ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 478
วันรุ่งขึ้น ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิยังคงส่งท่านหมอไปยังหมู่บ้านศิลา และเปิดเผยอการของโรคระบาด พร้อมทั้งเปิดรับท่านหมอ หากว่าผู้ใดสามารถทำการรักษาได้ จะได้รับเงินรางวัลเป็นจำนวนหนึ่งหมื่นตำลึง
ในทันใดนั้น ท่านหมอเป็นจำนวนมากก็เดินทางไปยังหมู่บ้านศิลา มีผู้ติดเชื้ออีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้ถูกจับตัวมา เมื่อถูกจับตัวมาแล้วก็จะถูกคุมขังอยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษของหมู่บ้าน ผู้ที่ไม่ได้ติดเชื้อก็จะอาศัยอยู่ที่เรือนทางด้านขวา ตรงกลางจะมีถนนใหญ่แบ่งแยกเอาไว้ เพื่อให้ท่านหมอทั้งหลายผ่านไปได้
เมื่อมีท่านหมอเข้าไปแล้ว ก็จะมีเจ้าหน้าที่ทหารก็จะนำผู้ป่วยที่ถูกผูกติดเอาไว้ออกมา ให้ท่านหมอได้ตรวจดูอาการ
ด้วยวิธีการเยี่ยงนี้ เมื่อมีท่านหมอกลุ่มหนึ่งเข้ามา หมออีกกลุ่มก็จากไป เหล่าทหารต่างก็รู้สึกรำคาญ ทุกคนเมื่อตรวจสอบอาการเสร็จแล้วนั้น ต่างก็บอกว่าไม่มีวิธีการ ยังต้องรบกวนให้พวกเขานำเข้านำออกมาอยู่เรื่อย
และในคืนนี้ มีผู้ติดเชื้ออยู่รายนึงดึงเชือกจนหลุดออกมาได้ กัดเข้าไปยังท่านหมอผู้หนึ่งและนายทหารสองนาย เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป จึงทำให้ไม่มีท่านหมอกล้าที่จะเข้ามาอีก ถึงแม้ว่าเงินทองนั้นจะสำคัญ แต่ก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าชีวิตแล้ว
แม่ทัพฉีนำคนเข้าตรวจสอบในทุกพื้นที่ของเมืองหลวง พบว่าทางตอนเหนือของเมืองหลวงตรงถนนฟู่คังนั้นมีผู้ติดเชื้ออยู่ และยังได้กัดคนในครอบครัวไปแล้วถึงสามคน
ถนนฟู่คังนั้นอยู่ไม่ไกลไปจากถนนฟู่กุ้ยนัก ราชสำนักจึงได้มีคำสั่ง ให้ปิดล้อมถนนฟู่คังเอาไว้ บริเวณรอบ ๆ ที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ ก็ให้อพยพออกไป
จื่ออันรู้ว่าตนเองนั้นไม่มีวิธีที่จะอยู่ในเมืองหลวงต่อแล้ว นางจึงได้คิดเอาไว้ว่าค่ำนี้จะไปยังนอกเมือง เพื่อปลดคลายเส้นชีพจรของหวางหยู นางไม่มีวิธีที่จะช่วยเขาแล้ว
ก่อนที่จะออกไปนั้น มู่หรงเจี๋ยก็ได้เข้ามา
“ทำไมถึงได้ยังไม่ไปอีก?” มู่หรงเจี๋ยแสดงออกมาว่าโมโหเป็นอย่างมาก
จื่ออันจึงได้เอ่ย “ข้าจะไปในวันพรุ่งนี้ เมื่อครู่พึ่งจะคิดว่าจะออกไปยังนอกเมืองเสียหน่อย ปลดคลายเส้นชีพจรให้แก่หวางหยู ทำให้เขาได้มีช่วงที่มีความสุขสักเล็กน้อย”
“ข้าจะไปกับเจ้า” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมา มองเห็นในหน้าของนางที่มีความโศกเศร้า ดูเหมือนว่านางจะกล่าวโทษตนเองที่ไม่มีความสามารถจนรู้สึกเศร้าเสียใจ
“ท่านไม่ต้องไปหรอก กลับไปพักผ่อนเสียหน่อย ดูท่านสิ ดวงตาเริ่มจะดำคล้ำเสียแล้ว” จื่ออันเอ่ยด้วยความเจ็บปวดใจ
“ไม่เป็นไร กลับไปก็นอนหลับไม่ลง” มู่หรงเจี๋ยขี่ม้าเข้ามา แต่ว่าเมื่อวันนี้จะออกนอกเมือง จึงต้องนั่งรถม้าของนางไปแต่โดยดี
รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากเมืองไป ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองโดนปิดล้อม ออกนอกเมืองนั้นล้วนแต่ต้องได้รับการตรวจสอบ จื่ออันยกม่านขึ้นมา เมื่อผู้ดูแลรักษาเมืองพบว่าเป็นมู่หรงเจี๋ย จึงได้รีบร้อนปล่อยออกไป
จื่ออันพบว่าคิ้วของเขาขมวดขึ้นมา ดูท่าทางเหมือนกับว่าจะมีเรื่องหนักใจอยู่อย่างไรอย่างนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ตอนนี้สถานการณ์นั้นหนักหนามากหรือไม่?”
