ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 428
จื่ออันพิงศีรษะที่บ่าของเขา เงยหน้ามองท้องฟ้า ฟ้าหลังฝนนั้นมีดวงดาวหลบซ่อนอยู่ แสงจันทร์สลัว นางสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกสบายเป็นพิเศษ ราวกับว่าในอากาศนั้นหอมหวาน
“หม่อมฉันไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายขนาดนี้มานานแล้ว ขอดื่มให้กับสายลมเย็น ๆ และแสงจันทร์นวลผ่องสักหนึ่งจอก!” จื่ออันชูไหสุราขึ้น แล้วหัวเราะคิกคัก
“เลอะเลือนไปแล้วหรือ?” มู่หรงเจี๋ยโขกหัวนางเบา ๆ “ก็แค่ออกมาดื่มสุราเท่านั้น ต้องดีใจถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”
“ดีใจ!” จื่ออันหันไปมองดูเขา ดวงตาเป็นประกาย
ยากนักที่จะได้ผักผ่อนหย่อนใจในโลกที่แสนวุ่นวายแห่งนี้ ความรู้สึกนี้มันเยี่ยมจริง ๆ
เดิมทีมู่หรงเจี๋ยก็เมาอยู่เล็กน้อย เพราะดื่มสุราที่จวนมาบ้างแล้วก่อนที่จะไปหาจื่ออัน
เมื่อมองคนผ่านดวงตาที่เมามาย ก็มักจะรู้สึกว่าคนผู้นั้นน่ามองยิ่งนัก เขาชอบมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของจื่ออันเสียจริง จึงใช้มือข้างหนึ่งโอบไหล่แล้วดึงเข้ามาไว้ในอ้อมอกเขา “เซี่ยจื่ออัน หน้าตาเจ้าไม่ดี แต่พอเจ้ายิ้มแล้วช่างดูดียิ่งนัก”
อืม ตบหัวแล้วลูบหลัง เป็นนิสัยโดยปกติของเขาอยู่แล้ว
แต่ว่าบอกว่านางหน้าตาไม่ดี นางรู้สึกไม่พอใจจริง ๆ นะ
นางมองไปที่ใบหน้าของเขาแล้วทำสีหน้าจริงจัง “หม่อมฉันหน้าตาไม่ดีตรงไหนเพคะ?”
เห็นอยู่ทนโท่ว่าหน้าตาดี มีบางครั้งที่ส่องกระจกดู ก็รู้สึกว่าเป็นใบหน้าที่ฟ้าประทานให้จริง ๆ
นิ้วของเขาปาดไปบนใบหน้าของนาง “หน้าผากไม่กว้างพอ ขนคิ้วไม่ดำพอ ดวงตาแม้จะกลมโต แต่ก็ไร้แวว ไม่สง่างาม จมูกก็เล็กไปไม่ใหญ่พอ และในส่วนของปากนั้นก็ยังใหญ่ไม่พอหมายถึงใจคอที่คับแคบ…”
“หุบปาก!” จื่ออันกัดฟันพูด “ถูกท่านว่าขนาดนี้ ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีอะไรดีเลยสักนิดเดียว” อีกทั้งเขายังพูดถึงความสมบูรณ์ของหน้าผากอีกช่างไร้สาระสิ้นดี มันล้วนเป็นการอธิบายลักษณะของบุรุษ
“แต่ว่าเจ้าอย่าได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไป ข้าชอบก็เพียงพอแล้ว” มู่หรงเจี๋ยกล่าวอย่างจริงจัง
“ขอบพระทัยเพคะ!” จื่ออันจ้องเขาเล็กน้อย แต่มุมปากก็ยกขึ้นนิดหน่อยอย่างช่วยไม่ได้ เขาชอบเหรอ? นางจะคิดว่าแบบนี้เรียกว่าชอบได้อย่างไร?
มู่หรงเจี๋ยเหลือบมองมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยของเขา ใจก็สั่นไหว การกระทำเร็วกว่าสมองหนึ่งก้าว เขาประทับจุมพิตลงไป
ทันทีที่ริมฝีปากมาบรรจบกัน สมองเขาก็กระจ่างแจ้งขึ้นมา อยากผละออก ทว่าริมฝีปากอุ่นที่อ่อนโยนของนางดึงดูดเขา จึงไม่อยากจะผละออกมา
สมองของจื่ออันว่างเปล่าไปชั่วขณะ จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าเขาพยายามหักห้ามใจอยู่ จะเลี่ยงหรือ? สายไปแล้วเพคะ!
จื่ออันเห็นมองออกว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีทักษะอะไร ก็แค่ปล่อยให้เป็นไปตามสัญชาตญาณ ทว่านางเองก็มีทักษะน้อยกว่าเขาเสียอีก ทุกอย่างไปตามจังหวะของเขา แน่นอนว่านางก็แสร้งตามน้ำไป
ตอนที่นางอยู่ในยุคปัจจุบันหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร และไม่ใช่เด็กเรียน จะไม่เคยมีช่วงเวลาที่ดีงามได้คบหาดูใจกับคนรักได้อย่างไร?
การคบหาในช่วงมหาลัยก็มีทั้งการกอดและจูบ คนรักที่มีทักษะขั้นเทพก็มีไม่กี่คน แต่ว่า…ก็ช่างมันเถิด อย่างไรก็ตามการคบหาในช่วงมหาลัยก็แค่กับคนที่มีพื้นเพไม่ได้สูงอะไร ไม่มีคนไหนที่สูงส่งเลย
เป็นเวลานาน กว่าที่คนทั้งสองจะแยกจากกัน ทั้งสองคนหายใจแรงขึ้นเล็กน้อย
หน้าผากยังแนบชิดกันอยู่มิเปลี่ยน ความใกล้ชิดนี้ทำให้รู้สึกดีและสบายจริง ๆ
“เจ้าเพิ่งจะดึงผมข้า จนทำให้รู้สึกเจ็บ” มู่หรงเจี๋ยบ่นนาง
“หม่อมฉันไม่ได้ดึงผมท่านเสียหน่อย”
“ดึงสิ เจ้าลองดูที่มือของเจ้า”
จื่ออันมองดูในฝ่ามือ มีเส้นผมอยู่สองสามเส้นจริง ๆ ด้วย ดูท่าตอนที่นางกลัวว่าเขาจะถอยหนี ก็เลยออกแรงมากเกินไป
“คือว่ามันเป็นครั้งแรกก็ต้องประหม่านิดหน่อยอยู่แล้ว” จื่ออันกล่าวอย่างเหนียมอาย
“เช่นนั้นลองดูอีกสักสองสามครั้งน่าจะดีขึ้นใช่ไหม?” มู่หรงเจี๋ยมองไปที่นางแล้วถาม ดวงตามีเลศนัย
จื่ออันเงยหน้าขึ้นมองเขา เลียริมฝีปากล่างเล็กน้อย “มันก็น่าจะดีขึ้นนะเพคะ”
“เช่นนั้น…มาสร้างความเคยชินกันดีหรือไม่?”
จื่ออันดึงศีรษะเขาเข้ามา “จะเสียเวลาพูดอยู่ใย?” นางประทับจุมพิตลงไป
มู่หรงเจี๋ยรู้สึกได้ว่าคอของเขาถูกเล็บของจื่ออันจิกลงไป รู้สึกเจ็บปวด ช่างเป็นผู้หญิงที่หยาบกระด้างจริง ๆ!