นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 988 ถ่วงเวลา,เส้นแห่งชีวิตและความตาย

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 988 ถ่วงเวลา,เส้นแห่งชีวิตและความตาย

ทันทีที่เสด็จอาเก้าปรากฏตัวออกมา ฝ่ายตรงข้ามที่อยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำก็สังเกตเห็นทันใด และเป้าหมายของพวกเขาก็คือเสด็จอาเก้า เห็นการปรากฏตัวของเสด็จอาเก้า ผู้นำของอีกฝ่ายออกคำสั่ง ให้เหล่าทหารกว้างระเบิดเทียนเหล่ยออกมา เล็งไปยังเสด็จอาเก้า เพื่อจะเอาชีวิตของเขา

“ท่านอ๋อง ระวัง” ผู้ติดตามของเสด็จอาเก้าตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก รีบเข้ามาปกป้องเสด็จอาเก้าไว้ตรงกลาง

“ไป ไปเอาน้ำมันมา” ใบหน้าของเสด็จอาเก้ายังคงนิ่งสงบ ไม่สนใจระเบิดเทียนเหล่ยที่อยู่ตรงหน้า ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด

ผู้ติดตามได้ยินเช่นนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าเสด็จอาเก้าต้องการทำสิ่งใด พวกเขาจึงรีบไปดำเนินการทันที แต่ก่อนที่จะไปดำเนินการ เขาก็สั่งมากำชับทหารอีกกลุ่มที่อยู่ด้านข้างเสด็จอาเก้า “ปกป้องท่านอ๋องเอาไว้”

“ไม่เป็นไร” แม้เสด็จอาเก้าเพิ่งจะมาถึง แต่เขาก็ได้เห็นทุกอย่างที่ควรเห็น แม้ว่าระเบิดเทียนเหล่ยเหล่านี้จะมีพลังระเบิดอันรุนแรง แต่พลังทำลายของมันก็ยังคงด้อยกว่าหลี่เซี่ยงที่ใช้ออกมาตรงหน้าประตูเมือง

หากเขาเดาไม่ผิด จักรพรรดิน่าจะทำการค้นคว้าและผลิตระเบิดเทียนเหล่ย ไม่เช่นนั้นจักรพรรดิคงไม่สิ้นเปลืองถึงเพียงนี้

“เสด็จลุงเก้า” ภายใต้การคุ้มครองทหารองครักษ์ ตงหลิงชิงอ๋องวิ่งเข้ามาตรงหน้าของเสด็จอาเก้า จากนั้นถามอย่างร้อนรนว่า “เสด็จพี่เป็นอย่างไรบ้าง?”

เกิดเรื่องขึ้นด้านนอกของลาน สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือองค์รัชทายาท กลัวว่าเฟิ่งชิงเฉินจะได้รับอิทธิพลจากผลกระทบภายนอก และทำให้การผ่าตัดผิดพลาด

“ทุกอย่างยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเฟิ่งชิงเฉินอยู่ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล” เสียงของเสด็จอาเก้าเยือกเย็น ขณะเดียวกัน เขาสั่งให้ทหารถอยกลับมา มีเพียงลูกธนูเท่านั้นที่ป้องกันการบุกของอีกฝ่าย และเมื่อเห็นทางฝั่งของเสด็จอาเก้าถอยกลับไปเช่นนี้ อีกฝั่งก็บุกเข้ามาอย่างดุเดือด จำนวนคนหนาแน่น สุดลูกหูลูกตา

“เสด็จพ่อรวบรวมกำลังพลในพระราชวังออกมามากมายถึงเพียงนี้เลยงั้นหรือ? เขาอยากได้ชีวิตของพวกเรามากขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?” ตงหลิงชิงอ๋องเองก็ไม่ใช่คนโง่ ทันทีที่อีกฝ่ายลงมือ เขาก็รู้ว่ามันเป็นคำสั่งของใคร

“สิ่งที่จักรพรรดิต้องการคือชีวิตของข้า” องค์รัชทายาทเป็นเพียงสิ่งไม่คาดฝัน แม้หัวใจของจักรพรรดิจะดุร้าย แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะสังหารลูกชายของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น องค์รัชทายาทไม่มีค่าพอที่จะให้จักรพรรดิลงมือสังหาร

