นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 987 ปั่นป่วน,เสียงระเบิดเทียนเหล่ย

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 987 ปั่นป่วน,เสียงระเบิดเทียนเหล่ย

เครื่องหมุนเวียนโลหิตภายนอกร่างกายเป็นอุปกรณ์ที่ซุนซือสิงไม่เคยเห็นมาก่อน เห็นเฟิ่งชิงเฉินใช้อุปกรณ์ดังกล่าว จนเกือบทำแว่นที่เขาสวมให้หลุดออกจากจมูก

นี่มันช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก

และสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ยิ่งนักมากกว่านั้นก็คือหลังจากนี้ หลังจากไหลเวียนโลหิตได้ไม่กี่นาที เฟิ่งชิงเฉินปิดกั้นหลอดเลือดที่นำเลือดเข้าและออกจากหัวใจ ทั้งด้านบนและด้านล่าง ไปสู่กระบวนการไหลเวียนภายนอกร่างกายอย่างสมบูรณ์ แทนที่จะไหลเข้าสู่หัวใจ เลือดดำจะไหลเข้าสู้เครื่องหัวใจเทียมเพื่อทำความสะอาด จากนั้นก็ไหลกลับเข้ามาในร่างกายอีกครั้ง

แบบนี้ก็ได้งั้นหรือ?

ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้จ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่กะพริบตา ไม่แปลกเลยว่าทำไมองค์รัชทายาทจึงกล่าวออกมาว่า มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ เครื่องอัศจรรย์เช่นนี้ นอกจากเฟิ่งชิงเฉินแล้วยังมีใครสามารถทำได้อีกงั้นหรือ?

ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้มองหน้ากัน ความสงสัยปรากฏออกมาจากแววตาของพวกเขาอย่างพร้อมเพรียง เฟิ่งชิงเฉินเป็นใครกันแน่ เหตุใดนางถึงได้มีเครื่องมือที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้?

เครื่องมือชนิดนี้ อย่าว่าแต่การใช้งานเลย แม้แต่ชื่อของมันพวกเขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน มันช่างเป็นเรื่องมือที่ละเอียดอ่อน ไม่เหมือนกับเข็มหรือมีดผ่าตัด สิ่งเหล่านั้นพวกเขายังพอจะทำความเข้าใจได้ แต่เครื่องมือชิ้นนี้พวกเขาไม่อาจทำความเข้าใจกับมันได้จริง ๆ

ในใจอยากจะถามออกมา แต่พวกเขาก็ยังจำคำเตือนของเฟิ่งชิงเฉินได้ จึงทำได้เพียงระงับความสงสัยไว้ในหัวใจ

สิ่งที่ซับซ้อนที่สุดได้ผ่านไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินกำลังเตรียมขึ้นตอนที่ทำให้เลือดขององค์รัชทายาทเย็นลง เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกโชคดีที่การผ่าตัดดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงดังราวกับฟ้าร้องขึ้นมาจากด้านนอก

“บูม……บูม……” ราวกับว่าด้านหลังของภูเขากำลังสั่นสะเทือน

เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?

ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินซีดขาวลงในทันที รีบหยุดการเคลื่อนไหว เงยหน้าขึ้นมองออกไปด้านนอก

นางรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงดังกล่าวยิ่งนัก นี่มันคือเสียงระเบิดเทียนเหล่ย หากเป็นเพียงแค่เสียง นางยังสามารถปลอบใจตนเองได้ ว่านี่คือระเบิดเทียนเหล่ยของเสด็จอาเก้าที่เล็ดลอดออกไปทำให้เกิดเหตุสุดวิสัย แต่……

เมื่อเสียงระเบิดเทียนเหล่ยดังขึ้นมา เฟิ่งชิงเฉินสัมผัสได้ถึงการสั่นไหว ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินทำการผ่าตัด นางจะมีสมาธิเป็นอย่างมาก ถูกรบกวนจากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ยาก แต่สถานการณ์ในตอนนี้ มันกลับทำให้นางเสียสมาธิ

“แย่แล้ว มีคนบุกโจมตีเข้ามา” แม้ชื่อเลี่ยนฉุ่ยจะไม่รู้จักระเบิดเทียนเหล่ย แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นเขาก็สามารถทำความเข้าใจได้ เขาและกัวเป่าจี้มองหน้ากัน จากนั้นก็มองมาที่เฟิ่งชิงเฉิน

ปัญหาได้เกิดขึ้นแล้ว การผ่าตัดในวันนี้เกรงว่า……

“อาจารย์?” ซุนซือสิงรู้สึกตกใจกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้น หลังจากได้สติกลับคืนมา เขาก็มองมาที่เฟิ่งชิงเฉิน

เผชิญหน้ากับสายตาของทั้งสามคน หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความขมขื่น นี่มันเป็นฝีมือของผู้ใด เหตุใดถึงไม่มาหาเรื่องตั้งนาน ต้องมาหาเรื่องเวลานี้ด้วย มันช่างน่ารำคาญใจเสียจริง

