โนอาห์ยอมรับภารกิจของระบบ ตอนนี้มีหน้าต่างบานเล็กสองบานลอยอยู่ที่หางตาของเขา บานหนึ่งจากภารกิจที่แสดงให้เห็นความก้าวหน้าในปัจจุบันของเขาในการปฏิบัติตามสิ่งที่ขอ และอีกบานคือหน้าต่างในสัญญาที่ทำกับลิลิธ ซึ่งเขายังไม่ได้ตอบกลับ
หลังจากรับภารกิจ โนอาห์เริ่มสงสัยว่าเขาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อออกจากกลุ่มและสามารถสำรวจป้อมปราการเพียงลำพังได้ ตามที่ระบบได้บอกไว้ เขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาพมายาที่เทพทิ้งไว้เพราะเขาเป็นทายาทของลูซิเฟอร์ กล่าวคือ มนุษย์คนอื่นจะยังเห็นภาพลวงตาและมีแนวโน้มมากที่พวกเขาจะเริ่มเดินเป็นวงกลมโดยที่พวกเขาจะไม่สามารถเดินเข้าไปหาโทเท็มได้ หรืออาจจะมีอย่างอื่นที่ขัดขวางไม่ให้พวกเขาเข้าหาโทเท็ม
นอกจากนี้ โนอาห์ไม่ต้องการอธิบายให้พวกเขาฟังว่ามันคืออะไร เพราะโนอาห์ไม่ต้องการหาข้ออ้างเพื่อตอบความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา และที่สำคัญโนอาห์ไม่ต้องการที่จะออกไปข้างนอกและบอกรายละเอียดอื่นๆในสิ่งที่เขาเห็นด้วยเช่นกัน แม้แต่กับตัวแทนของรัฐบาลที่กำลังรอพวกเขาอยู่ด้านนอกป้อมปราการ
‘คิดสิโนอาห์…นายจะทำยังไงเพื่อที่จะสามารถออกจากกลุ่มได้โดยไม่ทำให้เกิดความสงสัย…’ โนอาห์เริ่มคิดหาวิธีในใจของเขาเอง เขารู้ว่าเขาไม่สามารถเดินออกจากกลุ่มได้โดยไม่ต้องอธิบายให้ใครฟัง เขาต้องการเหตุผลที่เป็นไปได้ที่จะทำให้คนในกลุ่มสงสัยเขาน้อยที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วเขาจะต้องได้รับการเชื่อใจจากคนในกลุ่มเพื่อที่เขาจะได้เข้าร่วมกับกลุ่มได้ ถ้าหากเขาหายตัวไปในป้อมปราการโดยไม่มีเหตุผลอะไรเลยเขาจะเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือมากๆสำหรับคนในกลุ่ม และนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ
ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัวของโนอาห์ทันที โนอาห์รู้ว่ามาร์เซลเชื่อว่าเขามีพรระดับสูง เห็นได้ชัดจากวิธีที่มาร์เซลเริ่มปฏิบัติต่อโนอาห์หลังจากที่เขาพิสูจน์ว่าเวทมนตร์ของเขามีพลังมาก ก่อนที่โนอาห์จะพิสูจน์ตัวเอง มาร์เซลจะตะโกนใส่เขาอยู่เสมอและไม่ให้เขาทำอะไรเลย เขาให้โนอาห์คอยเรียนรู้วิธีการทำงานกับแจสเปอร์เพียงอย่างเดียว แต่หลังจากที่โนอาห์พิสูจน์ว่าเขาเป็นนักเวทย์ผู้ทรงพลัง มาร์เซลก็เริ่มปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพและให้คุณค่าที่เขาคู่ควรกลับมา และแสดงเหมือนกับว่าเขาคู่ควรกับทีมอย่างแท้จริง
เมื่อรู้ถึงสิ่งนี้ โนอาห์ก็ใช้ประโยชน์จากข้อมูลบางอย่างที่เขาเห็นในโทรทัศน์ในห้องพยาบาลของแม็กกี้ เมื่อเขาไปเยี่ยมเธอเมื่อสองสามปีก่อน
“พวกนาย ขอโทษที่บอกให้รู้ตอนนี้ แต่ฉันต้องทำภารกิจที่เจ้านายของฉันมอบหมายมาให้สำเร็จด้วยหน่ะ” โนอาห์พูดด้วยน้ำเสียงเสียใจเล็กน้อย ราวกับว่าเขารู้สึกแย่จริงๆที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้จนถึงตอนนี้
ชั่วขณะหนึ่งผู้คนในกลุ่มหยุดการกระทำทุกอย่างของพวกเขาเอง พวกเขาจ้องมาที่โนอาห์ด้วยท่าทีที่เป็นปรปักษ์และพร้อมที่จะโจมตีโนอาห์ทุกเมื่อ ในโลกที่ผู้คนได้รับพรจากพระเจ้า ไม่ได้มีเพียงพระเจ้าที่ “ดี” เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ให้พรกับผู้ถูกเลือก แม้ว่าจะเป็นข้อห้ามแต่ก็ยังมีคนบูชาเทพเจ้าแห่งความมืดเพื่อที่จะรับพลังแห่งความมืดมา
เมื่อพวกเขาได้ยินโนอาห์พูดถึงภารกิจที่เจ้านายมอบหมายให้เขา สิ่งแรกที่พวกเขาคิดว่าเจ้านายของโนอาห์คนนี้อาจเป็นเทพเจ้าแห่งความมืด แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าเขายังคงอยู่ที่เดิมโดยลดมือลงและไม่ได้แสดงท่าทีเป็นปรปักษ์ ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและมองดูโนอาห์ด้วยความระมัดระวังเล็กน้อย พร้อมที่จะตอบสนองต่อการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
มาร์เซลซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม ถามโนอาห์ว่า
“ภารกิจของเจ้านายหมายความว่ายังไง?“ เขาพูดด้วยท่าทางที่บอกว่าเขาพร้อมที่จะโจมตีโนอาห์ได้ทุกเมื่อ และเขาไม่กลัวที่จะต้องเสียสมาชิกที่ทรงพลังเช่นนี้ไป
โนอาห์ไม่คิดว่าพวกเขาจะตอบสนองแบบนั้นมากเสียจนเขาประหลาดใจไปสองสามวินาที เขาพยายามทำความเข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงกลายเป็นศัตรูกัน เมื่อเขาตระหนักถึงความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้น โนอาห์ก็หัวเราะเบาๆเพื่อทำให้อารมณ์ในกลุ่มแจ่มใสขึ้น เขาแกล้งหัวเราะออกมาเพราะเขาไม่ได้อยากหัวเราะจริงๆและอธิบายต่อว่าเขาหมายถึงอะไร
“ใจเย็นๆก่อนทุกคน เจ้านายของฉันไม่ใช่เทพเจ้าแห่งความมืดหรือผู้บูชาเทพเจ้าแห่งความตายหรอก ไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย จริงๆแล้วเขาคืออาจารย์ของฉันเขาเป็นแค่ผู้สอนการใช้พลังให้กับฉันเท่านั้นเอง เขาบอกว่าสำหรับฉันที่จะพัฒนาพรของฉัน ฉันต้องออกล่าคนเดียวในทุกป้อมปราการที่ฉันบุกไป แจสเปอร์รู้ว่านี่ไม่ใช่ป้อมปราการแรกที่ฉันทำ” โนอาห์พูดขณะที่ชี้ไปที่แจสเปอร์
แจสเปอร์จำได้ว่าโนอาห์หายไปในป้อมปราการป่าก็อบลินในตอนแรก เขาคิดว่ามันคงเป็นเพราะโนอาห์ถูกกีดกันออกจากกลุ่มและเขาไม่อยากทะเลาะวิวาทเขาจึงแยกตัวออกไป แต่เมื่อได้ยินคำอธิบายของโนอาห์ในตอนนี้เขาจึงเชื่อว่าสิ่งที่โนอาห์พูดเป็นจริง อีกเหตุผลหนึ่งที่แจสเปอร์คิดได้คือโนอาห์ต้องการพิสูจน์ความสามารถของเขาให้คนในกลุ่มรู้และยอมรับเขาในการบุกป้อมปราการเขาถึงหายไปในตอนแรก แต่จริงๆแล้วเขาไม่รู้เลยว่าที่โนอาห์แยกออกไปคนเดียวในป้อมปราการอื่นเพราะเขาต้องการรับค่าประสบการณ์จากมอนเตอร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ใช่ มันเป็นเรื่องจริง ในป้อมปราการที่เราพบกัน เขาก็ใช้เวลาสองสามชั่วโมงตามลำพัง ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ฉันคิดว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเขาหรอก” แจสเปอร์ยืนยันคำพูดของโนอาห์ นั่นทำให้ดวงตาทั้ง 13 คู่เบี่ยงเบนไปจากเขาและเกร็งน้อยลง
ในที่สุดมาร์เซลก็เข้าใจสิ่งที่โนอาห์พูด ในบรรดาคนในกลุ่ม เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับพรระดับ B ดังนั้นเขาจึงคิดได้อย่างรวดเร็วว่าโนอาห์ก็มีพลังมากเช่นกัน คำอธิบายพรของเขาในแอปที่บอกว่าเขาเป็นระดับ F อาจมีคนปลอมแปลง ด้วยความแข็งแกร่งของโนอาห์ในปัจจุบัน เมื่อรวมกับอายุของเขา เห็นได้ชัดว่าเขามีพรสวรรค์ที่ดีมากและคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้มักจะได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ที่ดี เนื่องจากตัวเขาเองก็ยังได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ระดับสูงสองสามคนตลอดอาชีพการทำงานของเขา สำหรับมาร์เซลเขาคิดว่าไม่แปลกที่โนอาห์จะได้รับภารกิจแปลกๆจากอาจารย์ของเขา เนื่องจากมาร์เซลก็เคยได้รับภารกิจแปลกๆเพื่อพัฒนาตัวเองมาก่อนเช่นกัน
“เอาล่ะ เนื่องจากเป็นภารกิจที่อาจารย์ของนายมอบให้นายก็ไปทำเถอะ ฉันรู้ดีว่าสิ่งนี้สำคัญต่อการพัฒนาในอนาคตของนายขนาดไหน ระวังอย่าให้ตัวเองบาดเจ็บ เราจะฆ่ามอนเตอร์ที่อยู่บริเวณนี้และเราจะขยายรัศมีออกไป นายสามารถกลับมาในอีกชั่วโมงครึ่งได้ไหม?” มาร์เซลถามเนื่องจากพวกเขาจะต้องฆ่ามอนเตอร์จำนวนมากก่อนที่จะไปสู้หัวหน้าป้อมปราการ
โนอาห์คิดว่าแผนของเขาสมบูรณ์แบบมาก เพราะเขาสามารถไปที่โทเท็มและค่อยๆฆ่ามอนเตอร์ไปเรื่อยๆเพื่อหาค่าประสบการณ์ฟรีๆสำหรับเขาได้
หลังจากแยกจากกลุ่มแล้ว โนอาห์ก็เริ่มมองดูเรดาร์เล็กๆที่อยู่ในหน้าต่างซึ่งปรากฏขึ้นหลังจากที่เขายอมรับภารกิจ เรดาร์ขนาดเล็กๆนี้เป็นเหมือนโซนาร์ที่แสดงทิศทางของรูปปั้นในทุกๆวินาทีที่โนอาห์เคลื่อนไหว โนอาห์ไม่รู้ว่าเขาอยู่ห่างจากเสาโทเท็มมากแค่ไหน เขารู้เพียงทิศทางที่เขาต้องไปหาโทเท็มเท่านั้น
การเดินอยู่ในป่านั้นเหนื่อยเป็นอย่างมาก ดวงตาของโนอาห์เริ่มล้าจากแสงสีแดงที่เกิดในป่าแห่งนี้ เนื่องจากเขากำลังเดินตามทิศทางที่อาจถูกภาพลวงตานับไม่ถ้วนปกคลุม โนอาห์จึงไม่ได้พบกับกลุ่มมอนเตอร์ที่จะทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์ฟรีๆเลย เขาเดินมาไกลมากแล้วจากจุดที่เขาแยกออกมาจากกลุ่มจนในที่สุดเรดาร์เล็กๆก็เริ่มกระพริบเร็วขึ้น นั่นหมายความว่าเขาเข้าใกล้โทเท็มมากแล้ว
โนอาห์เดินช้าลงและเริ่มระมัดระวังมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป จนในที่สุดเขาก็เริ่มมองเห็นบางสิ่งจากระยะไกล เมื่อเขามองไปเขาสามารถเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าต้นอื่นๆที่อยู่รอบๆบริเวณนั้น
แม้ว่ามันจะเป็นต้นไม้ที่ใหญ่กว่าต้นอื่นมาก แต่โนอาห์ก็สังเกตเห็นว่ามันเป็นสายพันธุ์เดียวกัน เนื่องจากต้นไม้ต้นนั้นมีใบสีแดงเหมือนกับต้นอื่นๆ แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของโนอาห์ไม่ได้มีแค่ขนาดของต้นไม้เท่านั้น มันยังมีอีกอย่างที่ดึงดูดสายตาของเขานั่นคือที่ด้านบนของต้นไม้ต้นนั้นยังมีรังนกอยู่รังหนึ่ง
หากเป็นรังนกธรรมดาขนาดมันจะเล็กกว่านี้สองถึงสามเซนติเมตร แต่นั่นหมายถึงในตอนนี้ที่โนอาห์อยู่ห่างจากรังนกหลายเมตร หากคิดตามความจริงหากเข้าไปใกล้มากกว่านี้โนอาห์จะเห็นว่ารังนกนั้นใหญ่โตเป็นอย่างมาก อย่างน้อยมันก็ใหญ่กว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็นของรังนกปกติ แม้แต่รังนกคลั่งก็ยังไม่ใหญ่เท่ากับรังนกรังนี้ แม้ว่านกคลั่งพวกนั้นจะมีขนาดเกือบเท่ากับมนุษย์ก็ตาม
‘ตัวอะไรอยู่ในรังนั่นกันแน่? ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีมอนเตอร์ตัวอื่นนอกจากนกคลั่งและหมูป่าสีฟ้าในป้อมปราการนี้มาก่อนเลย เดี๋ยวก่อนนะ หรือมันจะเกี่ยวข้องกับนกยักษ์ที่ทำให้เรากลัวเมื่อกี้นี้ จนกระทั่งลิลิธทำให้มันกลัวมันถึงหนีไป? มันอยู่ในรังนี้ยังงั้นหรอ? มันอยู่ในป้อมปราการนี้มาแต่แรกแล้วหรอ?’ โนอาห์คิดในใจพร้อมกับสงสัยในสิ่งที่เขาเห็น เขาเริ่มมองไปรอบๆต้นไม้เพื่อหาจุดที่เขาจะใช้ปีนขึ้นไปบนรังนั่น เพราะเรดาห์ของเขาชี้ไปที่รังนกที่อยู่ด้านบนของต้นไม้พอดี ดังนั้นวัตถุประสงค์ของภารกิจที่เขาได้รับจะต้องอยู่บนนั้นอย่างแน่อน
ในทางกลับกัน โนอาห์รู้สึกตื่นเต้น เนื่องจากในป้อมปราการที่ผ่านมาเขาได้รับมีดสั้นที่ดีมาเล่มหนึ่ง รังนกยักษ์นั่นก็สามารถบรรจุสมบัติตามสัดส่วนกับขนาดของมันได้ แค่คิดว่าเขาสามารถได้รับของล้ำค่า โนอาห์ก็ร่าเริงขึ้นและเริ่มเทเลพอร์ตไปยังกิ่งไม้ของต้นไม้ยักษ์เพื่อไปยังด้านบน
“ฟุ้บ!!”
เมื่อเขาปีนขึ้นไปถึงบนรัง สิ่งแรกที่โนอาห์เห็นคือโทเท็มที่เขามองหา สิ่งนี้ทำให้เขามีกำลังใจขึ้นมาก เนื่องจากเมื่อเขาเสร็จภารกิจนี้เขาจะได้รับปีกและมันกำลังจะเสร็จอย่างง่ายดายในตอนนี้
แต่ในตอนนั้นเองมีบางอย่างที่เขาเห็นที่ทำให้ขนทั้งตัวของเขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว