ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 379
จิ้นกั๋วกงโมโหอย่างขีดสุด ที่ผ่านมาเมื่ออยู่ในจวนแห่งนี้ อย่าว่าแต่เรื่องที่เขาจะโกรธเลย แค่กระแอมเล็กน้อยหรือทำหน้าตาเคร่งขรึม เหลียงซื่อก็เข้าใจได้ในทันที
แต่ว่าตอนนี้เขากำลังโมโหเป็นอย่างมาก เหลียงซื่อก็ยังไม่หุบปากสงบปากสงบคำ
นายท่านรองซีเหมินเข้าไปดึงแขนหยวนซื่อไว้ “พอเถิด เจ้าดูสิ เจ้าทำให้ท่านพ่อโกรธแล้ว ยังไม่ออกไปอีกรึ?”
เหลียงซื่อจ้องไปที่ผู้เป็นสามี รู้สึกเกลียดจนอยากจะตบหน้าเขาไปสักฉาดจริง ๆ เป็นสามีภรรยากัน แต่เขากลับยินยอมให้ซีเหมินเสี่ยวเยว่สังเวยชีวิตของนางซึ่งเป็นภรรยาที่อยู่กินกับเขามานับยี่สิบปี
แต่ว่านางต้องอดทนไว้ ตั้งแต่ที่เหมือนตายไปแล้วครั้งหนึ่ง นางก็เริ่มคิดอย่างมีเหตุมีผล วันนี้อย่างไรเสียก็ต้องพูดให้กระจ่าง ดังนั้นจึงต้องกล่าวออกไปดี ๆ
เหลียงซื่อสะบัดแขนออกจากมือเขา แล้วค่อย ๆ คุกเข่าลงต่อหน้าไท่เป่า จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น น้ำตาคลอเบ้า “ใต้เท้าเจ้าคะ ท่านคือผู้อาวุโสของตระกูลซีเหมินของเรา วันนี้ข้าต้องลองเสี่ยง คุกเข่าลงต่อหน้าท่าน ขอให้ท่านโปรดช่วยทวงความยุติธรรมให้แก่ข้าด้วย”
ไท่เป่าสีหน้าเคร่งขรึม “กล่าวต่อไป!”
เหลียงซื่อเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่จวนมหาเสนาบดีออกมา รวมถึงเรื่องที่ลงมือกับกุ้ยหยวนเพื่อใส่ความจื่ออัน ก็ถูกเล่าออกมาด้วยเช่นกัน
ในระหว่างที่นางเล่าอยู่ จิ้นกั๋วกงกับซีเหมินเสี่ยวเยว่ก็อยากพูดขัดขึ้นมาหลายครั้ง ทว่าก็ถูกสายตาที่เย็นเยียบของไท่เป่ากวาดมองมา ก็เลยต้องนิ่งเงียบไป
หลังจากที่เหลียงซื่อพูดจบ หน้าตาของฮูหยินผู้เฒ่าก็ดูไม่ได้เลย “ฮูหยินรอง เรื่องที่ท่านทำร้ายเด็กรับใช้ในจวนมหาเสนาบดีของข้าเพื่อใส่ความหลานสาวข้า เรื่องนี้ข้าจะไม่ถือสาหาความกับท่าน แต่ท่านก็อย่าได้เอาเรื่องทั้งหมดไปโยนให้ซีเหมินเสี่ยวเยว่เลย ถึงจะนางแต่งเข้าจวนมหาเสนาบดีของเราแล้ว แต่อย่างไรเสียก็ยังเป็นหลานสาวของตระกูลซีเหมินอยู่ดี”
“ฮูหยินผู้เฒ่า” เหลียงซื่อตอกกลับอย่างไม่ใยดี “เรื่องนี้ได้ถูกส่งให้ทางศาลาว่าการตรวจสอบแล้ว ถ้าเป็นความผิดของข้า ข้าก็จะยอมรับ แต่ว่าซีเหมินเสี่ยวเยว่ก็อย่าได้คิดว่าจะรอดพ้นความผิดไปได้ ตอนนี้ทางศาลาว่าการได้ตรวจสอบเรื่องเพลิงไหม้แล้ว แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบว่ามีใครวางยาพิษในสุราของข้าหรือไม่ วางยาพิษในสุราของข้า เพื่อให้ข้าถูกเผาตายในเรือนด้านข้าง เรื่องนี้ท่านคิดว่าจะสามารถปิดบังได้หรือ?”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มเย้ยหยัน “ช่างเป็นเรื่องที่หน้าขัน ฮูหยินรองไม่ได้มีเรื่องเคืองแค้นอันใดกับจวนมหาเสนาบดีของข้า แล้วทำไมข้าถึงต้องฆ่าท่านด้วยเล่า?”
“คนที่ท่านต้องการจะฆ่าไม่ใช่ข้า แต่เป็นเซี่ยจื่ออัน แต่ถ้ามีข้าที่เป็นฮูหยินรองของจวนกั๋วกงตายไปด้วย เช่นนั้นคนนอกก็จะคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เพราะจวนมหาเสนาบดีของท่านไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องลงมือกับข้า”
“สิ่งที่ท่านพูดมา ล้วนเป็นเพียงการคาดเดาของท่านเองมิใช่หรือ กล่าวได้เลยว่า จินตนาการของฮูหยินรองนี่ช่างล้ำเลิศยิ่งนัก มีความสามารถเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่ไปเป็นนักเล่านิทานเล่า น่าเสียดายพรสวรรค์ที่ท่านมีจริง ๆ” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
พูดจบ นางก็ลุกขึ้นกล่าวกับกั๋งกง “ท่านกั๋วกง ดูท่าอาหารมื้อนี้คงจะทานไม่ลงกันแล้ว ข้าถูกกล่าวหาอย่างไร้เหตุผล ทั้งรู้สึกแย่และเสียใจ ต่อไปถ้าจวนมหาเสนาบดีจัดงานเลี้ยง ข้าค่อยเชิญท่านกั๋วกงไปที่จวนข้าจะดีกว่า”
จิ้นกั๋วกงที่เห็นไท่เป่านิ่งเงียบมาโดยตลอด ก็ตบโต๊ะแล้วตะคอกออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าพอใจแล้วหรือยัง? นี่เป็นการต้อนรับแขกของเจ้าหรือ? ทำให้จวนจั๋วกั๋วกงของเราอับอายขายหน้าจริง ๆ ข้าเห็นว่าเจ้าอัธยาศัยดีและเป็นคนที่มีความตั้งใจจริงจึงให้เจ้าช่วยดูแลเรือน นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะป่าเถื่อนทำตัวได้น่ารังเกียจถึงเพียงนี้ ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ”
มารดาของซีเหมินเสี่ยวเยว่หลี่ซื่อดูเหมือนว่านางจะทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงกล่าวขึ้นมา “ใช่ ฮูหยินรอง บุตรของข้าซีเหมินเสี่ยวเยว่ไปทำร้ายท่านตอนไหนกัน? ท่านถึงได้ใส่ร้ายนางเช่นนี้? ข้ารู้ว่าท่านอิจฉาที่นางได้แต่งเข้าจวนมหาเสนาบดี แต่บุตรสาวท่านกลับได้แต่งกับแม่ทัพเล็ก ๆ แต่อย่างไรเสียพวกเราก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมท่านถึงไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก ยังไม่ทันรู้ข้อเท็จจริงก็ปล่อยให้คนนอกหลอกใช้เสียแล้ว?”