นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1075
งูยักษ์ถูกสังหารด้วยการร่วมมือกันระหว่างเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน เพียงแต่ห้องรับรองของจวนเฟิ่งได้กลายเป็นซากปรักหักพังจากการต่อสู้ครั้งนี้
“เป็นปีศาจตัวน้อยผู้ชั่วร้ายอย่างที่คิด” เฟิ่งชิงเฉินยกเท้าขึ้นมาเตะเจ๋อเจ๋อที่นอนอยู่บนพื้น
โปรดยกโทษให้กับพฤติกรรมที่เป็นเด็กและระมัดระวังของนางด้วย ไม่มีใครยังรู้สึกดีอยู่ได้เมื่อเห็นว่าบ้านของตนเองถูกทำลาย แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เรือนด้านหน้า แต่นางก็ยังโกรธอยู่ดี ต้องรู้ก่อนว่าบ้านของนางยังสร้างขึ้นมาได้ไม่ถึงหนึ่งปีเลยด้วยซ้ำ
“หลังจากนี้ค่อยไปคิดค่าเสียหายกับเขา” เสด็จอาเก้าเช็ดหน้าของเขาด้วยความขยะแขยง
ห้องรับรองพังทลาย แม้ว่าเขากับเฟิ่งชิงเฉินจะหนีออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ร่างกายของพวกเขาก็ยังคลุ้งไปด้วยฝุ่น ประกอบกับหยาดเหงื่อที่ไหลจากการต่อสู้ ฝุ่นเหล่านี้ติดอยู่บนใบหน้าของพวกเรา ซึ่งดูอึดอัดเป็นอย่างมาก
“ไม่ต้องรอหลังจากนี้ ข้าจะเรียกค่าเสียหายจากเขาตอนนี้เลย” เฟิ่งชิงเฉินเดินไปเรือนแยกด้านหลัง นำถังน้ำมาหนึ่งใบ สาดลงไปบนร่างกายของเจ๋อเจ๋อ
ซู้ว……
แม้ว่าวันนี้อากาศจะไม่ได้หนาวมากนัก แต่เมื่อถูกถังน้ำขนาดใหญ่สาดใส่หน้าก็ต้องรู้สึกเจ็บปวดเป็นธรรมดา เจ๋อเจ๋อตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาเบิกกว้าง แต่ยังคงพร่ามัวอยู่เล็กน้อย เขากะพริบตาสองสามครั้งก่อนที่จะลืมตาเต็มที่ ท่าทางของเขายังเต็มไปด้วยความงงงวย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“แคก แคก……” ไม่รู้ว่าสำลักน้ำหรือว่าเพราะอาการบาดเจ็บ เจ๋อเจ๋ออ้าปากและไอออกมา
“ฟื้นแล้วงั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินพูดออกไปอย่างเยือกเย็น มือทั้งสองข้างกอดอก มองเจ๋อเจ๋อลงไปจากที่สูง
เฟิ่งชิงเฉินได้เรียนรู้จากบทเรียนอันเจ็บปวดเมื่อครู่ นางจะไม่เห็นว่าเจ๋อเจ๋อเป็นเด็กอีกต่อไป นางคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ที่มีอาการป่วยทางจิต เช่นนั้นจึงจะสามารถปฏิบัติกับเขาได้อย่างไม่ระแวง
“พวกเจ้า……หงเหลียนของข้าอยู่ที่ไหน?” เจ๋อเจ๋อหรี่ตาลง ดวงตาของเขาเป็นสีแดงด้วยความกระหายเลือด เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของเขา มันสามารถทำให้คนรู้สึกหนาวเหน็บจากก้นบึ้งของหัวใจ
“เด็กตัวแค่นี้ แต่กลับมีจิตสังหารอันแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ เด็กคนนี้คงไม่ปกติเป็นแน่” ตี๋ตงหมิงรักษาระยะห่างจากเจ๋อเจ๋อสามก้าว เขาไม่อยากให้เหตุการณ์เหมือนเมื่อครู่เกิดขึ้นอีกครั้ง