เฟิ่งชิงเฉินเองก็รู้สึกร้อนใจ กลัวว่าการผ่าตัดอาจจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่แน่ชัด นางจึงกล่าวออกมาอย่างเงียบสงบเพื่อเป็นการปลอบใจว่า “ซือสิง เจ้าอย่ากังวล เรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอก พวกเราไม่ต้องไปสนใจ พวกเราแค่ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีก็พอแล้ว หากมีคำถามจากคนด้านนอก อาจารย์จะเป็นคนตอบคำถามเหล่านั้นแทนเจ้า อาจารย์ยังต้องการเวลาอีกสองชั่วโมง”

การผ่าตัดดำเนินมาถึงตรงนี้ ต่อให้เฟิ่งชิงเฉินคิดจะหยุดก็ไม่สามารถหยุดได้ เฟิ่งชิงเฉินมองไปยังองค์รัชทายาทที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด แอบคิดในใจ องค์รัชทายาทช่างโชคร้ายเหลือเกิน หากคนพวกนั้นบุกเข้ามาก่อนที่นางจะทำระบบไหลเวียนโลหิตภายนอกสำเร็จ นางยังพอจะมีวิธีหยุดการผ่าตัด แต่เวลานี้ ไม่ว่าจะทำเช่นไรนางก็ต้องทำการผ่าตัดให้สำเร็จจนได้

หลังจากตัดสินใจเป็นอันเรียบร้อย หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินก็นิ่งสงบ พูดออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ผู้อาวุโสทั้งสอง อาการป่วยขององค์รัชทายาทไม่อาจรอต่อไปได้ ข้าจำเป็นต้องทำการผ่าตัดต่อไป หากมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นมาจริง ๆ ผู้อาวุโสทั้งสองได้โปรดถ่วงเวลาให้กับข้าสักเล็กน้อย อย่างไรก็ห้ามให้ใครเข้ามาด้านในเป็นอันขาด”

หากประตูห้องผ่าตัดถูกระเบิดขึ้นมา ต่อให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก องค์รัชทายาทก็อาจจะตายเพราะการติดเชื้อ หากการผ่าตัดต้องมาล้มเหลวเพราะเหตุผลดังกล่าว พวกเขาทุกคนคงต้องเสียใจเป็นแน่

พูดไปพูดมา เฟิ่งชิงเฉินเคยผ่าตัดให้กับเหล่าทหารในสงครามอันดุเดือดมาไม่น้อย แต่นางก็ไม่เคยผ่าตัดเกี่ยวกับหัวใจภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มาก่อน การผ่าตัดครั้งนี้ช่างไม่ราบรื่นเสียเลย

ความสงบของเฟิ่งชิงเฉินลุกลามไปยังพวกของซุนซือสิงทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว ชื่อเลี่ยนฉุ่ยกล่าวออกมาว่า “แม่นางเฟิ่งวางใจ หากพวกข้ายังมีลมหายใจ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้ามาได้ทั้งนั้น”

ในฐานะหมอ ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้มีคุณธรรมเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่มีวันปล่อยคนไข้เป็นอันขาด

มีสองคนนี้คอยคุ้มกัน เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกวางใจเป็นอย่างมาก นางไม่สามารถทำอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอกได้ แต่นางมั่นใจว่าเสด็จอาเก้าสามารถรับมือกับมันได้ สิ่งที่นางทำได้ก็คือ ทำการผ่าตัดให้เร็วที่สุดเพื่อรักษาชีวิตขององค์รัชทายาทเอาไว้

เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่ทั้งสามคนอย่างลึกซึ้ง ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น ดำเนินการผ่าตัดต่อไป และในเวลานั้นเอง เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านนอกของห้องผ่าตัด จากนั้นเสียงของเสด็จอาเก้าก็ดังขึ้นมาจากด้านนอกว่า “ชิงเฉิน เจ้าไม่ต้องกังวล สถานการณ์ภายนอกอยู่ในการควบคุมของข้า เจ้าเป็นห่วงแค่เรื่องการผ่าตัดอย่างเดียวก็พอ เรื่องอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”

“เสด็จอาเก้า ท่านวางใจ ท่านอาจารย์ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด ท่านอาจารย์บอกว่านางต้องการเวลาอีกสองชั่วโมง ไม่ว่าต้องทำเช่นไร ท่านต้องถ่วงเวลาให้ท่านอาจารย์ให้ได้อย่างน้อยสองชั่วโมง” ซุนซือสิงเห็นเฟิ่งชิงเฉินกำลังลดอุณหภูมิเลือดให้กับองค์รัชทายาท รู้ว่านางปิดกั้นสิ่งเร้าภายนอก มีสมาธิอยู่กับการผ่าตัด ดังนั้นจึงตอบคำถามออกไปแทน