“แต่ข้ากับเสด็จพี่ก็อยู่ที่นี่ เสด็จพ่อไม่สนใจพวกข้าเลยงั้นหรือ?” แผ่นหลังของตงหลิงชิงอ๋องเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เขารู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกรักของจักรพรรดิ แต่เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจักรพรรดิจะมาเอาชีวิตของเขาเช่นนี้

“เพราะพวกเจ้าใกล้ชิดกับข้ามากเกินไป” ดังนั้นจักรพรรดิจึงสังหารพวกเขาพร้อมกัน หากเขาเป็นจักรพรรดิ เขาเองก็คงทำเช่นนี้ ตงหลิงไม่ได้ขาดแคลนองค์รัชทายาท แต่การที่จะหาโอกาสดี ๆ เช่นนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย

ตงหลิงชิงอ๋องหมดคำจะพูด ในใจของเขาเต็มไปด้วยความหนาวเย็น แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องพวกนี้ ตงหลิงชิงอ๋องชี้ไปยังสนามรบที่เต็มไปด้วยฝุ่นและกองทัพของศัตรูที่กำลังข้ามแม่น้ำ เขากล่าวออกมาอย่างร้อนรนว่า “เสด็จอาเก้า จะถอยมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ศัตรูกำลังจะข้ามแม่น้ำ หากพวกเรายังไม่ลงมือ เมื่อพวกเขาข้ามมาแล้ว พวกเราก็ไม่อาจต้านทานไว้ได้”

“ไม่ต้องรีบร้อน รอให้พวกเขาขึ้นสะพานก่อน” เสด็จอาเก้าเป็นคนที่ประเมินสถานการณ์รอบด้าน ในสนามรบอันดุเดือด ท่าทางของเขายังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย เขาไม่ได้สนใจหรือตื่นตระหนกกับการกระทำของฝ่ายตรงข้าม และจุดนี้ เป็นสิ่งที่ตงหลิงชิงอ๋องละอายใจและไม่อาจเทียบเทียมได้

ตงหลิงชิงอ๋องร้อนรน แต่ทำได้เพียงระงับความร้อนรนในใจของเขาเอาไว้ สั่งให้ทหารตอบโต้ ห้ามไม่ให้ศัตรูข้ามแม่น้ำมาเป็นอันขาด จนกระทั่งคนของเสด็จอาเก้านำน้ำมันออกมาเทลงไปในแม่น้ำ ตงหลิงชิงอ๋องถึงรู้ว่าเสด็จอาเก้าต้องการทำสิ่งใด

ก่อนหน้านี้ คนพวกนี้เคยเทน้ำมันลงบนแม่น้ำเล็ก ๆ ในโรงเลี้ยงสัตว์หลวง วันนี้พวกเขาก็สามารถทำเช่นเดียวกันได้ ชอบใช้ระเบิดเทียนเหล่ยมากไม่ใช่หรือไง เช่นนั้นก็ลองดูว่าเมื่อระเบิดเทียนเหล่ยสัมผัสกับน้ำมัน มันจะเกิดอะไรขึ้น……

น้ำมันถูกเทลงแม่น้ำ มันปกคลุมอยู่ทั่วผิวน้ำ แม้ว่าทหารของอีกฝ่ายจะสังเกตเห็น แต่พวกเขาก็ไม่อาจตอบสนองได้ทัน ไม่จำเป็นต้องรอให้เสด็จอาเก้าสั่งจุดไฟ ระเบิดเทียนเหล่ยหนึ่งลูกพุ่งเข้ามา ระเบิดออกบนผิวน้ำ เสียงโครมครามดังสนั่น เปลวไฟแผดเผาไปทั่วผิวน้ำทันที

“อร๊าก……” เหล่าทหารที่กำลังข้ามสะพานถูกเผาไหม้ในทันที พวกเขาตกลงไปในน้ำ ร่างกายเต็มไปด้วยเปลวไฟราวกับถูกกลืนกิน

