ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 340
“ทำไมกัน? ทำไมนางถึงได้ทำเยี่ยงนี้?” เหลียงซื่อพึมพำเอ่ยออกมา แววตาฉายความหวาดกลัวและประหลาดใจ
จื่ออันรีบเร่งหยิบผ้าแพรขึ้นมา กลิ้งไปมาบนพื้น ทำต่อไป เอ่ยตอบคำถามของเหลียงซื่อ “เพราะว่าถ้าท่านและข้าตายด้วยกัน ก็จะไม่มีผู้ใดสงสัยว่าเป็นแผนการทำร้าย ทุกคนล้วนจะคิดว่า นี่เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุเท่านั้น”
“เกิดไฟไหม้ใหญ่โตขนาดนี้ จะไม่มีคนมาช่วยดับไฟหรือ?” เหลียงซื่อตกใจจนร้องตะโกนออกมาเสียงดัง ในที่สุดนางก็มองเห็น ข้างนอกมีเปลวเพลิงแผดเผา
“ดับไม่ได้แล้ว ท่านคิดว่าทำไมถึงได้เลือกเรือนรับรองแห่งนี้ลงมือกัน? เพราะว่าที่นี้ห่างจากทะเลสาบ ห่างไกลจากน้ำที่จะช่วยดับไฟ” จื่ออันออกแรงหมุนผ้าแพรอย่างแรง จากนั้นผูกติดเข้าด้วยกัน
เซี่ยฉวนออกแรงกระแทก เขารู้ว่าหากต้องการจะพุ่งออกไปนั้น มีเพียงฆ่าจื่ออันเท่านั้น
จื่ออันผูกผ้าแพรจนสำเร็จ จึงเห็นว่าเซี่ยฉวนพุ่งเข้ามา นางใช้มือยกเก้าอี้ขึ้นมา ตีลงไปบนขาของเซี่ยฉวนอย่างแรง และไม่รู้ว่าเป็นเก้าอี้ที่หักลงหรือเป็นกระดูกของเซี่ยฉวนกันแน่ที่หัก มีเสียง “แตกหัก” ดังออกมา
เซี่ยฉวนเจ็บปวดล้มลงบนพื้นแล้วเกลือกกลิ้งไปมา เก้าอี้หักลง กระดูกขาของเขาก็หักลง
จื่ออันใช้ขาเดียวกระทืบลงไปบนหลังมือของเขา เปลวไฟส่องกระทบลงมาที่ใบหน้าของนาง คิดที่จะล้างแค้นผู้ที่ตนเกลียดชัง “เซี่ยฉวน ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่า ศีรษะเจ้านั้นเก็บไว้ที่คอของเจ้าชั่วคราว ข้าจะมาเอาคืนเข้าสักวันหนึ่ง”
“คุณหนูใหญ่ไว้ชีวิตด้วย ข้าเป็นเพียงบ่าวรับใช้ กายมิได้เป็นของตน ข้าต้องทำงานตามคำสั่ง หากว่าข้าไม่ทำตามแล้วนั้น ผู้ที่โชคร้ายก็คงจะเป็นบ่าวเอง!” ในที่สุดความตายอันน่ากลัวนั้นก็ห่อหุ้มไปที่จิตใจของเซี่ยฉวน แววตาถูกย้อมไว้ด้วยความหวาดกลัวที่ถึงแม้จะแตกเป็นเสี่ยงสลาย
จื่ออันเหยียบลงไปบนเขา จัดแต่งผมใหม่ให้ดีขึ้น ก้าวถอยออกมาอย่างสะอาดหมดจด หยิบผ้าแพรขึ้นมา เชี่ยฉวนยืนขึ้นมาไม่ไหวแล้ว ทำได้เพียงแค่ออกแรงทั้งร่างปีนออกไป แต่กลับมิอาจเคลื่อนกลอนประตูได้
ผู้คนที่ดื่มเหล้าอยู่ด้านนอกนั้น พบว่าเรือนรับรองเกิดเพลิงไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว มีผู้ที่ตกใจร้องตะโกน
“สวรรค์ รีบไปตักน้ำมา ตักน้ำมาเร็ว!”
เรือนรับรองนั้นเพราะตำแหน่งถัดไปจากบริเวณงานเลี้ยงเพียงเล็กน้อย แต่มีตึกสูงบดบัง ดังนั้น เมื่อเปลวเพลิงและควันไฟได้ม้วนตัวขึ้นสูง ผู้คนในงานเลี้ยงถึงได้พบเห็นเปลวเพลิงนั้น
ทาสรับใช้รีบร้อนเข้ามารายงาน “นายท่าน มีมังกรไฟตัวนึงเกิดอุบัติเหตุเอียงล้มลง มังกรไฟทั้งตัวล้มลงมา ไฟติดที่เรือนด้านข้างแล้ว”
มหาเสนาบดีเซี่ยใบหน้าดูหน้ากลัว “มีผู้ใดอยู่ในเรือนด้านข้างหรือไม่?”
