ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 464
จื่ออันยิ้มตอบ “ไม่ใช่ ท่านอ๋องบอกว่า เจ้ายังเยาว์วัยนัก ควรจะเรียนรู้อะไรเสียบ้าง เขาจะให้เจ้าไปเรียนรู้งานจากคนทำบัญชีก่อน”
“เรียนรู้งาน?” กุ้ยหยวนเบิกตากว้าง และหายใจเร็วเล็กน้อย “เรียนรู้งานจากคนทำบัญชี? มันจะเป็นไปได้จริง ๆ หรือขอรับ?”
จื่ออันเอ่ยถาม “เจ้ามีความสุขไหมเล่า?”
“มี มีขอรับ บ่าวอยากเรียน” กุ้ยหยวนตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะขาทั้งสองข้างหัก เขาคงจะกระโดดโลดเต้นไปแล้ว
“อยากเรียน ก็ต้องรักษาบาดแผลให้หายดีก่อน” จื่ออันกล่าว
“บ่าวทราบขอรับ บ่าวจะตั้งใจเรียน “กุ้ยหยวนพยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง ใบหน้าที่ซีดเซียวเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น
แต่ในใจของจื่ออันกลับหนักอึ้ง
หลายปีที่ทำงานเป็นสายลับ ทำให้นางรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของอันตราย
สัญชาตญาณนี้ นางได้มาจากการสั่งสมประสบการณ์มาเป็นเวลานานหลายปี ดังนั้นจึงไม่อาจบอกว่ามันไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง
ระเบิดทางเดินกับภูเขาหินจำลองไปแล้ว มีเพียงมหาเสนาบดีเซี่ยที่พูดกับนางเพียงไม่กี่คำ หลังจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้นอีกเลย นี่มันค่อนข้างจะผิดปกติ
เมื่อใดก็ตามที่มีเหตุการณ์ผิดปกติ นั่นก็หมายความว่าอาจจะมีวิกฤตการณ์เกิดขึ้น
เป็นอย่างที่คาดไว้ คืนนั้นที่แม่นมหยางถูกฮองเฮาเรียกตัวให้เข้าวัง
ตอนที่ออกจากวังมา ก็เป็นยามจื่อซึ่งมันก็ดึกแล้ว
จื่ออันไม่ได้หลับเลย นางรอแม่นมหยางกลับมา
หลังจากที่แม่นมหยางกลับมาแล้วก็เดินตรงไปที่ห้องของจื่ออันทันที จากนั้นก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม “คุณหนูใหญ่ วันนี้อ๋องเหลียงเข้าวังไป แล้วโมโหใส่ฮองเฮาเสียยกใหญ่ ตอนนี้ฮองเฮาโกรธเกลียดท่านมากเจ้าค่ะ”
“นางว่าอย่างไร?” แม้ว่าจื่ออันจะเตรียมใจมาแล้ว แต่พอได้ยินคนที่สุขุมใจเย็นมาโดยตลอดพูดอย่างจริงจัง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักอึ้งขึ้นไปอีก
แม่นมหยางกล่าว “ความหมายของฮองเฮาก็คือให้บ่าวจับตาดูท่านก่อน นางค่อยทำตามสิ่งที่อ๋องเหลียงต้องการ หากในท้ายที่สุดแล้วอ๋องเหลียงยังไม่ยอมรักษาสักที นางก็จะให้ข้าวางยาพิษท่าน”
จื่ออันหัวเราะเล็กน้อย “เป็นเรื่องที่คาดไว้แล้ว”
แม่นมหยางส่ายหน้า ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เกรงว่าคุณหนูใหญ่คงจะคาดไม่ถึง ฮองเฮาไม่เชื่อใจบ่าวแล้วเจ้าค่ะ ดังนั้นพรุ่งนี้จะมีทหารองครักษ์จากวังมาที่นี่หนึ่งนาย อัางข้ออ้างที่สวยหรู บอกว่ามาคุ้มครองคุณหนูใหญ่ แต่ความจริงแล้วคือมาสังเกตการณ์คุณหนูใหญ่กับบ่าว”
จื่ออันขมวดคื้ว “ขอโทษด้วยนะที่ขัาทำให้ท่านต้องลำบาก”
แม่นมหยางส่ายหัว มองมาที่จื่ออัน แล้วถอนหายใจเบา ๆ “ไม่เลยเจ้าค่ะ บ่าวเป็นคนเลือกเอง บ่าวไม่ได้รู้สึกเสียใจ”
“แม่นมก็รู้แผนการณ์ของฮองเฮาดี ตอนนี้ท่านอาจไมได้รู้สึกเสียใจอะไร เพราะภัยพิบัติยังมาไม่ถึง แต่เมื่อวันนั้นมาถึง เกรงว่าแม่นมหยางจะต้องโทษข้าเป็นแน่” ที่จื่ออันพูดไปเป็นการวิเคราะห์นิสัยมนุษย์โดยทั่ว ๆไป ตอนนี้แม่นมบอกว่าจะไม่เสียใจ เพราะนางยังเชื่อว่าสถานการณ์ยังไม่ร้ายแรง
อย่างน้อยก็ทำให้ตนเองหลงเหลือความหวังอยู่บ้าง
แต่ว่านางเองก็ไม่แน่ใจ เพราะว่านางในตอนนี้ ถูกซุ่มโจมตีจากทุกด้านอยู่แล้ว
แม่นมหยางส่ายหัวเบา ๆ บนใบหน้าที่แก่ชราฉายแววความฉลาดขึ้นมา “ตั้งแต่ตอนที่อายุได้สิบสามปีบ่าวก็เข้าวังวังมาแล้ว ใช้ชีวิตอยู่ในวังไปวัน ๆจนถึงวันนี้ สำหรับบ่าวแล้ว นับเป็นโชคดี แต่ว่ามีบางครั้งที่บ่าวถามตนเองว่า นี่คือสิ่งที่บ่าวต้องการหรือไม่? ในวังหลัง ทาสที่มีจุดจบที่ดีมีไม่มาก ติดตามนายที่เก่งกาจมากเท่าไหร่ จุดจบก็อนาถมากขึ้นเท่านั้น เพราะว่าสามารถตกเป็นเหยื่อล่อเพื่อนายได้ทุกเมื่อ”
จื่ออันมองไปที่นาง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“แต่ว่า” แม่นมหยางค่อย ๆ คุกเข่าลง “บ่าวไม่เคยคิดเลยว่า จะมีวันที่บ่าวได้พบใครสักคน ซึ่งคน ๆนั้นจะเป็นเห็นบ่าวเป็นคนในครอบครัวด้วยใจจริง ไม่ลังเลสักนิดที่จะปกป้อง บ่าวไม่เคยเผยความรู้สึกในใจที่มีต่อคุณหนูใหญ่ให้รู้เลย หากท่านไม่ทิ้งบ่าว ชั่วชีวิตนี้ของบ่าวก็จะไม่จากท่านไปไหนเจ้าค่ะ”
จื่ออันยื่นมือไปพยุงตัวนางให้ลุกขึ้น และพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “รีบลุกขึ้นเถิด ความรู้สึกดีของท่านข้ารับรู้ได้ ข้าไม่เคยสงสัยในความภักดีที่ท่านมีต่อข้าเลย ในความเป็นจริง ท่านละทิ้งชีวิตที่สุขสบายในวังมาลำบากตรากตรำอยู่กับข้าในจวนมหาเสนาบดี ต้องมาเผชิญกับแผนการชั่วร้ายมากมาย ลำบากท่านแล้วนะ”