ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 514
“ข้าออกจากเมืองหลวงมาครึ่งปีกว่าแล้ว และก็ไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้ของเขาเลย เขาตอนนี้จะมีคนในใจแล้วหรือไม่?” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ดึงนางเข้ามาเอ่ยถาม
“น่าจะไม่มีกระมัง? แต่ว่าเฉินหลิวหลิ่วเคยเอ่ยออกมาว่า ซูชิงยินดีที่จะแต่งงานกับนาง”
โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ขมวดคิ้วออกมา “เฉินหลิวหลิ่ว? หลานสาวของเฉินไท่จวินหรือ? คนผู้นี้คงไม่ง่ายที่จะจัดการได้”
“เป็นนาง แต่ว่าจริง ๆ แล้วนางเองก็มีคนที่อยู่ในใจแล้ว นางชื่นชอบเซียวท่า”
“เช่นนั้นก็ไม่ยิ่งง่ายหรอกหรือ? ให้เซียวท่าขอนางแต่งงาน!” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เอ่ยออกมาทันที
“แม้แต่ฝันนางก็ยังคิดถึง แต่ว่าเซียวท่าไม่ได้คิดอะไรกับนางเลย”
“ทุบให้มึนงง แล้วโยนลงบนเตียง เจ้าลาโง่อย่างเซียวท่าจำต้องใช้วิธีบังคับยิงลูกธนูอันแข็งแกร่ง” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เอ่ยออกมาในทันที
จื่ออันมองไปยังนางด้วยความตื่นตะลึง เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น เฉินหลิวหลิ่วและโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่น่าจะเป็นผู้ที่มาจากยุคปัจจุบัน
เซียวท่าที่กำลังหลับใหลอยู่ภายในจวนแม่ทัพใหญ่ที่ไกลออกไปนั้น ภายในฝันนั้นจามติดต่อกันหลายคราว หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกมึนงง จากนั้นก็ม้วนกายซุกผ้าห่มก่อนจะนอนหลับต่อไป
และเป็นเพราะว่าปัญหาระหว่างโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ได้รับการคลี่คลายลงแล้ว ในใจของจื่ออันจึงรู้สึกมีความสุขขึ้นมา ค่ำคืนนี้จึงไม่ได้นอนหลับพักผ่อน มือข้างหนึ่งหยิบโกศจุฬาลัมพาจีนออกมาไล่ยุง มืออีกข้างหนึ่งหยิบขวดเหล้าออกมา จากนั้นก็นั่งลงพูดคุยกับโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่
พูดคุยกันทั้งคืน
ภายในจวนมหาเสนาบดี
“ฮูหยินผู้เฒ่า ทางด้านของกุ้ยไท่เฟยทรงส่งคนมาบอกว่า เซี่ยจื่ออัน มู่หรงเจี๋ย และหนี่หรง ทั้งสามคนเคยตามหาอะไรบางอย่างที่ในทุ่งหญ้านอกเมือง และยังนำยาสมุนไพรกลับมามากมาย” ชุ่ยยู่เอ่ยรายงานออกมา
“ทุ่งหญ้า? ตามหาสมุนไพรอย่างนั้นหรือ?” ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าเป็นประกาย ครั้งนี้ถึงแม้ว่าเซี่ยจื่ออันจะได้รับคำสั่งทางทหารบีบบังคับถึงได้จำต้องเข้าสู่พื้นที่ภัยพิบัติ แต่ทว่านางมักจะรู้สึกว่าเรื่องราวมันดูราบรื่นจนเกิดไป ด้วยลักษณะนิสัยของนางแล้ว จะต้องก่อเรื่องขึ้นก่อนใช่หรือไม่?