“ข้าเข้าใจแล้ว” เมื่อเห็นว่าคนตอบคำถามเป็นซุนซือสิง แม้เสด็จอาเก้าจะมองไม่เห็น แต่เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าเฟิ่งชิงเฉินในตอนนี้น่าจะกำลังปิดกั้นสิ่งเร้าภายนอก สมาธิของนางมุ่งไปที่การผ่าตัดเท่านั้น

เช่นนี้ก็ดีแล้ว เขาจะได้รับมือกับคนที่บุกเข้ามาอย่างสงบ

เนื่องจากไม่มีใครคิดว่าจะมีคนบุกเข้ามาในเวลานี้ ต้องบอกเลยว่าเป็นช่วงเวลาที่บังเอิญยิ่งนัก ใบหน้าของเสด็จอาเก้าเต็มไปด้วยความสงสัย ออกคำสั่งกับทหารคนสนิทว่า “ปกป้ององค์รัชทายาท ห้ามออกห่างจากตรงนี้แม้เพียงครึ่งก้าว”

“ขอรับ”

เสด็จอาเก้าทิ้งทหารคนสนิทและสายลับของเขาไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะต้องทำเช่นไรก็ไม่อาจปล่อยให้ใครบุกเข้ามาทำลายห้องผ่าตัดได้

หลังจากออกคำสั่งเป็นที่เรียบร้อย เสด็จอาเก้าก็ออกเดินทางไปกับผู้ติดตามสี่คน มุ่งหน้าไปยังนอกพำนัก ผู้มาเยือนเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี และยังมียอดฝีมือมากมาย แค่ชิงอ๋องเพียงคนเดียวไม่อาจต้านทานได้เป็นเวลานาน

ระเบิดเทียนเหล่ย!

ฮึ……ดวงตาของเสด็จอาเก้าเต็มไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า เขาคิดไม่คิดมาก่อนว่า การแกล้งป่วยของเขาจะสามารถตบตาจักรพรรดิได้ตลอด แต่ท้องฟ้านั้นสูง จักรพรรดิอยู่ห่างไกล มันทำได้เพียงยืดเวลาเท่านั้น แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนของจักรพรรดิจะปรากฏตัวออกมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อที่จะรวบตัวเขาและองค์รัชทายาทในคราวเดียว ถึงขั้นนำระเบิดเทียนเหล่ยที่ไม่เคยถูกใช้งานออกมา ช่างเป็นการลงทุนอันยิ่งใหญ่เสียจริง

เมื่อเสด็จอาเก้ามาถึง ชิงอ๋องได้พาเหล่าองครักษ์ของเขาออกมาจากพำนักแล้ว ต่อสู้กับอีกฝ่ายที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ เวลานี้เสด็จอาเก้ารู้สึกว่าตนเองโชคดีเป็นอย่างมาก เนื่องจากแม่น้ำที่อยู่หน้าลานพำนักของเขาค่อนข้างกว้าง ไม่อย่างนั้นตอนที่ระเบิดเทียนเหล่ยระเบิดออกมา เกรงว่าพวกเขาคงจะแย่มากไปกว่านี้

บูม……เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง น้ำในแม่น้ำสาดกระเซ็น เกิดคลื่นบนผิวน้ำขนาดใหญ่ ระเบิดเทียนเหล่ยถูกโยนออกมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าเป็นสิ่งไร้ค่า จะทิ้งหรือว่าใช้งานก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ

น้ำในแม่น้ำพุ่งสูงขึ้น ร่างกายของเหล่าทหารที่ออกไปสู้กันในตอนแรกเปียกโชก หลายคนเนื่องจากอยู่ใกล้กับแรงระเบิดมากเกินไป ทำให้ถูกพัดออกไปโดยตรง และสถานการณ์นี้ก็ไม่เอื้ออำนวยต่อเสด็จอาเก้าเสียเท่าไหร่

ตงหลิงชิงอ๋องพุ่งไปด้านหน้า หลบระเบิดเทียนเหล่ยพร้อมกับคิดว่าจะรับมือกับฝั่งตรงข้ามอย่างไร ในเวลานี้หากเผชิญหน้ากันโดยตรงไม่มีทางรับมือไหวเป็นแน่ อีกฝ่ายมีระเบิดเทียนเหล่ยและมีจำนวนคนมากกว่า สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถพึ่งพาได้คือชัยภูมิที่ดีกว่า

ตงหลิงชิงอ๋องวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงสั่งให้คนใช้เครื่องทุ่มหินยิงหินออกไป พร้อมกับตั้งรูปกระบวน แต่ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า วิธีนี้คงไม่สามารถต้านไว้ได้นานสักเท่าไหร่ อีกไม่นานอีกฝ่ายก็น่าจะระเบิดเส้นทางนองเลือด สร้างสะพานเดินน้ำอันเรียบง่าย สังหารศัตรูที่อีกฝั่งของแม่น้ำ หากพวกเขาบุกเข้ามาได้ ถึงเวลานั้นจะสามารถถ่วงเวลาได้ถึงสองชั่วโมงหรือไม่ เรื่องนั้นก็คงพูดได้ยาก……

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท