ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 565
โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ตามออกมาถามจ้วงจ้วง “ตามหาจื่ออันพบแล้วหรือ?”
จ้วงจ้วงส่ายศีรษะออกมา “ยัง ข้าเพียงแต่เอ่ยออกไปเช่นนี้กับนาง เพื่อให้นางตายไปอย่างไม่เต็มใจเท่านั้น”
ดวงตาของโหรวเหย๋ามืดมน “ข้านึกว่าหาพบแล้ว”
จ้วงจ้วงมองไปยังสถานการณ์อันน่าอนาถใจของหมู่บ้านศิลา “นางจะต้องกลับมา”
มหาเสนาบดีเซี่ยประสบกับหายนะ พัวพันกับคดีทุจริตมากมาย
ความมั่งคั่งของจวนมหาเสนาบดี ล้วนแต่แยกไม่ออกจากการทุจริตเหล่านี้
เมื่อกรมอาญาตรวจสอบลึกลงไป ก็ขุดพบกลุ่มผู้ทุจริตกลุ่มใหญ่ และขุนนางกลุ่มนี้ ในตอนที่มหาเสนาบดีเซี่ยร่วมกันกับราชครูเหลียงนั้น ต่างก็ถูกแนะนำให้กับราชครูเหลียงทีละคน สามารถเอ่ยได้ว่า มหาเสนาบดีล้มลง คนกลุ่มนี้ก็พากันติดตามราชครูเหลียงแทน
ราชครูเหลียงมองไปยังมหาเสนาบดีเซี่ย ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่เขาเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงของคน มาตอนนี้เขาได้รับเส้นสายเหล่านั้นแล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องละทิ้งการใช้ประโยชน์จากมหาเสนาบดีเซี่ย ไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาเอาไว้อีก
และที่เขาได้ใจมากนั้น ถึงแม้ว่าโรคผีดิบที่ทำให้ราชสำนักเกิดความวุ่นวายขึ้นนั้นจะถูกมู่หรงเจี๋ยจัดการเอาไว้ได้ แต่เขาก็ยังได้คนมากลุ่มใหญ่
ราชครูเหลียงเองก็ไม่คิดว่ามู่หรงเจี๋ยจะโจมตีคนกลุ่มนี้ได้ พวกเขาล้วนแต่อยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ หากว่าต้องการจะตรวจสอบอย่างจริงจังแล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงขุนนางครั้งใหญ่ของราชสำนัก
คนเหล่านี้ล้วนแต่เคยติดตามองค์จักรพรรดิพระองค์ก่อน และก็องค์จักรพรรดิมาก่อน หากว่าผู้สำเร็จราชการแทนลดจำนวนอย่างเด็ดขาดแล้ว จะต้องทำให้ฝูงชนเกิดความไม่พอใจขึ้นเป็นแน่
ทว่าที่ทำให้ราชครูเหลียงประหลาดใจก็คือ ก่อนที่จะประหารชีวิตมหาเสนาบดีเซี่ยนั้น มู่หรงเจี๋ยก็จัดการกับคนกลุ่มนี้ไปแล้ว
และไม่ได้ให้กรมอาญาพิจารณาคดี แต่เป็นการนำหลักฐานความผิดโยนลงไปในการว่าราชการยามเช้าวันหนึ่ง
จากนั้นก็ออกคำสั่งให้ประหารชีวิต!
กลยุทธ์ที่เฉียบขาดเช่นนี้ ทำให้ราชครูเหลียงมองเห็นถึงความโหดร้ายของผู้สำเร็จราชการแทนแคว้นเหลียงท่านนั้น ที่มีอยู่ไม่น้อยไปกว่าแคว้นเดียว
อีกทั้งเขายังจัดการได้เป็นอย่างดี ไม่มีการผลัดวันประกันพรุ่ง และไม่ให้โอกาสให้ใครได้วิงวอนร้องขอ เมื่อออกคำสั่งลงไป ก็ตัดไปสิบกว่าหัว ล้วนแต่เป็นขุนนางขั้นสี่ในราชสำนัก
และความเคลื่อนไหวที่โหดร้ายเช่นนี้ ไม่ได้ทำให้ผู้คนกรุ่นโกรธอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ ในทางกลับกัน ทำให้คนกลุ่มหนึ่งตื่นตกใจขึ้นมา
ก่อนหน้าขุนนางที่เคยเป็นกลางมาก่อน กระทั่งยังมีบางส่วนที่เคยดูหมิ่นผู้สำเร็จราชการแทนมาก่อนหน้านั้น ต่างก็พากันเคารพเขามากขึ้น และโดยมากนั้นตั้งใจนับถือเขาเป็นเจ้านาย
อีกทั้งมู่หรงเจี๋ยในความคาดหวังของผู้คนก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ราษฎรพากันรักเขา
ราชครูเหลียงเริ่มที่จะตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว
ผู้ป่วยโรคผีดิบหลังจากที่ได้รับยาไปแล้ว ก็เริ่มที่หายดี แต่เบาะแสของเซี่ยจื่ออันยังคงไม่กระจ่างชัดเช่นเดิม
ทุกอย่างค่อย ๆ กลับคืนเป็นปกติช้า ๆ กลุ่มเฉาปังยอมแพ้ที่จะให้การช่วยเหลือแล้ว มีเพียงแค่มู่หรงเจี๋ยเท่านั้นที่ยังคงส่งคนออกไปตามหาดังเดิม
ราชการยามเช้าในวันนี้ หลังจากที่มู่หรงเจี๋ยเสร็จกิจราชสำนักแล้ว ก็ตั้งใจเลิกราชการตามปกติ
ทว่าด้านนอกของตำหนักมีเสียงดังลอยออกมา “หวงไท่โฮ่วเสด็จแล้ว!”
มู่หรงเจี๋ยเงยหน้าขึ้น ก็พบกับหวงไท่โฮ่วที่เข้ามาพร้อมกับซุนกงกง
ขุนนางพากันคุกเข่าลงเพื่อคารวะ “คารวะหวงไท่โฮ่ว!”
หวงไท่โฮ่วเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม ในมือของซุนกงกงถือพระราชเสาวนีย์เอาไว้ ท่าทีเต็มไปด้วยความเคารพ
หลังจากที่หวงไท่โฮ่วทรงประทับลงแล้ว ก็มองไปยังมู่หรงเจี๋ยเป็นอันดับแรก ก่อนจะไปยังเหล่าขุนนาง แล้วตรัสออกมา “ทุกท่านลุกขึ้นเถิด!”
ขุนนางกล่าวขอบพระทัย ก่อนจะลุกขึ้นยืน ต่างก็ล้วนแต่เต็มไปด้วยความสงสัยว่า หวงไท่โฮ่วมาทำอะไรกัน?
หลังจากที่มู่หรงเจี๋ยมองไปยังหวงไท่โฮ่วแล้ว “เสด็จแม่เสด็จมายังราชการยามเช้า มีเรื่องสำคัญกระนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”