“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย” ทหารที่ตกลงไปในแม่น้ำพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ในวินาทีนั้น พวกเขาถูกเปลวไฟกลืนกินจนไม่เหลือซาก เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วท้องฟ้า เปลวไฟที่โหมกระหน่ำทำให้พื้นน้ำกลายเป็นสีแดง ทหารที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำเห็นเช่นนั้นก็รีบให้คนเก็บระเบิดเทียนเหล่ยทันที สั่งถอยทัพและหาเส้นทางอื่นในการข้าแม่น้ำ

แม่น้ำที่ยาวถึงเพียงนี้ ตรงจุดนี้มีเปลวไฟเผ่าไหม้อยู่ พวกเขาก็แค่เลือกเส้นทางอื่นในการข้ามก็เพียงพอ วันนี้ไม่ว่าจะต้องสูญเสียมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ต้องจบชีวิตของเสด็จอาเก้าไว้ที่แห่งนี้ให้จงได้ ไม่อย่างนั้นคนที่ต้องตายคงเป็นพวกเขาเอง

“กองทหารผจญเพลิงพร้อม!” ผู้นำเปลี่ยนสนามรบ และสั่งให้เหล่าทหารรุดหน้าต่อไป

ด้านอื่น ๆ ของลานหน้าพำนักของเสด็จอาเก้านั้นล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำ ด้านหลังของพำนักเป็นภูเขาสูง พวกเขาไม่สามารถหาหนทางได้เป็นแน่ คิดจะบุกเข้ามาในสถานที่ของเขา นอกจากบุกประจันหน้าเข้ามาก็ไม่มีทางเลือกอื่น แม่ทัพคิดว่า ตนเองนำทหาร อาวุธและยุทโธปกรณ์มาตั้งมากมาย แม้ว่าการบุกประจันหน้าจะต้องมีการสูญเสียไปบ้าง แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็สามารถบุกพำนักของเสด็จอาเก้าสำเร็จอยู่ดี

หากพวกเขาเปลี่ยนสถานที่ในการโจมตี ภายใต้สถานการณ์เช่นเดียวกันนี้ พวกเขาจะได้รับชัยชนะเป็นแน่ แต่สถานที่ซึ่งพวกเขาโจมตีอยู่ในเวลานี้ มันคือสถานที่ของเสด็จอาเก้า

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในฐานลับของเสด็จอาเก้า แน่นอนว่าอาวุธที่เสด็จอาเก้าเก็บซ่อนไว้ที่แห่งนี้เองก็มีจำนวนไม่น้อย ลำพังเพียงน้ำมันอย่างเดียวก็มีมากมายจนใช้ไม่หมด ไม่นานพื้นน้ำก็เต็มไปด้วยน้ำมัน

กองทัพของศัตรูกลัวน้ำมันที่อยู่บนผิวน้ำ แต่เมื่อคิดว่าทันทีที่น้ำมันเหล่านั้นถูกเผาไหม้จนหมด พวกของเสด็จอาเก้าก็ไร้ซึ่งหนทางหนี ดังนั้นผู้นำทัพของศัตรูจึงสั่งออกมาว่า “ยิงธนูไฟออกไป”

ควับ ควับ ฟิ้ว……. ลูกธนูเปลวไฟถูกยิงลงบนผิวน้ำ เปลวไฟพุ่งสูงขึ้นในทันใด แม่น้ำทั้งสายกลายเป็นสีแดง อุณหภูมิโดยรอบสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เปลวไฟเต้นระบำอยู่บนอากาศ สายลมพลิ้วไหว มองแล้วอาจเป็นฉากอันงดงาม

“เสด็จอาเก้า” ตงหลิงชิงอ๋องเห็นเช่นนี้จึงตะโกนออกมา

อีกฝ่ายกำลังทำให้พวกเขาหมดหนทาง หมดอาวุธและวิธีการรับมือ เนื่องจากเป็นเพียงแค่สถานที่อยู่อาศัยเล็ก ๆ ไม่ว่าอาวุธจะมีมากแค่ไหนก็คงเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้

“จะร้อนรนอะไร ปล่อยให้มันเผาไหม้ไปอย่างนั้น นำหินจากเครื่องทุ่มหินลงมา” เสด็จอาเก้าจ้องมาที่ตงหลิงชิงอ๋องเพื่อทำให้เขาสงบสติอารมณ์ ในใจของเขากำลังวางแผนว่าจะถ่วงเวลาอย่างไร และจะสามารถถ่วงเวลาได้ถึงสองชั่วโมงหรือไม่

“ขอรับ”

หินจำนวนมากถูกนำออกมา จากนั้นเสด็จอาเก้าก็สั่งให้คนใส่มันลงไปในถุง นี่เป็นวิธีการที่เฟิ่งชิงเฉินเคยใช้มาก่อนหน้านี้ตอนที่เตรียมตัวจะทำลายเผ่าเสวียนเซียวกง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้มัน เขาจึงสั่งให้คนทำของเลียนแบบและจัดเตรียมมันไว้ ณ ที่แห่งนี้

เขาเป็นคนชอบเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้อยู่เสมอ เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แม้ว่าจะเป็นเพียงที่พักธรรมดา แต่ก็มีอุปกรณ์ครบครัน และมีการวางแผนป้องกันต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้า เขาไม่เคยให้คำมั่นสัญญาโดยไม่ไตร่ตรอง และจะไม่สู้หากไม่มีโอกาสชนะ และสิ่งที่เขาทำก็คือความชั่วร้ายอันแสนจะลึกซึ้ง

ถุงบรรจุหินได้ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย แต่เสด็จอาเก้ายังคงไม่ให้คนปล่อยมันออกไป ตงหลิงชิงอ๋องเห็นว่าความรุนแรงของเปลวไฟบนผิวน้ำค่อย ๆ ลดลง ความได้เปรียบของพวกเขากำลังจะหายไป ตงหลิงชิงอ๋องรู้สึกร้อนรนเป็นอย่างมาก แต่เห็นท่าทางอันนิ่งสงบของเสด็จอาเก้า เขาก็ระงับความคิดไว้และไม่พูดออกไป

ในความเป็นจริง ตงหลิงชิงอ๋องรู้สึกกระวนกระวายมากเกินไป หากเขาสงบสติอารมณ์ได้มากกว่านี้ เขาจะรับรู้ได้ทันทีว่าเพียงแค่พวกเขาไม่อาจต้านทานฝ่ายตรงข้ามได้ แค่สามารถถ่วงเวลาไว้ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

อีกฝ่ายมีอย่างน้อยห้าพันคน แต่ทางฝั่งของพวกเขายังมีไม่ถึงหนึ่งพันคนเลยด้วยซ้ำ และในลานก็มีเพียงแค่องครักษ์ ไม่ใช่ทหารม้าทมิฬที่สามารถรับมือได้แบบหนึ่งต่อพัน

ภายใต้สถานการณ์ที่อีกฝ่ายมีระเบิดเทียนเหล่ยอยู่ในมือ แน่นอนว่าองครักษ์ทางฝั่งของเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย ต่อให้สู้จนสุดชีวิต พวกเขาก็ยังเอาชนะไม่ได้อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ชนะแล้วอย่างไร ในเมื่อจักรพรรดิรู้แล้วว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ ทางลงเขาต้องมีทหารคอยซุ่มโจมตีอยู่เป็นแน่ ต่อให้พวกเขาเอาชนะทหารกลุ่มนี้ไปได้ ก็ยังมีทหารอีกกลุ่มหนึ่งที่รอบุกเข้ามา และพร้อมที่จะลากพวกเขาไปสู่ความตาย

แน่นอน หากไม่ใช่เพราะองค์รัชทายาทกำลังได้รับการผ่าตัดอยู่ เสด็จอาเก้าไม่มีทางสู้กับคนของจักรพรรดิเป็นแน่ เขาคงหาทางหนีไว้ตั้งแต่แรก เวลานี้สิ่งที่เขาต้องทำไม่ใช่การเอาชนะอีกฝ่าย แต่เป็นการถ่วงเวลาจนเฟิ่งชิงเฉินทำการผ่าตัดสำเร็จ

เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าคงต้องเร่งมือแล้ว!

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท