ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 242
คุณหนูหลายคนจับกลุ่มนั่งด้วยกัน พูดกันแต่คำพูดที่ไม่น่าฟัง ล้วนปิดปากหัวเราะมองไปยังจื่ออัน
จื่ออันนั่งอยู่ในศาลา ดื่มชาอย่างช้า ๆ
คุณหนูเหล่านั้นกลัวว่านางจะมิได้ยินเสียง จึงจงใจพูดคุยกันเสียงดัง เพียงอยากมองเห็นใบหน้าที่ดูไม่ได้ของนาง
“ได้ข่าวว่าปกติในจวนนางมักจะล้อเล่นกับทาสรับใช้ จริงหรือนี่? และยังได้ยินว่ามีครั้งนึง นางแอบอยู่ในห้องน้ำ จงใจบอกทาสรับใช้ว่ามิมีกระดาษชำระแล้ว ให้พวกทาสรับใช้นำไปให้นาง แต่พอทาสรับใช้นำมาให้ นางกลับออกมาโดยที่มิได้สวมกางเกง ช่างโง่เง่าโดยแท้? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ”
“ใช่แล้ว หว่านเอ๋อ เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นรึ? ข้ายังได้ยินว่ามีครั้งนึง นางยังตั้งใจที่จะกระโดดลงทะเลสาบ แต่มิได้สวมเสื้อคลุม เมื่อเจอทหารลาดตระเวนอยู่ กลับแกล้งเป็นตกน้ำ ให้ผู้อื่นช่วยนาง คนไร้ยางอายเยี่ยงนาง ผู้สำเร็จราชการมิรู้เลยรึ? ”
“ยังมีอีก เรื่องที่นางกลับใจเรื่องงานแต่งของนาง เรื่องมันเป็นมาอย่างไรรึ? ข้าได้ยินมาว่า เดิมเป็นเจ้าที่ต้องแต่งให้แก่อ๋องเหลียง แต่หลังจากนั้นกลับได้ยินว่านางของร้องเจ้าให้ยกอ๋องเหลียงให้แก่นาง ใช่หรือไม่? แต่ในเมื่อนางเป็นคนขอร้อง ทำไมสุดท้ายแล้วจึงได้กลับใจกับงานแต่งนี้?”
“เจ้ามิรู้รึ? สุดท้ายนางก็สนใจในตัวองค์รัชทายาท อยากที่จะแต่งงานกับองค์รัชทายาท ถึงได้กลับใจที่ต้องแต่งกับอ๋องเหลียง”
เสียงเหล่านี้มิได้หยุดที่จะลอยมาเข้าหูจื่ออัน เสียงพูดคุยหัวเราะที่เฉียบแหลมและชั่วร้ายพวกนี้ก็ช่างเถอะ แต่ยังพากันยกมือชี้มายังจื่นอัน
เซี่ยหว่านเอ๋อและเซี่ยฟางเอ๋อต่างเหลือบมองหน้ากันครู่นึง แล้วหัวเราะกันออกมา พวกนางมองยังจื่ออันด้วยสายตามาดร้าย คำพูดคนค่อนข้างรุนแรง พวกนางมิเชื่อว่านางจะสงบสุขได้จริง
จื่ออันค่อย ๆ ดื่มชา มองไปยังทะเลสาบที่รายล้อมไปด้วยต้นหลิว แสงแดดน้อย ๆ เหมือนดั่งเกล็ดสีทองที่สะท้อนไปยังผิวน้ำ
ขณะที่นางค่อย ๆ เลือกที่จะไม่สนใจในเสียงเหล่านี้นั้น กลับได้นยินน้ำเสียงเย็นชาเยือกเย็นว่า “พวกเจ้าแต่ละคนกินของเสียกันมาหรือไร? ปากถึงได้เหม็นกัน ตนเองดั่งคนที่มีแผลบนศรีษะแต่กลับมีหนองที่เท้า ยังจะกล้าพูดถึงเรื่อตลกของคนอื่นในที่นี้อีก? เซี่ยจื่ออันกลับใจเรื่องงานแต่งแล้วอย่างไร? ส่งผลอันใดกับบ้านเจ้ากัน? พวกเจ้ามาขำขันกันที่นี้ ไม่ดูตนเองเยาะเย้ยผู้อื่น คิดว่าตนเองสูงส่ง ข้าว่าพวกเจ้าเป็นดั่งเช่นมูลเหม็น ๆ เหม็นจนผู้อื่นมิอยากจะรับรู้! ”
จื่ออันตกใจเล็กน้อย หันหลังกลับไปดู
พบหญิงสาวผู้หนึ่งสวมชุดสีแดง มือข้างนึงเท้าสะเอวอีกข้างชี้นิ้วด่าไปยังกลุ่มคุณหนูเหล่านั้น นางช่างดูองอาจกล้าหาญ คิ้วดูดกดำยิ่งซะกว่าผู้ชาย ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความโกรธ ด่ามายกใหญ่แล้วยังจะด่าอีก
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าคนอื่นตั้งใจกระโดดทะเลสาบเพื่อเรียกร้องทหารลาดตระเวน เจ้ามองเห็นด้วยตาตนเองรึ? หากมิได้เห็นด้วยตาตนแล้วเจ้าพูดมั่วอะไรกัน? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าแอบสบตากับพ่อค้า ข้าพูดเรื่องจริงหรือไม่? ใช่ มิใช่ข้าก็สามารถพูดแบบนี้กับคนอื่นได้มิใช่รึ?”
เซี่ยหว่านเอ๋อขมวดคิ้ว “คุณหนูเฉิน เจ้ามาเอะอะโวยอะไรกัน? ”
ผู้ที่โดนเรียกว่าคุณหนูเฉินหันไปมองยังเซี่ยหว่านเอ๋อ มองขึ้นแล้วลง “เจ้าก็คือเซี่ยหว่านเอ๋อใช่หรือไม่? เซี่ยจื่ออันคงจะเป็นพี่สาวของเจ้า? คนมากมายเหล่านี้กำลังว่าร้ายทำลายชื่อเสียงพี่สาวเจ้า เจ้ากลับมิได้ช่วยโต้แย้งสักครึ่งคำ ข้าเพียงแต่พูดถึงผู้อื่นแค่ประโยคเดียว เจ้ากลับโวยวายช่วยโต้แย้ง มิได้แยกแยะ พี่น้องไม่ปกป้องกลับปกป้องคนนอก เจ้าเปรียบมิได้กับสุนัข”
“เจ้า… ” เซี่ยหว่านเอ๋อชาตินี้ยังมิเคยมีผู้ใดด่าได้ไม่น่าฟังเยี่ยงนี้ อีกทั้งเสียงของคุณหนูเฉินค่อนข้างดัง ดึงดูดผู้คนทั้งสี่๋ทิศทางมามุงดู “เจ้าหุบปาก จวนมหาเสนาบดีไม่ต้อนรับเจ้า ออกไป! ”
“เจ้าเป็นนายหญิงรึ? หากเจ้าเป็นนายหญิงของจวนมหาเสนาบดีแล้ว ข้าก็คงจะไม่มา ทำไมรึ? เจ้ากับพวกนางคุยถึงพี่สาวตัวเองในเรื่องแย่ ๆ ในสายตาข้าแล้วเจ้าก็เหมือนกันกับพวกนาง ชอบพูดถึงเรื่องมิดี ก่อความวุ่นวาย ทำตัวไร้ประโยชน์! ”
จื่ออันในชีวิตนี้มิเคยได้ยินว่าจะมีคนพูดเรื่องไม่ดีจะสามารถพูดได้น่าฟังขนาดนี้ นางอดมิได้ที่นางจะลุกขึ้นยืนปรบมือ
นางมองไปที่คุณหนูตระกูลเฉิน นางด่าจนหน้าเริ่มแดง คิ้วดำเข้มขมวดขึ้น ดวงหน้าเล็กยังคงดูโกรธ ชุดแดงบนร่างบวกกับใบหน้าที่แดงขึ้น ด่าคนเหมือนดังจุดประทัด เหมือนดั่งพริกแดง
“ใครก็ได้เข้ามาหน่อย ไล่นางออกไปให้ข้าที” เซี่ยหว่านเอ๋อโกรธจัด ถึงกับไล่คนออกไปต่อหน้าแขกทั้งหลาย