ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 634
จ้วงจ้วงมีท่าทีที่แปลกประหลาดไป หลายปีมานี้ ไม่เคยที่จะไปมาหาสู่กันมาก่อน นางมาทำอะไรกัน?
จื่ออันรู้ว่าสาวใช้คนนั้นเข้ามา เกรงว่าจะทำให้จ้วงจ้วงปวดใจ พลางเอ่ยออกมา “ไม่พบ ไล่กลับไปเถิด”
จ้วงจ้วงกลับเอ่ยออกมา “ให้นางเข้ามา”
จื่ออันมองยังนาง “เจ้าจะหาความอึดอัดให้กับตนเองทำไมกัน?”
สีหน้าของจ้วงจ้วงดูซีดขาว แต่ก็กลับหนักแน่นผิดปกติ “ไม่ ข้าเคยบอกเอาไว้แล้ว เรื่องก่อนหน้านั้นปล่อยวางเอาไว้แล้ว ข้าไม่อาจพูดออกมาแล้วทำไม่ได้ วางใจเถิด ข้าไม่เป็นอะไร”
หากว่าแม้แต่หานชิงชิวก็ยังไม่กล้าพบหน้า แล้วจะถือว่าปล่อยวางไปได้อย่างไร?
นางเคยเกลียดท่าทางครึ่งเป็นครึ่งตายของตนเองมาแล้ว ความเยาว์วัยของนาง ถูกฝังเอาไว้ในอดีตที่โหดร้ายนั้น
นางต้องการมีชีวิตใหม่ ก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน
จื่ออันมองเห็นความกล้าหาญของนาง ก็คิดถึงเรื่องการถอดใจของอ๋องเหลียง ในใจก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ หากว่าอ๋องเหลียงมีความกล้าหาญของจ้วงจ้วงสักครึ่งหนึ่งก็ดี!
ด้านหน้าประตูนั้นย่อกายแล้วจากไป จ้วงจ้วงและจื่ออันเดินเข้าไปด้านใน เพียงครู่ก็นำหญิงสาวที่สวมชุดผ้าไหมยาวสีแดงเข้ามา
รูปร่างหน้าตาของนางนั้นถือได้ว่าเป็นเพียงระดับกลาง แต่การแต่งหน้านั้นถือได้ว่าปราณีตอย่างมาก ริมฝีปากแต่งแต้มเอาไว้ด้วยสีแดงสด คิ้วเรียวยาว ผิวหน้าตกแต่งอย่างขาวนวล
นางก้าวเดินมาช้ามาก จื่ออันมองยังนาง เหมือนกับว่าดูภาพยนตร์แบบสโลว์โมชั่น แสงแดดลอดส่องผ่านระหว่างใบไม้ ส่องลงบนใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างหนาของนาง มีแสงแดดจาง ๆ
ริมฝีปากของนางยกขึ้น ระหว่างคิ้วมีร่องรอยยิ้มบางออกมา ราวกับว่ากำลังจะบอกกับฟ้าดินว่าข้ามีความสุขมาก
ทว่าเมื่อเดินเข้ามาใกล้ จื่ออันก็พบว่า หางตาของนางยังมีริ้วรอยที่ยากจะปิดบังเอาไว้ได้ ไม่ว่าแป้งจะหนาเพียงใด ก็ไม่อาจจะปิดบังเอาไว้ได้
รองเท้าผ้าหัวปักมุกคู่หนึ่งอยู่ใต้กระโปรงขนนก ในฐานะที่ว่าเป็นฮูหยินน้อยของจิงกั๋วกง ในฐานะที่เป็นฮูหยินของแม่ทัพใหญ่แล้ว นางได้สลัดความต่ำต้อยของสาวใช้ที่คอยรับใช้ผู้อื่นออกไปแล้ว การกระทำค่อย ๆ ผ่าเผยมากยิ่งขึ้น ย่อกายอย่างสงบนิ่ง มารยาทเองก็ถูกต้องอย่างยิ่ง “หานซือคารวะองค์หญิง ขอองค์หญิงทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน!”
มู่หรงจ้วงจ้วงมองยังนาง “ฮูหยินลุกขึ้นเถิด!”
น้ำเสียงสงบไร้คลื่นใด ใบหน้าก็ดูไม่แยแส ไม่มีความผิดปกติใดแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้ฝ่ามือของจื่ออันมีเหงื่อไหลเย็น
หานชิงชิวลุกขึ้นมา มองมายังจื่ออัน ในดวงตาเกิดความสงสัย “ท่านนี้คือ?”
จ้วงจ้วงเอ่ย “พระชายาผู้สำเร็จราชการแทน!”
หานชิงชิวประหลาดใจเป็นอย่างมาก ทว่าก็ย่อกายคารวะขึ้นมาในทันที “หานซือคารวะพระชายา”
จื่ออันเมื่อได้ยินแต่ละคำของนางว่าหานซือ ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะเรียกชื่อของนางเป็นอย่างมาก
ก็ถูก ในจวนองค์หญิงนี้ ทุกคนต่างก็เรียกชื่อของนาง ในตอนนั้น นางยังคงเป็นเพียงสาวใช้
จื่ออันเอ่ย “ฮูหยินไม่จำเป็นต้องสุภาพมาก”
“นั่งเถิด!” จ้วงจ้วงเอ่ย
“ขอบพระทัยองค์หญิงเพคะ!” หานชิงชิวเดินเข้ามาก่อนจะนั่งลง
เพิ่งจะนั่งลง ฉินจือก็ถือขนมหวานกลับเข้ามา เมื่อเห็นหานชิงชิว ฉินจือก็หน้าตึงขึ้นมา ทว่ายังคงไม่เสียมารยาทดั่งเดิม ร้องตะโกนออกมา “ชิงชิวมาแล้วหรือ?”
จื่ออันมองออกว่าฉินจือนั้นโกรธเกลียดหานซือ ทว่า นางก็ยังคงร่วมมืออยู่กับจ้วงจ้วง ไม่คิดที่จะไว้หน้าให้กับหานซือเลย เพราะว่าใครก็ไม่สนใจนาง
หานชิงชิวมองมายังฉินจืออย่างละเอียด ถึงได้ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ที่แท้ก็เป็นแม่นางฉินจือ หลายสิบปีไม่ได้พบกัน เจ้าเปลี่ยนไปมาก”
ในรอยยิ้มของนางมีร่องรอยของความเย่อหยิ่ง มองมายังมือของนางที่วุ่นวายถือจานเอาไว้ ส่วนตอนนี้ นางกลับนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบ รอให้ฉินจือคอยรับใช้
ในปีนั้น ข้างกายขององค์หญิงมีสาวใช้ใหญ่อยู่สี่คน
ฉินจือ ฉยงหวา เหยาจื่อ ชิงชิว ทั้งสี่คนมีอายุใกล้เคียงกัน อีกทั้งยังเติบโตมากับองค์หญิง จนเป็นที่รักขององค์หญิง
เหยาจื่อตายไปหลายปีแล้ว ชิงชิวแต่งงานออกไป ตอนนี้ข้างกายขององค์หญิง จึงเหลือเพียงแค่ฉินจือ และฉยงหวา