ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 511
หลังจากผ่านการทำความเข้าใจ ถึงได้รู้ว่าโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ และท่านหมอทั้งหลายเหล่านี้เพิ่งจะมาถึงเมืองหลวง เมื่อได้ยินว่าเกิดโรคระบาดขึ้น ก็ไม่ได้มีท่านหมอคนไหนเข้ามารักษาคนไข้ที่นี่ จึงได้อาสาตนเองเข้ามา
ส่วนอาสาสมัครเหล่านี้ ในใจของจื่ออันชื่นชมเป็นอย่างมาก นอกจากโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ สาเหตุที่สำคัญก็เพราะว่านางมีรูปโฉมที่งดงามจนเกินไป อีกทั้งรู้ว่านางนั้นชื่นชอบมู่หรงเจี๋ย
นางมักจะรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นชายใดล้วนแต่ชื่นชอบหญิงสาวเช่นโหยวเหย๋าเสี้ยนจู่กันทั้งสิ้น อบอุ่น ใจกว้าง จิตใจดี ดูแลคนไข้อย่างไม่ลดละ
มู่หรงเจี๋ยจะไม่ชอบได้หรือ? โกหก
ในตอนที่ทำงานกันนั้น แม่ทัพหลี่ถึงได้มองเห็นทักษะของจื่ออันดูชำนาญกว่าท่านหมอเหล่านั้นอยู่มาก
นางร้องขอให้ทุกการทำความสะอาดบาดแผลใช้ยาฆ่าเชื้อที่นางทำขึ้นเอง และหลังจากที่ฆ่าเชื้อแล้ว เห็นได้ว่าบาดแผลดูสะอาดกว่าก่อนหน้านั้นมาก
อีกทั้งนางยังฝังเข็มให้กับผู้ป่วยทุกราย
ในตอนที่โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เห็นว่านางเริ่มฝังเข็มนั้น ยังคงเย้ยหยันออกมา “เจ้าเรียนฝังเข็มมาด้วยอย่างนั้นหรือ?”
แต่ว่าเมื่อนางเห็นจื่ออันใช้วิธีเข็มทยานขึ้นมาสอดลงไปบนศีรษะของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องแล้ว รอยยิ้มเย้ยหยันของนางก็ค่อยกลายเป็นเคารพขึ้นมา
ในใจของคนที่ศึกษาด้านการแพทย์ มักจะมีความเย่อหยิ่งอยู่เสมอ ทว่าในขณะเดียวกันก็มีใจหวาดเกรงต่อผู้ที่มีทักษะการแพทย์อันยอดเยี่ยมอยู่เช่นกัน
ผู้ป่วยจำนวนห้าสิบราย จื่ออันไม่แม้แต่จะดื่มน้ำ ฝังเข็มติดต่อกันถึงสองชั่วยาม มีหลายคนที่ทนไม่ไหว แต่นางเองกลับยังคงมีกำลังใจที่ดีอยู่
แม่ทัพหลี่ที่ตอนต้นนั้นดูถูกจื่ออัน ทว่ามาตอนนี้ก็ค่อย ๆ ขยับสถานะของจื่ออันให้สูงขึ้นทีละน้อย
“ฝังเข็มมีประโยชน์อย่างนั้นหรือ?” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เอ่ยถามจื่ออันออกมา ในตอนที่ประคองหมันโถวสองสามลูก และโจ๊กเข้ามาหลังจากที่การฝังเข็มเสร็จสิ้นแล้ว
จื่ออันล้างมือก่อนที่จะนั่งลงหยิบหมันโถวยัดเข้าปาก จากนั้นก็เปิดกล่องยาแล้วหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา สิ่งนี้คือบันทึกที่นางจดลงไปในตอนที่ช่วยรักษาหวางหยูและคนอื่น ๆ เมื่อกินหมันโถวจนหมด นางถึงได้เอ่ยออกมา “สามารถช่วยควบคุมความรวดเร็วของการแพร่ระบาดของโรค หลังจากที่ฝังเข็มแล้วสามารถดื่มน้ำได้ สามารถป้อนน้ำข้าวได้ ถือว่าเป็นการยื้อชีวิตของพวกเขาเอาไว้ได้ชั่วคราว เพื่อให้พวกเราได้แย่งชิงเวลาคิดค้นใบสั่งยาออกมา”
“ฝังเข็มสามารถบรรเทาอาการป่วยได้หรือ?” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ “เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน? เจ้าเคยพบกับโรคผีดิบเช่นนี้มาก่อน?”
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยพบ แต่ว่าข้าเคยมายังพื้นที่ระบาดมาก่อน และเคยรักษาผู้ป่วยโรคผีดิบหลายคนมาก่อน หลังจากที่ฝังเข็มแล้ว อาการป่วยก็ทุเลาลง แต่ว่าก็ยังไม่หาย”
โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ตะลึงไปครู่หนึ่ง “เจ้าเคยมารักษาก่อนหน้านี้แล้วหรือ? พื้นที่อื่นก็มีผู้ที่ป่วยเป็นโรคผีดิบอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว นอกจากหมู่บ้านศิลาแล้ว ก็มีพื้นที่อื่นที่มีโรคผีดิบปรากฏออกมา” จื่ออันพลิกดูสมุดบันทึก ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ “ในตอนที่พวกท่านมานั้น บาดแผลของผู้ป่วยเหล่านี้เป็นอย่างไร? สามารถเอ่ยออกมากับข้าให้กระจ่างได้หรือไม่? และยังมีอาการเจ็บป่วยแต่ละขั้น นานแค่ไหนถึงจะมีอาการหนึ่งครั้ง มีอาการแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ข้าต้องการจะรู้ทั้งหมด จากนั้นค่อยทำการเปรียบเทียบ”
โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เห็นได้ชัดว่ามีความเป็นมืออาชีพมากเช่นกัน จึงปล่อยวางความคับข้องใจส่วนตน แล้วหยิบสมุดบันทึกออกมาจากหน้าต่างของโถงบรรพบุรุษส่งให้กับนาง “นี่คือบันทึกที่ข้าจัดทำขึ้นหลังจากที่มาถึงยังที่นี่ หลังจากที่ข้ามาถึง แต่ละวันมีคนไข้ที่ตายลงไปราวหกเจ็ดคน”
หกเจ็ดคน? เห็นได้ชัดว่าในชุดชุดหนึ่ง และกล่าวคือ ในตอนต้นที่มีการปล่อยผู้ป่วยผีดิบ ครั้งหนึ่งจะต้องกัดคนไปถึงหกเจ็ดคน
พวกเขาจะต้องเตรียมผู้ป่วยไว้สามถึงสี่ชุด เมื่อนับแล้วก็มีประมาณยี่สิบคน
อีกทั้งผู้ป่วยเหล่านี้ก็จะตายไปด้วย และก็หมายความว่า ในทุก ๆ สองสามครั้ง พวกเขาจะต้องจับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ไปยังถ้ำ เพื่อเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นผู้ป่วยผีดิบ เพื่อนำไปปล่อยยังสถานที่อื่นอีกต่อไป
จื่ออันทำเครื่องหมายเอาไว้ ก่อนจะเรียกแม่ทัพหลี่เข้ามา “รบกวนแม่ทัพหลี่ไปยังจวนผู้สำเร็จราชการสักรอบเถิด บอกกับเขาว่าให้ระมัดระวังผู้ที่สูญหายไปล่าสุด ภายในเมืองหลวงหรือนอกเมืองเข้าไว้”
“ผู้สูญหาย?” เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพหลี่ดูจะไม่เข้าใจ
“เจ้าบอกกับเขาก็พอ เขาจะรู้ได้เอง” จื่ออันเอ่ยออกมา
“ตกลง ตัวข้า แม่ทัพจะไปเดี่ยวนี้” แม่ทัพประสานมือออกมาแล้วก็ออกไปเลย
แม่ทัพหลี่ที่เพิ่งจะออกไป ซูชิงก็นำเหล้าเข้ามา ยิ้มยินดีแล้วเอ่ยออกมา “มาพวก มาดื่มกันสักจอกเถอะ”