ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 205
คำพูดนี้แทบทำให้มหาเสนาบดีเซี่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นางกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร? ต่อหน้าผู้คนมากมายขอให้ตนเองอยู่ในวังเพื่อดูแลองค์รัชทายาท ช่างไร้ยางอายสิ้นดี? แม้ว่าจะมีพระราชเสาวนีย์ออกมา แต่ก็ยังไม่ได้อภิเษกสมรสกันเลย? ในสายตาของทุกคน นางยังคงเป็นคุณหนูของจวนมหาเสนาบดี ยังไม่ทันได้แต่งออกเรือนไปกลับจะไปอยู่ด้วยกันกับองค์รัชทายาท จะให้คนอื่นคิดเห็นเช่นไร?
ราชวงศ์จะต้องการสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาเป็นลูกสะใภ้ได้อย่างไรกัน?
ฮองเฮาโมโหเสียจนมือไม้สั่น นางเงยหน้าขึ้นมองมหาเสนาบดีเซี่ย นัยน์ตาดขุ่นเคืองใจ “มหาเสนาบดีเซี่ยอบรมสั่งสอนได้ดีเสียจริง!”
พูดจบก็จากไปอย่างโกรธเคือง
หลังจากที่ฮองเฮาจากไป มู่หรงเจี๋ยก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ต่างแยกย้ายกันไป ทุกท่านก็รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ยื่นมือออกไปหาจื่ออัน นางลังเลเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือไปกุมมือเขาลุกขึ้นมา ทั้งสองก็เดินควงคู่ฝ่าฝูงชนออกไป
เรื่องนี้น่าเชื่อถือกว่าพระราชเสาวนีย์อภิเษกสมรส ในโอกาสที่เป็นทางการของค่ำคืนนี้ ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิให้เซี่ยจื่ออันนั่งด้วยกันกับเขาทั้งยังจูงมือเซี่ยจื่ออันออกไป เขาให้เกียรติอย่างสูงสุด และเท่ากับการประกาศให้ทุกคนรู้ว่า เซี่ยจื่ออันจะเป็นพระชายาผู้สําเร็จราชการในอนาคต
การเป็นที่สนใจจากฝูงชนเช่นนี้ไม่เคยเป็นสิ่งที่จื่ออันต้องการ แต่สิ่งเดียวที่นางยึดติดกับมันก็คือ การที่มีคนคอยอยู่เคียงข้างนาง และบอกกับนางว่า นางไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง
แม้ว่าหลังจากกลับมาที่จวนมหาเสนาบดีแล้ว นางยังคงต้องเผชิญกับสัตว์ร้ายทุกตัวในจวนที่จ้องแต่จะเขมือบนาง
แต่ความอบอุ่นเพียงเล็กน้อยนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะจุดประกายความกล้าหาญทั้งหมดของนาง
หลังจากออกจากพระตำหนัก จื่ออันพบว่าการเดินของมู่หรงเจี๋ยนั้นไม่ได้มั่นคงนัก นางตกใจจนยื่นมือออกมาช่วยพยุง มู่หรงเจี๋ยกระอักเลือดออกมาจากปาก ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดในทันที
“ท่านอ๋อง…” นางตกใจมาก เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
มู่หรงเจี๋ยปาดเลือดที่มุมปากและเขาก็พูดอย่างแผ่วเบา “อย่าเอะอะไป ข้ายังไม่ตายเสียหน่อย”
เซียวท่าก้าวไปข้างหน้าและตำหนิ “ท่านก็รู้ดีว่าอาการบาดเจ็บยังไม่หาย ไม่ควรใช้กำลังสังหารใคร ถ้าการเคลื่อนไหวนี้ทำให้อาการหนักขึ้นกว่าเดิม อาจทำให้ท่านเสียชีวิตได้”
มู่หรงเจี๋ยพูดด้วยท่าทีไม่พอใจ “พอแล้ว ข้ารู้กำลังของตัวเองดี เจ้าให้อาหญิงเล็กส่งจื่ออันกลับจวนมหาเสนาบดี ส่วนเจ้ากับซูชิง กลับจวนไปพร้อมกับข้า”
จื่ออันกล่าวถาม “เรื่องบาดแผลของท่านอ๋องไม่สำคัญหรืออย่างไร?”
เซียวท่าอธิบาย “เมื่อครู่วิธีที่ลงมือฆ่าคนไปคือสิ่งที่ป้าอาเฉอคนข้างกายของไท่หวงไท่โฮ่วสอนมาเรียกว่า ควบคุมความว่างเปล่าเพื่อฆ่าคน แต่ก็ทำได้เพียงครั้งเดียว และต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนในการฟื้นคืนพลัง”
ควบคุมความว่างเปล่าเพื่อฆ่าคน? จื่ออันรู้สึกสงสัยเล็กน้อย ป้าอาเฉอคนนี้แท้จริงเป็นงูปีศาจในตำนานหรือเปล่า?
ซูชิงเมื่อเห็นว่าจื่ออันมีทีท่าที่สงสัยก็เลยอธิบายแทนเซียวท่าให้ฟัง “การควบคุมความว่างเปล่าเพื่อฆ่าคนนี้จริง ๆ แล้วคือการรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดไปไว้ที่ปลายนิ้ว แต่ต้องเชี่ยวชาญทักษะนี้ ทักษะก็คือการปิดผนึก เหมือนกับการที่เจ้าฝังเข็มเพื่อปลุกพลังแฝงขึ้นมา”
จื่ออันได้ยินดังนั้นก็อดโล่งใจไม่ได้ เมื่อครู่นางนึกว่าวรยุทธ์ร้ายกาจเพียงใด ที่แท้ก็เป็นการกระตุ้นศักยภาพอย่างหนึ่ง
มู่หรงเจี๋ยมอบหมายให้มู่หรงจ้วงจ้วงส่งจื่ออันกลับจวนไป บนรถม้า มู่หรงจ้วงจ้วงเอาแต่บ่นไม่หยุด”ข้าเกลียดพวกเจ้าจริง ๆ พวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่บอกข้ากับอ๋องสาม ทำให้พวกข้าวิตกกังวลเสียเปล่า ๆ”
จื่ออันยิ้มและผลักเรื่องทุกอย่างให้เซียวท่า “ข้าคิดว่าเซียวท่าจะสั่งคนให้ไปแจ้งให้ท่านทราบแล้ว ในเวลานั้น อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องหนักหนาสาหัส มากเกินกว่าจะแยกจากกันไปสนใจเรื่องอื่นได้ เรื่องทั้งหมดเซียวท่าและซูชิงเป็นคนจัดการ ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้ท่านวิตกกังวล องค์หญิงอย่าได้ถือสา”
จ้วงจ้วงโบกมือ “โทษเจ้าคงไม่ได้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเซียวท่าทหารองค์รักษ์ผู้นี้และก็ซูชิง พวกเขานี่จริง ๆ เลย ก็รู้ดีอยู่ว่าข้ากับอ๋องสามเป็นห่วง ก็ไม่มาบอกพวกเรา กลับไปจะต้องคิดบัญชีกับพวกเขาแน่”
จื่ออันนึกถึงตอนที่พวกเขากลับไปถึงจวนอ๋อง ไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่นั่นเป็นเช่นไร? เกรงว่าจะไม่ราบรื่นนัก อ๋องหนานหวายจะยอมเลิกราไปง่ายเช่นนี้หรือ?
นอกจากนี้ ไท่เฟย…
จื่ออันมีความสงสัยอยู่ในใจเสมอ และการกระทำของไท่เฟยก็ชวนให้คนรู้สึกสงสัยเสียจริง