ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 164
“เพคะ! หม่อมฉันมันบ้า ในเมื่อท่านไม่ให้อ๋องแปดกลับมา ข้าอยู่คนเดียวมันน่าเบื่อ ให้ข้าตายไปซะยังดีกว่า”
นางพูดสองคำสุดท้ายอย่างเย็นชาและแน่วแน่ จากนั้นนางก็ยกกระโปรงขึ้น รีบวิ่งเข้าไปชนกับเสาในห้องโถง
ฮองเฮาตกใจมาก และตรัสว่า “เร็วเข้า ไปจับตัวนางไว้!”
ซุนกงกงรีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยสายตาที่เฉียบคม แต่นางสามารถดึงเสื้อผ้าของกุ้ยไท่เฟยได้ เท่านั้น
ฮองเฮามองดูเลือดที่ไหลออกมาจากหน้าผากของนาง และร่างกายที่ค่อย ๆ ร่วงหล่น และกรีดร้องว่า “เร็วเข้า หมอหลวง เรียกหมอหลวงไป!”
ณ ลานบ้านชานเมืองหลวง
ซูชิงเพิ่งกลับมาจากในเมืองและซื้อสมุนไพรและอาหารบางอย่าง ส่วนยามที่ทำตัวเป็นช่างตัดไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ก็ได้ล่ากระต่ายตัวหนึ่ง และนำมันกลับมาให้เขา
ซูชิงเดินเข้าไปในประตู และพูดกับเซียวท่า “หวงไท่โฮ่วได้มีพระราชโองการให้อ๋องหนานหวายกลับมายังเมืองหลวงแล้ว”
เซียวท่าตกใจเล็กน้อย “จริงหรือ?”
“มีราชโองการแล้ว ได้ยินว่ากุ้ยไท่เฟยเข้าวังมาชนเสาเพื่อบีบบังคับ หวงไท่โฮ่วจําต้องออกราชโองการ ตอนที่กุ้ยไท่เฟยชนเสา นอกตําหนักมีขุนนางบุ๋นบู๊หลายคนคุกเข่าบอกว่าจะเชิญ หวงไท่โฮ่วมาบริหารราชการแผ่นดิน อันที่จริงขุนนางเหล่านี้ล้วนมาจากพรรคพวกขององค์รัชทายาท พวกเขากำลังบังคับไท่โฮ่ว ปล่อยให้องค์รัชทายาทดูแลบ้านเมือง” ซูชิงพูดพลางถอดของออกแล้วลดเสียงลง “เบาหน่อย ข้าเกรงว่าท่านอ๋องจะได้ยิน”
“หลับแล้ว เซี่ยจื่ออานกําลังช่วยเขาเปลี่ยนยาอยู่” หลังจากเซียวท่าพามู่หรงเจี๋ยออกไป เขาก็ไม่ได้พบกับองค์ชายอาน แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าหนี่หรงพูดอะไร
ซูชิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านอ๋องไม่ชอบอ๋องหนานหวาย ถ้ารู้ว่าเขาจะกลับมาเมืองหลวง เขาจะไม่พอใจอย่างแน่นอน
จื่ออานทำความสะอาดหนองจากบาดแผลภายใน นางถอนหายใจเบา ๆ ในใจ หัวหน้าใหญ่สองคนนี้ ไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยิน หรืออย่างน้อยก็ควบคุมระดับเสียงได้ใช่ไหม?
ผู้สำเร็จราชการยังไม่ได้หลับสนิท?การขูดแผลนั้นเจ็บปวดมาก ถ้าเขาสามารถนอนหลับได้แบบนี้ ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
จื่ออานคาดเดาบางสิ่งบางอย่างในใจ ดังนั้นมู่หรงเจี๋ยได้ยินคำพูดของซูชิงก็รู้สึกไม่สบายใจ เขายังไม่ตาย และเหล่าขุนนางก็ได้ไปบีบบังคับหวงไท่โฮ่วแบบนี้
คนยังไม่ได้จากไปไหน ยังอยู่ตรงนี้
นางแอบมองไปที่ใบหน้าของมู่หรงเจี๋ย ไม่รู้ว่ามู่หรงเจี๋ยลืมตาขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่แววตาแฝงไว้ด้วยจิตสังหาร
จื่ออานตกใจ ก้มศีรษะลงทันทีราวกับว่ามองไม่เห็นเขา
มู่หรงเจี๋ยพูดเสียงเรียบว่า “เจ้าเป็นหมอ ทำหน้าที่หมอของเจ้าให้ดี”
“เพคะ!” จื่ออานตอบ แต่ในใจกลับอดเศร้าแทนเขาไม่ได้ แม้หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว เขากลับเมืองหลวงก็สามารถจัดการทุกอย่างได้ แต่ทุกวันนี้ทุกคนในเมืองหลวงรู้ว่าเขาตายแล้ว แต่กลับไม่มีใครเศร้าแทนเขา คิดแต่จะแย่งอํานาจในมือเขามา
เพราะความสงสารนี้ นางจึงลงมือเบาลงเล็กน้อย เขารู้สึกถึงมันจึงจ้องนางเขม็ง แล้วยิ้มขึ้นทันที “เจ้าสงสารข้าหรือ?”
จื่ออานหน้าแดง “ความเจ็บปวดไม่ตายเท่ากับใจเราที่อ่อนโยน”
ณ ยอดเขาฮานซาน
“นกพิราบจดหมายมาจากวัง เจ้าดูสิ” หญิงชุดขาวส่งจดหมายให้ผู้หญิงที่นั่งบนเก้าอี้โยก ใบหน้าของนางถูกปกคลุมด้วยชั้นบาง ๆ ของสีขาว และมีดวงตาที่แหลมคมคู่หนึ่ง
นางหยิบมันขึ้นมาดู แล้วโยนจดหมายทิ้งไป แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “ตอบกลับจดหมายไปก็พอแล้ว”
“จะให้ตอบว่าอะไร” หญิงสาวในชุดขาวถามด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างเฉยเมย “ให้นางขัดขวางทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เซี่ยหว่านเอ๋ออภิเษกกับองค์รัชทายาท มีคนที่ชื่อเซี่ยจื่ออานไม่ใช่หรือ? จงใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า ถึงเวลาที่เซี่ยหวายจุนจะชั่งน้ำหนักได้เอง”
นางดึงหน้าออก ยืนขึ้นและยืดเอว “ถ้าข้าเป็นคนชรานั้นข้าจะตัดมันทิ้งซะ คงจะหมดปัญหา อาเซ๋อ เอาซุปบ๊วยรสเปรี้ยวมาให้ข้าสักถ้วย ข้าอารมณ์ไม่ดี อาจเพราะเป็นวัยทอง”
“หึ เจ้าผ่านวัยหมดประจําเดือนไปแล้ว” หญิงชุดขาวหมุนตัวเดินเข้ามา