“นอกจากที่หมู่บ้านศิลาแล้ว ภายในกองทัพเองก็พบเข้ากับสถานการณ์นี้เช่นกัน ตอนนี้มีมากถึงสามสิบสองคนเข้าไปแล้วที่โดนกัด แต่ว่ามีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่แสดงอาการออกมา” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยด้วยใบหน้ามืดมน
“กองทัพเองก็พบแล้วเช่นกันหรือ? ท่านก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าสั่งคนให้คอยเฝ้าสังเกตอย่างรัดกุมมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ?”
“เฝ้าสังเกตไม่ไหว ผู้ที่โดนกัดนี้ หากว่าเขาไม่ได้เอ่ยออกมาด้วยตนเองแล้ว ผู้ใดจะรู้กัน? เขากัดผู้อื่นไปแล้ว ผู้ที่โดนกัดนั้นก็จะไม่ส่งเสียงออกมา จนถึงคนผู้นั้นจะแสดงอาการออกมา จึงถูกพบเข้า จากนั้นถึงได้ให้ทั้งกองทัพนั้นถอดเสื้อผ้าออก จึงได้พบว่ามีมากถึงสามสิบกว่านายที่โดนกัดแล้ว”
“ผู้อื่นที่ไม่ได้แสดงอาการออกมานั้น ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าทั้งสามสิบเอ็ดคนนั้นถูกคนคนเดียวกันกัด” จื่ออันเอ่ย
“ใช่แล้ว ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก จื่ออัน คนเพียงคนเดียวในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ สามารถกัดคนไปมากถึงสามสิบกว่าคนแต่ไม่ถูกพบเข้า นี้มันหมายความถึงอะไรกัน?”
“ในกองทัพนั้นมีคนคอยปิดบังให้คนที่กัดผู้อื่นอยู่” จื่ออันไม่ต้องคิดก็เอ่ยออกมา
“ไม่ผิด กองทหารรักษาการณ์ของเมืองหลวง ล้วนแต่เป็นข้าที่บัญชาการอยู่ คนของข้านั้น มีผู้สอดแนมอยู่ ข้างกายข้าเองก็มีอยู่”
“ผู้สอดแนมข้างกายท่าน ยังหาไม่พบหรือ?” จื่ออันเอ่ยถาม
“หาพบแล้ว เป็นคนของกุ้ยไท่เฟย” มู่หรงเจี๋ยยิ้มเย็นออกมา “นางคอยสอดแนมอยู่ข้างกายข้า ครั้งนี้ในกองทัพเองก็มีผู้สอดแนมอยู่ นี่ก็หมายความว่า เรื่องในครั้งนี้นั้น นางอาจจะมีส่วนร่วมอยู่ไม่มากก็น้อย”
“ผู้สอดแนมในกองทัพนั้นอาจจะไม่ใช่นางที่ส่งเข้าไปก็เป็นได้” จื่ออันเอ่ยออกมา
แต่ไม่ใช่ว่านางจะแก้ตัวให้แก่กุ้ยไท่เฟย เพียงแต่รู้สึกว่าอาจจะมีความเป็นไปได้บางอย่างก็เป็นได้
“ทั้งแถวนั้น นอกจากคนผู้นั้นเพียงคนเดียว ที่เหลือโดนกัดทั้งหมด คนที่ไม่โดนกัดมีเพียงคนผู้นั้น เป็นญาติห่าง ๆ ทางบ้านฝั่งมารดาของนาง นางเป็นคนที่จัดการส่งเข้าไป”
จื่ออันเมื่อได้ฟังคำประโยคนี้เข้าแล้ว จึงได้รู้ว่าเขาได้ตรวจสอบทั้งหมดแล้ว