ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 510
ซูชิงรีบร้อนเอ่ย “ไม่ใช่ อย่าได้เข้าใจผิดกัน จื่ออันนั้นเป็นบุตรสาวของจวนมหาเสนาบดี คนก็ดียิ่งนัก ทักษะการแพทย์สูงส่งจิตใจงดงาม”
เมื่อได้ฟังคำชื่นชมของซูชิง โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ก็ยิ่งไม่ยินดีเข้าไปอีก กวาดตามองจื่ออันด้วยความเย็นชา เอ่ยออกมา “ที่นี่นั้นทำงานทั้งเหนื่อยทั้งสกปรก อีกทั้งยังพบเจอกับภัยอันตรายได้ทุกเมื่อ เจ้าที่เป็นถึงคุณหนูใหญ่คงจะรับไม่ได้หรอก รีบออกไปเสียเถิด”
ท่าทางที่แสดงออกมาเพื่อยั่วยุคู่แข่ง จื่ออันจะยอมแสร้งอ่อนแอได้เสียที่ไหนกัน? นางจ้องมองตรงไปยังโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ “เสี้ยนจู่นั้นสถานะสูงส่ง ก็ยังจะมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยได้ แล้วข้ามีอะไรกันที่ไม่อาจจะทนรับได้บ้าง?”
แม่ทัพหลี่นั้นไม่รู้ถึงสถานะของโหรวเหย๋าผู้นี้มาโดยตลอด เมื่อได้ฟังซูชิงและนางสนทนากัน จึงได้รู้ขึ้นมา จึงอดไม่ได้ที่จะแสดงออกถึงความเคารพต่อโหรวเหย๋า
ทั้ง ๆ ที่มีสถานะเป็นถึงเสี้ยนจู่ กลับยินยอมมาเสี่ยงอันตรายยังพื้นที่ภัยพิบัตินี้ คอยดูแลรับใช้ผู้ที่มีสถานะต่ำกว่า หากว่าเปลี่ยนเป็นชาวบ้านทั่วไป ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะสามารถทำได้
เนื่องจากว่ามีความเคารพต่อโหรวเหย๋า เมื่อได้ฟังคำที่เหมือนจะยั่วยุของจื่ออัน เขาจึงได้เอ่ยออกมาว่า “โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่อยู่ที่นี่มาเป็นเวลาสามวันแล้ว ทุกวันก็จะกินข้าวเพียงแค่มื้อเดียว ส่วนเวลาอื่นนั้นล้วนแต่เอามาคอยดูแลผู้ป่วย นี่ถึงจะเป็นผู้ที่มีจิตใจดั่งพระโพธิสัตว์ที่แท้จริง”
โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่โยนถุงมือไส้ปลาคู่นึงให้จื่ออัน “ในเมื่อมาแล้ว ก็ทำงานเถิด”
ซูชิงเอ่ยอกมา “ยังไม่ต้องรีบร้อน นางยังไม่ได้กินข้าว ให้นางได้กินอะไรสักเล็กน้อยเสียก่อน”
“ฮึ!” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่มองไปทางจื่ออันด้วยความเฉยเมย “ต้องการจะกินข้าวก็กินเสียที่นี่ หากว่านางจะกินมันลงนะ”
จื่ออันนำถุงมือไส้ปลานั้นวางไว้ด้านข้าง มองไปยังสถานการณ์โดยรอบ ที่นี่มีคนไข้อยู่ประมาณห้าสิบกว่าคน อีกทั้งพบว่าในช่วงหลายวันมานี้ไม่หยุดที่จะมีผู้ที่เสียชีวิตลงไป
ผู้คนเหล่านี้นั้นล้วนแต่เจ็บปวดเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะถูกมัดติดเอาไว้ แต่ก็ยังพยายามที่จะดิ้นรน ดวงตาแดงก่ำ แววตาเผยความคลั่งออกมา ราวกับว่าไม่มีสติอยู่แล้ว ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ได้เพราะพิษไข้เท่านั้น
ทหารนำหมั่นโถวหลายลูกเดินเข้ามา ตามที่แม่ทัพหลี่ได้เอ่ยสั่ง
แม่ทัพหลี่เอ่ยกับจื่ออันออกมา “มีเพียงแค่เหล่านี้แล้ว คุณหนูใหญ่จัดการกับมันเสียเล็กน้อยก่อนเถอะ นี่ก็ถือว่าดีเป็นอย่างมากแล้ว”
จื่ออันเอ่ย “เจ้าลองปรับเปลี่ยนอาหารของชาวบ้านสักเล็กน้อยเถอะ”
แม่ทัพหลี่ยิ้มเย็นเอ่ยออกมา “ปรับเปลี่ยน? คุณหนูใหญ่เอ่ยออกมาอย่างง่ายดายเสียจริง จะให้เอาเงินมาจากที่ใดกัน? ราชสำนักยังมิได้ส่งเงินออกมาให้เลย”
จื่ออันเอ่ยถามซูชิง “ราชสำนักยังมิได้ส่งเงินมาให้หรือ?”
“ท่านอ๋องได้ลงนามให้ส่งเงินมาให้จำนวนมากแล้ว อีกทั้งประทานพระราชโองการให้ทางด้านของใต้เท้าจิงจ้าว หยินเหลียงเป็นผู้จักการซื้อหาวัตถุดิบแล้ว” ซูชิงหันหลังกลับไปเอ่ยถาม แม่ทัพหลี่ “ทางด้านของศาลาว่าการยังมิเคยจัดส่งวัตถุดิบมาให้หรือ?”
แม่ทัพหลี่สีหน้าขมขื่นพลางเอ่ยออกมา “ส่งมาที่ใดกัน? พวกข้าถามหาไปตั้งหลายครั้งหลายคราแล้ว จนถึงตอนนี้ครอบครัวของชาวบ้านในหมู่บ้านยุ้งฉางล้วนแต่นำออกมากันแล้ว เพราะว่าไม่ใช่ชาวบ้านทุกคนที่จะทำการเพาะปลูกกัน ยังมีบางส่วนที่ทำการค้าขายขนาดเล็ก ที่ตอนนี้ก็ยังออกไปกันไม่ได้ ต่อให้ในมือจะมีเงินทองอยู่ ก็มิอาจที่จะหาซื้อกันได้ คนของพวกเราเองก็มีไม่เพียงพอ มิอาจที่จะไปไหนได้”
“กองทหารรักษาการณ์ด้านนอกนั้น เป็นท่านอ๋องส่งมาใช่หรือไม่?” ซูชิงเอ่ยถาม
“เป็นท่านอ๋องที่ส่งมา แต่ว่าท่านอ๋องสั่งการเอาไว้อย่างแน่นหนาว่าห้ามมิให้พวกเขาไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว จะต้องรักษาการณ์แนวป้องกันนี้ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไป และห้ามมิให้ผู้ใดออกมา พวกเราเองก็ไม่อาจที่จะออกไปได้อย่างง่ายดายนัก”
“ใต้เท้าเหลียง ท่านนี้แม้แต่อาหารก็ไม่ส่งมา ดูเหมือนว่าหน้าที่การงานนี้คงจะถึงคราวสิ้นสุดเสียแล้ว” ซูชิงเอ่ยเสียงเย็น
โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เมื่อได้ฟังคำนี้ จึงเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “ใต้เท้าเหลียงละเลยคำสั่ง ด้านหลังไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้ใดคอยยุยงอยู่ก็เป็นได้”
จื่ออันเอ่ยกับซูชิง “เจ้าไปเรือนของตระกูลเฉินสักรอบหนึ่ง ขอเบิกเงินทองมาจากเสี่ยวซุน ตระกูลหูเคยเอ่ยออกมาแล้ว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของหมู่บ้านศิลานี้ จะมีร้านติ้งเฟิงเป็นผู้รับผิดชอบ ร้านติ้งเฟิงเองวันนี้ก็ส่งมาให้แล้วถึงหนึ่งพันชั่ง ตอนนี้อยู่ในมือของเสี่ยวซุนดูแลอยู่ เจ้าบอกให้นางเบิกออกมาแล้วนำคนไปหาซื้ออาหาร อาหารจะต้องมีพร้อมเพรียง มิอาจกินแต่เพียงแค่หมันโถวเท่านั้น”
เมื่อถูกกักบริเวณอยู่ที่นี่ เป็นหรือตายก็มิอาจรู้แน่ หากแม้แต่มื้ออาหารดี ๆ สักมื้อยังมิอาจได้กินแล้ว ก็มิอาจเอ่ยอันใดออกมาได้อีก
ซูชิงยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ดูที่ข้าเอ่ยไว้สิ? ช่างเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่?”
โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ยิ้มเย็นเอ่ยออกมา “เอาเงินทองของตระกูลหูมาแสดงความใจกว้าง พระโพธิสัตว์นี้ช่างเป็นได้อย่างง่ายดายเสียจริง”
จื่ออันหมุนกายกลับมา กัดหมันโถวเข้าไป เอ่ยออกมาด้วยความแน่นหนักจากในใจ “ข้าไม่ชอบเจ้าจริงเลย”