“น่าจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ” ชุ่ยยู่เอ่ยตอบกลับไป
ฮูหยินผู้เฒ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าสั่งคนลงไป ให้เผาทุ่งหญ้าที่พวกเขาเคยตามหามาก่อนทิ้งไปทั้งหมด”
ชุ่ยยู่เอ่ยถามกลับไป “ฮูหยินผู้เฒ่า เกรงว่านางจะตามหายารักษาโรคที่ใช้รักษาโรคผีดิบเจอแล้วอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยออกมา “ไม่อาจที่จะไม่คิดออกมาเช่นนี้ได้ ข้าครุ่นคิดมาทั้งคืนก็รู้สึกว่าเซี่ยจื่ออันในคราวนี้ดูราบรื่นจนเกินไป นางเข้าไปด้านในนั้นโดยที่ไม่แม้แต่จะโวยวายออกมา อีกทั้งทางด้านของกุ้ยไท่เฟยก็ยังมีคนมารายงานแล้วว่า ทางด้านเรือนเล็กของตระกูลเฉินนั้น สงสัยว่าจะมีกลิ่นของผู้ป่วยโรคผีดิบลอยโชยออกมา ข้าสงสัยว่าทางด้านเรือนเล็กของตระกูลเฉินจะแอบซ่อนผู้ป่วยโรคผีดิบอยู่ เซี่ยจื่ออันพักอยู่ที่นั่นถึงห้าวัน ก็อาจจะศึกษาใบสั่งยาอยู่ก็เป็นได้”
“ทว่าทุ่งหญ้าด้านนอกเมืองนั้น คงจะไม่มียาสมุนไพรอะไร ล้วนแต่เป็นหญ้าทั่วไปเท่านั้น”
ฮูหยินผู้เฒ่ากดลงบนมือ “พวกเราไม่อาจจะเสี่ยงอันตรายได้ จำต้องใช้ทุกวิธีการเพื่อป้องกันเซี่ยจื่ออันตามหาวิธีการรักษาโรคระบาดให้ได้ มิฉะนั้นแล้วคราวนี้นางจะสร้างความชอบครั้งใหญ่ได้ ภายหน้าหากว่าจะฆ่านาง ก็คงจะแทบเป็นไปไม่ได้เลย”
ชุ่ยยู่พยักหน้า “เจ้าค่ะ บ่าวจะสั่งคนให้ไปทำเดี่ยวนี้”
วันถัดมา จื่ออันออกจากพื้นที่ภัยพิบัติ ไปยังทางด้านทุ่งหญ้าเพื่อค้นหาอีกครั้ง ก็พบว่าทุ่งหญ้านั้นกลายเป็นพื้นดินไหม้เกรียม
เป็นซูชิงที่เป็นคนนำนางไปที่นั่น เมื่อซูชิงพบเข้าก็เอ่ยออกมาอย่างโมโห “มีคนลงมือทำ ดูเหมือนว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคงจะอดทนไม่ได้แล้ว เกรงว่าคงจะกลัวว่าเจ้าตามหาวิธีรักษาโรคผีดิบได้เข้าจริง ๆ”
จื่ออันกลับไม่ได้กรุ่นโกรธ นางย่อกายลงหยิบขี้เถ้าสมุนไพร แล้วหยิบเศษดินสกปรกออก ใช้มือถูไปมาอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตามหาต่อไปเบื้องหน้า
“เจ้าหาอะไรกัน? ที่นี้ไม่มีหญ้าสมุนไพรใดที่มีชีวิตอยู่เลย” ซูชิงเอ่ยออกมา
จื่ออันไม่ได้เอ่ยออกมา คอยหยิบขี้เถ้าหญ้าตามระหว่างทางต่อไป ไม่นานหลังจากนั้นจึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยถามซูชิง “เจ้ายังจำได้ครั้งแรกที่หนี่หรงถูกกัดได้หรือไม่ ในตอนที่เขากลับมานั้น บาดแผลมีเศษดินสกปรกอยู่หรือไม่?”
ซูชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าจำไม่ได้แล้ว”
จื่ออันคว้าเศษดินกำมือหนึ่งใส่ลงไปในขวด แล้วเอ่ย “พวกเรากลับไปยังเรือนเล็กของตระกูลเฉินกัน ข้ามีบางอย่างจะถามกับหนี่หรง”