“เขาก็ไม่ใช่เด็กปกติอยู่แล้ว ไม่มีเด็กคนไหนน่ากลัวไปกว่าเขาอีกแล้ว เขาน่ากลัวว่าปีศาจจอมชั่วร้ายที่ปรากฏตัวออกมาในปีวอกตอนนั้นเสียงอีก” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวเสริม
“บอกมา พวกเจ้าเอาหงเหลียนของข้าไปไว้ที่ไหน?” เจ๋อเจ๋อถามออกมาอีกครั้ง ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเต็มไปด้วยความบิดเบี้ยว ดวงตาที่สดใสของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ตายแล้ว” เสด็จอาเก้าตอบกลับไปอย่างว่างเปล่า
“พวกเจ้ากล้าสังหารหงเหลียนของข้าอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าจะต้องตาย” เจ๋อเจ๋อคำรามออกมาด้วยความโกรธด้วยความข่มเหงอย่างรุนแรง แต่ไม่รู้ว่าโกรธมากเกินไปหรือมั่นใจมากเกินไปกันแน่ เจ๋อเจ๋อพลิกตัว จากนั้นกระโดดและลุกขึ้นมาจากพื้น
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้า จากนั้นจะเอาศพของพวกเจ้าไปให้งูกิน”
“ปัง……” เจ๋อเจ๋อกดที่ข้อมือของเขา จากนั้นจู่ ๆ แหวนในมือของเขาก็ยืดออกอย่างกะทันหัน พุ่งตรงไปยังเฟิ่งชิงเฉิน
เท่านั้นยังไม่พอ เจ๋อเจ๋อไม่เพียงแต่ลงมือกับเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้น แต่เขายังใช้อาวุธลับชนิดเดียวกันโจมตีไปทางเสด็จอาเก้าและตี๋ตงหมิงอีกด้วย อาวุธลับเหล่านี้ก็มาจากสร้อยข้อมือและปลอกคอของเขา
“บ้าที่สุด บนร่างกายของเจ้าเด็กนี่มือแต่ของที่เอาไว้ฆ่าคนอย่างนั้นหรือ?” ครั้งนี้ตี๋ตงหมิงตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เขาหลบการโจมตีอย่างเรียบง่าย แต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เปลี่ยนเป็นอาวุธลับจะเคลื่อนไหวราวกับสิ่งมีชีวิต เมื่อพุ่งไปด้านหน้าและโจมตีไม่ถูกตี๋ตงหมิง มันก็วกกลับมาโจมตีจากด้านหลังอีกครั้ง
“ให้ตายเถอะ นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย” ตี๋ตงหมิงรีบชักดาบออกมา เสียงการปะทะกันดังขึ้น ฟันอาวุธลับกระเด็นออกมา แต่มันก็ยังวกกลับไปโจมตีเขาอีกครั้ง……
เมื่อเทียบกับเฟิ่งชิงเฉิน นางค่อนข้างรับมือได้ง่าย หยิบปืนออกมา……ปัง……เลือดสาดกระเซ็น
“นี่มัน มันเป็นสิ่งมีชีวิต” เฟิ่งชิงเฉินร้องออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็หันมามองอาวุธลับที่กำลังไล่ตามเสด็จอาเก้าและตี๋ตงหมิง รีบเล็งปืนไปที่มันและยิงออกไปเพื่อช่วยพวกเขา
“ฮู้ว……ในที่สุดก็หยุดสักที” ตี๋ตงหมิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในตอนที่คิดจะกล่าวขอบคุณเฟิ่งชิงเฉิน เขาเงยหน้าขึ้นเห็นเจ๋อเจ๋อถือมีดสั้นวิ่งเข้าหาเฟิ่งชิงเฉิน ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและบ้าคลั่ง
เป็นเด็กที่น่ากลัวยิ่งนัก
ตี๋ตงหมิงตะโกนออกมาว่า “ชิงเฉิน ระวัง”
“ควับ……” เสด็จอาเก้าตอบสนองได้รวดเร็วกว่าตี๋ตงหมิง ในตอนที่ตี๋ตงหมิงตะโกนออกมา เสด็จอาเก้าก็เข้าไปขวางอยู่ด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ยกมีดที่อยู่ในมือของเจ๋อเจ๋อขึ้น จับมือของเจ๋อเจ๋อ กลับทิศทางของมีด แทงเข้าไปยังร่างกายของเจ๋อเจ๋อ
“โอ้ย……” เจ๋อเจ๋อร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เจ็บงั้นหรือ?” เสด็จอาเก้ายกร่างของเจ๋อเจ๋อขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ทั้งสองสบตากันพอดี
เขาไม่มีนิสัยคุกเข่าเพื่อลงไปพูดคุยกับใคร และไม่ยินดีที่จะก้มหน้าลงไปด้วย
“เจ็บ” ใบหน้าของเจ๋อเจ๋อซีดขาว ไม่มีแม้แต่สีเลือด ซึ่งทำให้ดวงตาของเขามีเสน่ห์และแพรวพราวยิ่งขึ้น
วินาทีนั้นทำให้เฟิ่งชิงเฉินนึกถึงผีดูดเลือด
“รู้จักเจ็บก็ดี” เสด็จอาเก้าดึงมีดสั้นออกจากร่างกายของเจ๋อเจ๋ออย่างเยือกเย็น เลือดไหลออกมาจากร่างกายของเจ๋อเจ๋อ
“โอ้ยเจ็บ” เจ๋อเจ๋อนำมือไปกุมบาดแผลของเขาตามธรรมชาติ เหงื่อเย็นไหลออกมาจากร่างกายของเขา
เขารู้ว่าเมื่อคนถูกแทงด้วยมีด ใบหน้าของคนเหล่านั้นจะบิดเบี้ยว แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเจ็บปวดถึงเพียงนี้
“ร้องออกมาก็ไม่มีประโยชน์” เสด็จอาเก้าโยนเจ๋อเจ๋อลงบนพื้นอีกครั้ง จากนั้นตะโกนออกมาว่า “ทหาร เข้ามา”
“ท่านอ๋อง” หลังจากนั้นไม่นาน องครักษ์คนสนิทที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็เดินเข้ามา
“เปลื้องผ้าเขาออก เหลือไว้เพียงแค่ชิ้นเดียว จากนั้นไปมัดไว้หลังรถม้า” เสด็จอาเก้าชี้ไปที่เจ๋อเจ๋อและพูดออกมา
“เจ้ากล้างั้นหรือ” เจ๋อเจ๋อกล่าวออกไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
เสด็จอาเก้าหันไปมองเขาด้วยสายตาดูถูก และองครักษ์คนสนิทของเขาก็เลือดเย็นไม่ต่างจากเขา ไม่สนใจว่าเจ๋อเจ๋อเป็นเพียงแค่เด็ก ไม่สนใจว่าเจ๋อเจ๋อจะดิ้นรนมากเพียงใด เข้าไปถอดเสื้อผ้าของเจ๋อเจ๋อออกอย่างไม่รอรี
เมื่อถอดเสื้อผ้าออก เฟิ่งชิงเฉินก็เห็นว่าบนร่างกายของเจ๋อเจ๋อยังมีอุปกรณ์ที่สามารถสังหารผู้คนได้อีกห้าถึงหกชิ้น
นี่มันมืออาชีพเสียยิ่งกว่าโจ่วอั้นเสียอีก
“กางเกงในก็ถอดออกมาด้วย นำสิ่งของที่อยู่บนร่างกายของเขาออกมาให้หมด และตัดผมให้เขา” ตอนแรกเสด็จอาเก้ายังอยากจะไว้ให้เจ๋อเจ๋ออยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นอุปกรณ์ที่ใช้สังหารมากมายบนร่างกายของเด็กคนนี้ เขาจึงต้องลงมืออย่างเหี้ยมโหด
“ปล่อยข้า ปล่อยข้า หากยังไม่ปล่อยข้า ข้าจะสังหารพวกเจ้าให้หมด ไม่ได้ยินหรือไม่ ข้าจะสังหารพวกเจ้าให้หมด” เจ๋อเจ๋อไม่สนความเจ็บปวดบนร่างกาย ดิ้นรนไม่ยอมหยุด
