ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 527
แม่ทัพหลี่นำกาเหล้าออกมา แล้วส่งไปให้จื่ออัน “ดื่มสักหน่อยเถอะ”
จื่ออันรับมา ก่อนที่จะดื่มติดต่อกันถึงสามคำ เหล้าร้อนแรงไหลลงคอก่อนไปถึงท้องของนาง ช่วงท้องรู้สึกถึงความร้อนแรงขึ้นมาเป็นระยะ ทั่วทั้งกายก็เริ่มร้อนขึ้น
จื่ออันส่งเหล้ากลับไปให้แม่ทัพหลี่ จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “หลายวันก่อนหน้านี้ หนี่หรงเคยถูกกัดมาก่อนครั้งหนึ่ง ทว่าตอนนั้นเขาอยู่นอกเมือง จึงใช้สมุนไพรที่ใช้สำหรับภายนอกไปบางอย่าง สมุนไพรผ่านการเคี้ยวมาก่อน ตอนที่ถูกกัดนั้น อาการไม่ได้กำเริบออกมา พวกเราจึงคิดกันว่า ที่กัดเขานั้นไม่ใช่ผู้ป่วยโรคผีดิบ แต่ว่าอีกไม่กี่วันก่อน ในตอนที่ข้าเข้ามายังพื้นที่ภัยพิบัตินั้น เขาก็ถูกกัดเข้าอีกครั้ง มีคนที่ถูกกัดพร้อมกันกับเขารวมสามคน เหตุการณ์ในวันนั้นค่อนข้างจะคล้ายคลึงกับคืนวันนี้ คนที่ถูกกัดนั้นเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง ทหารองค์รักษ์คนหนึ่ง อีกคนหนึ่งก็คือหนี่หรง อีกสองคนตอนนี้ยังถูกควบคุมด้วยการฝังเข็มและสารหนู เพื่อระงับอาการป่วยลงชั่วคราว ส่วนหนี่หรงนั้นไม่แสดงอาการป่วยอันใดออกมาเลย”
โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ถึงได้เข้าใจขึ้นมาว่า ทำไมคืนนี้นางถึงได้ห้ามมิให้หลูซื่อเข้าไปพบกับหลี่เอ้อร์ในโถงบรรพบุรุษ
นางเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษด้วย ข้าไม่ควรสงสัยการตัดสินใจของเจ้า”
แม่ทัพหลี่เอ่ยถามออกมา “เช่นนั้นก็หมายความว่า หลังจากที่เจ้าใช้สารหนูเป็นยาแล้ว มีเพียงแค่หนี่หรงเท่านั้นที่หายแล้ว?”
จื่ออันเอ่ยออกมา “ทางด้านยานั้น ข้ายังคงต้องศึกษาต่อไป ส่วนก่อนหน้านั้นที่ข้ารักษาไป สารหนูนั้นมีประโยชน์จริง แต่ก็ยังไม่อาจรักษาได้”
นางลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ ไม่เอ่ยถึงแล้ว ข้าได้สั่งยาไปเรียบร้อยแล้ว เป็นยาล้างพิษ ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์ไม่มากนัก แต่ก็พยายามให้พวกเขาดื่มลงไป หากว่าเริ่มมีอาการป่วยแล้วนั้น การดื่มน้ำก็ถืว่าเป็นเรื่องยากแล้ว”
โรคผีดิบและโรคพิษสุนัขบ้านั้น มีส่วนคล้ายคลึงกันอยู่คือ เกิดอาการกลัวน้ำ หลังจากที่รักษาด้วยเข็มทะยานแล้ว ถึงแม้ว่าอาการจะทุเลาลง แต่หากจะป้อนน้ำก็ยังคงยากอยู่ดี
หลังจากที่ทุกคนเริ่มจะวุ่นวายกันขึ้นมา ถ้วยยาก็ถูกนำเข้ามาทีละถ้วย ทั้งสี่คนที่เพิ่งจะถูกกัดเข้าไปยังไม่แสดงอาการออกมา ดูเหมือนกับคนปกติทั่วไป ยังสามารถดื่มน้ำได้ด้วยตนเอง แต่คนอื่น ๆ นั้นจำเป็นต้องกรอกลงไป
เพราะว่าสามารถป้อนยาและน้ำได้ ดังนั้นตั้งแต่ที่จื่ออันมา โถงบรรพชนจึงไม่มีผู้ใดที่ถูกหามออกไปอีก
แต่ว่าทุกคนต่างก็รู้ดีว่า เป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น
และตามที่บันทึกเอาไว้ โดยทั่วไปแล้วสองสามวันก็มักจะปรากฏอาการออกมา ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาถูกกัดไปวันที่สอง แม่ทัพหลี่จึงจับพวกเขามัดเอาไว้
แต่ทว่าจนถึงวันที่สาม พวกเขาก็ยังคงไม่ปรากฏอาการใดออกมา แม้กระทั่งดวงตาก็ไม่ได้แดงก่ำ บาดแผลที่ถูกกัดก็เริ่มที่จะผสานกัน แล้วตกสะเก็ด
นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน พี่สะใภ้ใหญ่หวาง และองค์รักษ์คนนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการคลุ้มคลั่งอยากกัดผู้คน ทว่าดวงตากลับแดงก่ำเป็นอย่างมาก บาดแผลก็เน่าเปื่อยอยู่ตลอด ไม่ทีท่าว่าจะตกสะเก็ด
“มันเกิดอะไรขึ้น? พวกเขาถูกกัดอย่างชัดเจน แต่บาดแผลกลับตกสะเก็ดแล้ว อีกทั้งยังไม่แสดงอาการใดออกมา” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เอ่ยถามจื่ออันด้วยความประหลาดใจ
จื่ออันที่พลิกสมุดบันทึกอยู่ตลอด สามวันมานี้ อาการของพวกเขาถูกจดบันทึกลงไปในนั้น และนางก็คอยเฝ้าดูอยู่ตลอด ไม่มีอาการใดแสดงออกมาจริง ๆ
ใจในของจื่ออันเกิดแสงสว่างวาบขึ้น เอ่ยออกมา “พวกเจ้าคอยดูกันก่อน ข้าจะออกไปสักสองวัน”
“เจ้าจะไปที่ใดกัน?” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เอ่ยถาม
“ไปพิสูจน์เรื่องบางอย่าง” จื่ออันหยิบกล่องยาแล้วเดินจากไป
“แต่ว่าวันนี้เจ้าจำต้องกลับมา องค์รัชทายาทจะส่งคนมาตรวจสอบ หากเจ้าไม่อยู่ที่นี่ เกรงว่าคงจะไม่ดีนัก?” แม่ทัพหลี่ร้องตะโกนอยู่เบื้องหลังของนาง
จื่ออันไม่ได้กลับมา องค์รัชทายาทนำคนเข้ามาตรวจสอบ กลับไม่พบว่าเซี่ยจื่ออันอยู่ที่นี่
องค์รัชทายาทไม่ได้ต้องการจะมา ทว่าราชครูเหลียง และฮองเฮากำชับอย่างเคร่งครัดให้เขามา ที่นี่เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เป็นสถานที่ถูกจับจ้องอยู่มากที่สุดของเมืองหลวงในตอนนี้ หากว่าเขาปรากฏตัวขึ้นในที่แห่งนี้ แล้วคอยเป็นห่วงเป็นใยคนยากจนและคนไข้อย่างไม่หวาดกลัวต่อโรคผีดิบ ในหมู่ของชาวบ้านจะต้องเกิดชื่อเสียงอันดีขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อองค์รัชทายาทกลับไป แล้วก็บอกกับราชครูว่าเซี่ยจื่ออันไม่ได้อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติ
ราชครูหรี่ตาลง “กลับไปยังเรือนเล็กของตระกูลเฉินกระมัง?”
“ไม่รู้เช่นกัน อย่างไรเสียไม่ได้อยู่ที่นั่น” องค์รัชทายาทเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ “ในหมู่บ้านศิลานี้สกปรกเป็นอย่างมาก ข้าจะต้องกลับไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ เสื้อผ้าพวกนี้ก็โยนทิ้งไปเสีย”
ราชครูเห็นว่าเขาเป็นเช่นนี้ ก็โบกมือออกไปอย่างรำคาญใจ “ไปเถิด ไปเถิด”
จื่ออันกลับไปยังเรือนเล็กของตระกูลเฉินจริง แต่ก็ไม่ได้รั้งอยู่นานนัก เพียงแต่ฝังเข็มให้กับหวางหยูแล้วก็จากไป