมตัวของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้พวกเขาไม่สามารถโกรธได้
ก่อนที่จะเข้าไปในห้องผ่าตัด เฟิ่งชิงเฉินเตรียมชุดสีขาวไว้ให้ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้คนละชุด และให้คนรับใช้ล้างมือให้พวกเขา
“นี่มันเพื่ออะไรงั้นหรือ?” ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้ถามออกมา
เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นนางจึงอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับคำว่าเชื้อโรค การติดเชื้อและสิ่งอื่น ๆ และยังกล่าวด้วยว่าเสื้อคลุมสีขาวนี้ไม่ใช่แค่ผ้าขาวที่ถูกเย็บขึ้นมา มันได้รับการฆ่าเชื้อด้วยอุณหภูมิสูง และเหตุผลที่เลือกสีขาวเพราะสีขาวจะไม่ใส่สีย้อม
ยังไม่ชัดเจนว่าสีย้อมนั้นเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยหรือไม่ แต่ทางที่ดีไม่ใช้จะดีกว่า และสีขาวก็ดูสะอาดตา หากเปื้อนขึ้นมาก็สามารถดูออกได้ง่าย
ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้มองหน้ากัน เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เฟิ่งชิงเฉินได้จัดเตรียมไว้ให้ และนี่ก็ถือว่าเป็นการยอมรับที่พวกเขามีต่อเฟิ่งชิงเฉิน
และอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้ หมอทุกคนในแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่จะสวมเสื้อผ้าเช่นนี้ตอนที่ทำการรักษาผู้ป่วย และเปลี่ยนกลับเป็นเสื้อตนเองเมื่อทำการรักษาเสร็จ
นี่เป็นความรับผิดชอบที่มีต่อผู้ป่วยและครอบครัว เนื่องจากหมอทุกคนต้องพบกับโรคต่าง ๆ มากมาย ใครก็ไม่กล้ารับประกันว่าร่างกายของตนเองจะไม่มีเชื้อโรค และอาจจะทำให้คนในครอบครัวหรือผู้สัมผัสติดเชื้อ
เช่นเดียวกับปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี เมื่อเข้ามาในห้องผ่าตัด ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้ถูกดึงดูดด้วยความสะอาด ความเป็นระเบียบ และความสว่างภายในห้อง แน่นอน สิ่งที่ดึงดูดพวกเขามากที่สุดก็คือซุนซือสิงที่กำลังต่อสู้อยู่กับกระต่าย
หลังจากซุนซือสิงรู้ว่าองค์รัชทายาทเสด็จมาถึงแล้ว และการผ่าตัดอยู่อีกไม่ไกล เขารีบกินยาแก้หวัดเพื่อป้องกันไว้ก่อน ซุนซือสิงรอแทบไม่ไหว สั่งให้คนเตรียมกระต่ายไว้สองตัว เขาต้องการเข้าไปซ้อมมือในห้องผ่าตัด เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัด
ช่วยไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้าร่วมการผ่าตัดครั้งใหญ่ เขาจึงรู้สึกประหม่าเป็นธรรมดา เกรงว่าตนเองจะเป็นตัวถ่วงของเฟิ่งชิงเฉิน และอาจทำให้ส่งผลกระทบต่ออาการป่วยขององค์รัชทายาทได้
ก่อนที่เฟิ่งชิงเฉินจะพาชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้เข้ามา น่ารู้อยู่แล้วว่าซุนซือสิงกำลังทำอะไรอยู่ในห้องผ่าตัด นางจึงตั้งใจพาทั้งสองคนเข้ามาในห้องผ่าตัดในเวลาดังกล่าว
ต่อให้นางพูดอธิบายออกมามากมายเพียงใดมันก็ไม่เกิดประโยชน์ เหตุใดถึงไม่ลองให้ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้เห็นด้วยตาของตัวเอง พวกเขาจะได้รับรู้ว่ามันน่าตกใจเพียงใด
การผ่าตัดภายนอกนั้นอาจกล่าวว่าเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อลงมือทำจริง ๆ แล้วมันก็ต่างจากที่พูด สิ่งที่ต้องกังวลมีอยู่มากมาย โดยเฉพาะเรื่องศัลยกรรมหัวใจ
ในยุคปัจจุบันโรงพยาบาลส่วนใหญ่ไม่มีการผ่าตัดโรคหัวใจ และไม่อนุญาตให้นักศึกษาฝึกงานเข้ามายุ่งเกี่ยวกับแผนกศัลยกรรมหัวใจ นางโชคดีที่ได้พบกับอาจารย์ที่ปรึกษาที่ดี
เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ด้านข้าง มองไปที่ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้ที่ไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ผลลัพธ์ปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว
ต่อให้พูดออกมามากมายแค่ไหนมันก็ไม่เท่าปล่อยให้เห็นด้วยตาของตัวเอง
เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ได้พูดอะไร ยืนอยู่ตรงข้ามกับซุนซือสิง จากนั้นเอนไปพิงโต๊ะที่อยู่ด้านหลัง จ้องมองไปที่การเคลื่อนไหวของซุนซือสิงด้วยสายตาแห่งความชื่นชม
ไม่ต้องพูดถึงด้วยเสื้อคลุมสีขาว แว่นตา และใบหน้าที่จริงจัง ความคิดและพฤติกรรมแบบนี้เป็นรูปแบบของศัลยแพทย์ชั้นนำที่กำลังยืนผ่าตัดด้วยความน่าเชื่อถือ
แต่ไม่ว่าซุนซือสิงจะทำอะไรก็ดีไปหมด สมาธิของเขาแน่วแน่มาก จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ แม้ว่าในตอนที่ทั้งสามคนเดินเข้ามาจะมีเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อย แต่ทั้งสามคนก็ยืนอยู่ด้านหน้าของเขาเป็นเวลานาน แต่เขากลับไม่สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขามีเพียงกระต่ายที่อยู่ในมือเท่านั้น
เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองไปที่ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้ รอยยิ้มแห่งความชั่วร้ายปรากฏออกมาให้เห็น นางก้าวไปด้านหน้า แสร้งทำเป็นจะหยุดการเคลื่อนไหวของซุนซือสิง ทั้งสองคนราวกับรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังทำอะไร ก้าวออกไปห้ามเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้และมองมาที่นางด้วยสายตาตำหนิ
เฟิ่งชิงเฉินดูไร้เดียงสาและยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความเศร้าใจ ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้ไม่เห็นเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย โบกมือให้เฟิ่งชิงเฉิน บ่งบอกให้นางไปที่อื่น อย่าได้มาขัดขวางพวกเขาสองคน
ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะลืมไปเสียสนิทว่าเฟิ่งชิงเฉินมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการผ่าตัดมากกว่าซุนซือสิง เฟิ่งชิงเฉินคือหมอที่ให้การรักษาหยุนเซียวและองค์รัชทายาท แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด
การแสดงของซือสิงในวันนี้เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองคนตกใจ ทั้งสองคนจะต้องเห็นค่าในตัวของซือสิง ไม่แน่ว่าในตำราทางการแพทย์ที่พวกเขาเขียน อาจจะมีที่ว่างสำหรับซือสิงอยู่ก็เป็นได้
ได้รับความชื่นชมจากสองคนนี้ สำหรับซือสิงแล้วมันเป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย หากซือสิงสามารถเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์จากสองคนนี้ได้ การเรียนรู้ไม่ใส่สิ่งที่ไร้ประโยชน์หรือสิ่งที่ทำร้ายเขา เนื่องจากทักษะทางการแพทย์นั้นมีหลายแขนง และความแตกต่างของมันนั้นอยู่ตรงผู้สืบทอด
แน่นอน เฟิ่งชิงเฉินสนใจในทักษะพิษของกัวเป่าจี้มากกว่า หากซือสิงสามารถเรียนรู้มาได้ หลังจากนี้เขาก็จะมีวิธีการป้องกันตัวเองเพิ่ม
การที่องค์รัชทายาทพาสองคนนี้มา ช่างเป็นสิ่งซึ่งมีประโยชน์อย่างแท้จริง มีพวกเขาสองคนอยู่ หากนางต้องการให้วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดแพร่หลายในแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่ มันอาจจะเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่การพลิกฝ่ามือ ทุกอย่างอาจจะสำเร็จภายในค่ำคืน และเส้นทางด้านการแพทย์ของซือสิงก็จะยิ่งกว้างไกลมากขึ้น
ท้ายที่สุด มันไม่ง่ายเลยที่กลุ่มกระแสหลักจะยอมรับสิ่งที่ไม่ใช่กระแสหลัก แต่ถ้ากลุ่มใหญ่ของฝ่ายกระแสหลักยอมรับสิ่งเหล่านั้น ผู้คนด้านล่างก็จะยอมรับสิ่งเหล่านั้นโดยปริยาย
ในขณะที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังครุ่นคิดกับเรื่องยุ่งเหยิงเหล่านี้ ซุนซือสิงได้ทำการแหวกอกออกมาเป็นที่เรียบร้อย หลังจากเอาแหนบเล็ก ๆ แหวกซี่โครงที่วางอยู่บนหน้าอก ทำให้เห็นหัวใจดวงน้อยของกระต่ายที่กำลังเต้นอยู่
หัวใจดวงเล็กถึงเพียงนี้ ต้องนำมาวางบนฝ่ามือและนำขึ้นมาตรงหน้าเท่านั้นถึงจะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ซุนซือสิงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แว่นที่ดั้งจมูกของเขาทำให้สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ หลอดเลือด หรือเส้นประสาทก็ตาม
ซุนซือสิงใช้แหนบดึงเส้นประสาทที่บางราวกับเส้นผมอย่างแม่นยำ จากนั้นลอกลิ้นหัวใจออกมา ความเร็วและความแม่นยำจากมือของเขาทำให้ผู้คนประหลาดใจ
มีดผ่าตัดในมือของเขาโบกเป็นจังหวะราวกับว่ากำลังเต้นอยู่ในอากาศ โบกสะบัดไปบนผนังของหัวใจ แค่ได้เห็นก็รู้สึกเพลิดเพลินไปกับมัน
การผ่าตัดหัวใจเป็นความสวยงามชนิดหนึ่ง เรื่องนี้เป็นความจริง นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับซุนซือสิง นางเพียงชื่นชมการทักษะการใช้มีดของซุนซือสิง ด้วยการแสดงออกที่จริงจังและมั่นใจของซุนซือสิง การผ่าตัดครั้งนี้ทำให้ดูเหมือนการแสดงมากกว่า
แม้แต่เฟิ่งชิงเฉินเองยังรู้สึกชื่นชมและเพลิดเพลินไปกับมัน ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้คงไม่ต้องพูดถึง ไม่มีสิ่งใดสามารถปกปิดดวงตาอันเปล่งประกายของชื่อเลี่ยนฉุ่ยได้เลย และเขาแทบรอไม่ไหวที่จะลากซุนซือสิงมาไว้ตรงหน้าของเขา ส่วนกัวเป่าจี้ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ระงับความรู้สึกและอารมณ์ได้ดี แต่เวลานี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ไม่สามารถหลอกลวงใครได้
ความแข็งแกร่งกำหนดทุกสิ่ง หลังจากการกระทำของซุนซือสิง ไม่ว่าจะเป็นชื่อเลี่ยนฉุ่ยหรือกัวเป่าจี้ก็ไม่กล้าดูถูกเฟิ่งชิงเฉิน ไม่กล้ามองนางเป็นคนรุ่นหลัง และไม่กล้าที่จะปฏิบัติต่อนางด้วยความเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้
ขั้นตอนแรกในการปราบชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้ นางเป็นฝ่ายชนะ