การเคลื่อนไหวของเขายิ่งทำให้เลือดไหลออกมามากขึ้น บาดแผลบนร่างกายก็ยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวด เสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินรวมถึงตี๋ตงหมิง พวกเขาทำเหมือนว่ามองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เด็กคนนี้ไม่ควรค่าแก่การสงสาร หากสงสาร คนที่โชคร้ายคงเป็นตัวของพวกเขาเอง
ในไม่เจ๋อเจ๋อก็ยืนเปลือยเปล่าต่อหน้าพวกเขาทั้งสามคน หลังจากองครักษ์คนสนิทนำอาวุธลับและยาพิษออกมาจากร่างกายของเจ๋อเจ๋อจนหมด เขาก็สวมเสื้อผ้าให้เจ๋อเจ๋อ
เด็กอายุหกขวบก็รู้จักอายเหมือนกัน ต่อให้เสด็จอาเก้าโหดร้ายแค่ไหนเขาก็ไม่แย่ถึงขนาดนั้น การเปลือยกายของเจ๋อเจ๋อนั้นถือเป็นทางเลือกสุดท้าย
เสื้อผ้าถอดง่าย แต่การตัดผมนั้นแตกต่างกันออกไป เจ๋อเจ๋อดิ้นรนอย่างสุดชีวิต เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้เป็นอย่างมาก เสด็จอาเก้าก้าวออกไปด้านหน้าเพื่อสกัดจุด เจ๋อเจ๋อไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ทำได้เพียงอยู่นิ่ง ๆ และปล่อยให้องครักษ์ของเสด็จอาเก้าตัดผมของเขา
ปะตะ ปะตะ… ทุกครั้งที่ปอยผมร่วง เชือกลูกตาหล่นลงมา เด็กตัวเล็กร้องไห้อย่างเงียบ ๆ มันช่างเป็นภาพที่ทำให้คนปวดใจ แต่เมื่อเฟิ่งชิงเฉินนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ นางเกือบจะถูกฆ่าด้วยเนื้อมือของเจ๋อเจ๋อ นางก็ไม่อาจรู้สึกสงสารเขาได้
ไม่เพียงแค่นั้น เสด็จอาเก้ายังพูดออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “ร้องไห้? ร้องไห้แล้วจะมีประโยชน์อะไร? คนพวกนั้นล้วนแต่เป็นคนที่ถูกเจ้าฆ่า หรือว่าพวกเขาไม่เคยร้องไห้มาก่อน? และเจ้าเคยใจอ่อนบ้างไหม? นายน้อยเจ๋อเจ๋อ จำคำพูดของข้าเอาไว้ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยทำกับพวกเขาอย่างไร หลังจากนี้ข้าจะทำเช่นนั้นกับเจ้า แต่ว่ามีเรื่องที่เจ้าสามารถสบายใจได้ ข้าไม่ใช่เจ้า ดังนั้นข้าไม่มีทางฆ่าเจ้าเป็นอันขาด ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อไป มีชีวิตที่ดีต่อไป”
คำพูดนี้มันน่ากลัวเสียยิ่งกว่าการฆ่าเจ๋อเจ๋อ ไม่ว่าเจ๋อเจ๋อจะอายุน้อยแค่ไหนเขาก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่เสด็จอาเก้าพูดออกมาได้ ร่างกายของเขาสั่นเทา แต่หลังจากนั้นก็โกรธและตะโกนออกมาว่า “ไม่ได้ ไม่ได้เป็นอันขาด เจ้าไม่สามารถทำเช่นนั้นกับข้าได้ ข้าเป็นนายน้อยแห่งลัทธิปีศาจ คนพวกนั้นเป็นเพียงแค่สามัญชนไร้ค่า ข้าคิดจะฆ่า ข้าก็ฆ่า หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายผม ข้าจะฆ่าเจ้าในทันที หั่นเนื้อของเจ้าออกมาทีละชิ้น จากนั้นก็ป้อนมันให้เจ้ากิน”
“ปณิธานแน่วแน่ยิ่งนัก ข้าจะรอดู”