ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 261
แม่นมหยางเดินออกมา ยืนข้าง ๆ จื่ออัน
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ เรื่องนี้เดาได้ไม่ยากว่าเป็นฝีมือของพวกเรา” แม่นมหยางกล่าว
“ทุกคนก็ต่างกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องแต่แค่แสร้งทำเป็นไม่รู้” จื่ออันตอบ
แม่นมหยางมองไปที่จื่ออันแล้วรู้สึกว่านางมีความเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอีกแล้ว กลายเป็นคนที่มีอุบายมากกว่าก่อนหน้านี้
จื่ออันไม่ได้ลืมสถานะของแม่นมหยางว่านางยังคงเป็นคนของฮองเฮา แต่ว่าคราวนี้ที่แม่นมหยางร่วมมือกับนางด้วยนั้น บังเอิญเป็นเพราะฮองเฮา
ฮองเฮาไม่ชอบเซี่ยหว่านเอ๋อ คราวนี้นางได้เปิดเผยตัวตนของเซี่ยหว่านเอ๋อแล้ว และตอนนี้ตำแหน่งพระชายาขององค์รัชทายาท นางก็เป็นไม่ได้แล้ว
“แม่นม ข้ามีเรื่องให้ท่านช่วยสักหน่อย!” จื่ออันเงยหน้าขึ้น ใบหน้าแลดูเศร้าสลดเล็กน้อย
“คุณหนูใหญ่สั่งมาได้เลยเจ้าค่ะ!” แม่นมหยางพูดอย่างตรงไปตรงมา มาโดยตลอด
จื่ออันกระซิบ “ช่วยข้าทำป้ายวิญญาณ”
“เขียนชื่อใครเจ้าคะ?” แม่นมหยางกล่าวถาม
“เซี่ยจื่ออัน!” จื่ออันกล่าวออกมาสามคำ
แม่นมหยางตกใจเล็กน้อย “คุณหนูใหญ่?”
จื่ออันยิ้มออกมาเล็กน้อย ทว่าดวงตาของนางไม่ได้ยิ้มออกมาเลยสักนิด มืดหม่นราวกับพายุฝนกำลังตั้งเค้า “เอาไว้เตือนสติข้า และย้ำเตือนตัวเองว่าในโลกใบนี้มีอันตรายอยู่ในทุกที่ แม้แต่คนในครอบครัวก็อาจวางกับดักมรณะไว้ให้ตนเองได้”
เอาป้ายวิญญาณมาเตือนสติตนเอง? แม่นมหยางรู้สึกว่ามันพิลึก นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการสาปแช่งตนเองหรอกหรือ?
แม่นมหยางกล่าวเสียงค่อย “คุณหนูใหญ่ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้นะเจ้าคะ”
จื่ออันกล่าวอย่างแน่วแน่ “แม่นมทำตามที่ข้าบอกก็พอแล้ว”
แม่นมหยางสงบปากสงบคำในทันที “เจ้าค่ะ!”
จื่ออันเงยหน้าขึ้นมองต้นหอมหมื่นลี้ในสวน “แม่นม ท่านคิดว่าสถานการณ์ทางนั้นจะเป็นเช่นไรบ้าง?” ถ้าคนยังไม่ตาย ก็ไม่ถือว่าแก้แค้นได้สำเร็จ จื่ออันไม่เคยคิดจะยกโทษให้ฮูหยินหลิงหลงกับเซี่ยหว่านเอ๋อ เป็นเพราะพวกนางสองแม่ลูกกับองค์รัชทายาทมู่หรงเฉียวที่โบยนางจนตาย
ยังมีเซี่ยหวายจุนอีกคน!
ตอนที่เพิ่งจะทะลุเวลาเข้ามายุคนี้ นางได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนที่ข้างหู นางรู้ว่านั่นไม่ใช่อาการประสาทหลอน แม้ว่ามันจะดูเหนือธรรมชาติอยู่บ้าง แต่ว่านางก็รู้ว่านั่นคือจิตวิญญาณของเจ้าของร่างคนเดิมที่ยังคงอยู่
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกันกับคุณหนูใหญ่ เป็นพวกเขาที่ขุดหลุมฝังศพตัวเอง”
จื่ออันพยักหน้า “ใช่สิ มันเกี่ยวกับข้าซะที่ไหน? จริงสิ เรื่องภรรยาของเฉินเอ้อร์ ท่านให้เงินนางไปเพียงพอแล้วหรือไม่? ให้นางรีบพาลูกออกไปจากเมืองหลวง ป้องกันไม่ให้ใครเจอตัวเด็กนั่น”
“เฉินเอ้อร์เป็นคนเลว ลูกของเขาก็โชคร้ายถูกโบ้ยความผิดให้มาตั้งนานแล้ว ท่านวางใจเถิด ข้าได้จัดการให้พวกเขาออกจากเมืองไปแล้ว ให้เงินไปหนึ่งร้อยตำลึงเงิน เพียงพอให้ทั้งสามคนแม่ลูกซื้อห้องสักแห่งทำการค้าเล็ก ๆ ใช้ชีวิตอยู่สงบสุขได้แล้วเจ้าค่ะ”
ทางฝั่งเสี่ยวซุนที่กำลังทุบตีชู่อวี่อยู่อย่างหนัก ก็ปารองเท้าทิ้ง และตวาดใส่นาง “เจ้าไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ เจ้าดูถูกเรือนเซี่ยจื่อหย่วนของพวกเรา เช่นนั้นเรือนเซี่ยจื่อหย่วนนี้ก็ไม่ต้องการเจ้าเช่นกัน”
พูดจบก็นึกขึ้นได้ว่ารองเท้าเป็นของตนเอง นางจึงรีบลงไปเก็บมาใส่ที่เท้า
ในห้องของฮูหยินผู้เฒ่า
ป้าหลานยู่จุดท่อยาเส้นให้ฮูหยินผู้เฒ่า ทั้งยังหยิบน้ำมันสาระแหน่มาใช้นวดบริเวณหน้าผากให้นาง และกล่าวปลอบโยน “ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดระงับโทสะด้วย เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญนะเจ้าคะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าสูบยาเส้นไปได้ครั้งนึง นางก็โยนมันลงพื้นอย่างเกรี้ยวกราด “ระงับโทสะ? เจ้าบอกข้าที ข้าจะระงับโทสะได้เช่นไร?”
นางจ้องไปที่หลิวซื่อกับฮูหยินหลิงหลงด้วยความเกลียดชัง เดิมทีปากกระบอกปืนต้องหันไปฝั่งศัตรู แต่นึกไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่นางคิดว่าดีแล้วกลับสกปรกเช่นนี้
เตรียมฉากอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ไว้ให้แขกดู สุดท้ายก็ตกหลุมพลางของตัวเอง จวนมหาเสนาบดีได้อับอายขายหน้าอย่างแท้จริง