“มีขอรับ เป็นคุณหนูใหญ่และฮูหยินรองกำลังตรวจนับของขวัญที่จะต้องส่งกลับไปขอรับ พ่อบ้านเซี่ยและซีเหนียงเองก็อยู่ขอรับ!” ทาสรับใช้เอ่ยตอบ
มหาเสนาบดีเซี่ยมือไม้สั่น เขาร้องตะโกนออกมาเสียงแห้ง “เร็ว รีบไปดับเพลิงเร็วเข้า!”
มีคนผู้หนึ่ง ได้รีบเร่งออกจากงานเลี้ยงไปแล้ว พุ่งทะยานไปยังเรือนรับรอง
คนผู้นั้นร่างกายเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับบินไป ผู้คนต่างก็คิดว่าเป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ แต่ว่ายังมิใช่ แท้จริงแล้วเป็นซูชิง
อีกทั้งท่านผู้นั้นที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ตลอด อย่างผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิที่มองเห็นเปลวเพลิงก่อนหน้าแล้วนั้น ได้เร่งรีบออกไปนานแล้ว ในตอนนั้นทาสรับใช้ยังมิได้เข้ามารายงาน
เขาจดจ้องจื่ออันอยู่ตลอดเวลา ตอนที่จื่ออันเดินไปกับเหลียงซื่อนั้น เขายังตั้งใจเรียกทาสรับใช้เข้ามาสอบถาม ถึงได้รู้ว่านางไปยังทิศที่เรือนด้านข้างตั้งอยู่ แล้วจึงได้ใส่ใจมองทางด้านนั้น
เพราะว่าบนพื้นนั้นมีน้ำมันเชื้อเพลิง ไฟจากมังกรจึงได้เผาไหม้เรือนด้านข้างอย่างรวดเร็ว ไฟแผดเผาเข้าไปราวกับปีศาจร้ายที่คอยกลืนกินทุกอย่าง
ทาสรับใช้ได้นำน้ำเข้ามาสาดลงไป แต่ว่าเปลวเพลิงนั้นช่างใหญ่เหลือเกิน บวกกับมังกรไฟเดิมก็มีน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันสนอยู่แล้ว น้ำแต่ละถังนี้ที่ตักมาจากริมทะเลสาบ จะดับเพลิงที่ใหญ่โตนี้ได้อย่างไรกัน?
มู่หรงเจี๋ยมือหนึ่งคว้าถังน้ำดับเพลิงจากมือของทาสรับใช้มา ราดรดลงจากศีรษะลงไป คิดก็ไม่ทันคิด พุ่งตัวเข้าไปในสนามเพลิง
“สวรรค์ ท่านอ๋องเข้าไปข้างในแล้ว ท่านอ๋องเข้าไปข้างในแล้ว!” ทาสรับใช้ตกใจตะโกนร้องเสียงดัง เปลวไฟลุกโหมขนาดนี้ ท่านอ๋องเข้าไปจะต้องได้รับอันตรายเป็นแน่
ผู้คนต่างรีบเร่งมา ซูชิงเป็นคนที่สองที่พุ่งตัวเข้าไปในเปลวไฟ ต่อไปเป็นเซียวท่า ยังมีแม่ทัพเฉินทั้งสิบสองนาย
มหาเสนาบดีเซี่ยมองดูเรือนรับรองที่ถูกไฟโหมไหม้ ใบหน้าเผยความกังวลออกมา มีเพียงแค่แววตา ที่ค่อย ๆ ปรากฏร่องรอยของความมาดร้ายออกมา
ไม่มีผู้ใดสามารถกระโดดหนีออกจากเพลิงไฟเยี่ยงนี้ได้ ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิสามารถพุ่งเข้าไปได้ ก็มิอาจเข้าไปถึงด้านในของเรือนด้านข้างได้ เพราะว่าเมื่อเปลวเพลิงเผาไหม้ไปจนถึงประตูใหญ่ของเรือนรับรองแล้ว คานไม้ที่เอาไปวางไว้ก่อนหน้านี้กำลังจะตกลงมา ปิดทางหนีเอาชีวิตรอดเอาไว้
ฮูหยินผู้เฒ่ายืนอยู่จากที่ไกล ๆ ยืนมองเปลวเพลิงอยู่เงียบ ปากก็เอ่ยท่อง “อามิตตาพุทธ!”
มู่หรงเจี๋ยเข้าไปในกองเพลิงแล้ว เขาพุ่งเข้าไปในลานบ้านจวบจนถึงหน้าประตูใหญ่ เปลวเพลิงแผดเผาลามเลียจนอากาศทั้งสี่ด้าน ทำให้ผู้คนหายใจเข้าออกลำบากนัก