ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 680
ไม่พบก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี
วันที่สาม หลังจากที่จื่ออันปลดผนึกจุดฝังเข็มแล้ว เซี่ยหลินก็นำแมลงเจ็ดส่วนวางเข้าสู่ปากของจ้วงจ้วง หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม นางก็เริ่มฝังเข็ม จ้วงจ้วงก็ยังไม่ฟื้นสติขึ้นมา
วันที่สี่ จ้วงจ้วงก็ยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ก็ยังคงป้อนน้ำข้าวบางส่วนเข้าไป นางยังคงสามารถกลืนกินเข้าไปได้บ้าง
คืนวันที่สี่ ในที่สุดเซี่ยหลินก็แยกพิษออกมาได้ อีกทั้งยังสกัดพิษออกมาได้
เขาใช้พิษที่สกัดออกมาใส่เข้าไปในน้ำ ป้อนให้วัวตัวหนึ่งดื่มเข้าไป ไม่นานนัก วัวตัวที่แข็งแรงนั้นก็ล้มลงพื้นแล้วสลบไป หลังจากนั้นหนึ่งเค่อ ก็หมดลมไป
วัวไม่ได้ดิ้นรน ไม่มีอาการเจ็บปวด ดูสอดคล้องกับคุณสมบัติของยานิทรารมณ์
ใช้วิธีการนี้หลอมยาพิษออกมา ก็จะมีวิธีการถอนพิษ และสามารถรู้ได้ว่าในพิษแปดชนิดนี้ มีสองชนิดที่รวมกันแล้วจะต่อต้านกัน มีพิษสองชนิดที่รวมกันแล้วก็จะกลายยาพิษอีกชนิดหนึ่ง พิษที่เหลืออีกสี่ชนิด เมื่อผสมเข้าด้วยกันแล้วก็จะทำให้มึนงง เป็นเหมือนกับยานอนหลับที่ใช้ให้คนหลับใหลไปในตอนที่กำลังจะตาย เพื่อลดความเจ็บปวด
สำหรับยาพิษที่ออกฤทธิ์ต้านทานกันทั้งสองชนิด ไม่ได้มีผลใด เพียงแต่ใช้เพื่อบดบังการหาวิธีถอนพิษ
ทางด้านยาถอนพิษเองก็เริ่มมีผลบ้างแล้ว เซี่ยหลินบอกกับจื่ออันว่ามรวิธีถอนยาพิษมีแล้ว แต่จะต้องใช้ตัวยานำ ด้วยวิธีการนี้ถึงจะมีประโยชน์
จื่ออันรู้ว่าวิธีการใช้ตัวยานำนั้นคืออะไร ตัวยานำคือ การนำยาไปยังเส้นเลือด หมายถึงการนำยาชนิดหนึ่งเข้าชี้นำประสิทธิภาพของยาอื่นให้ส่งผลถึงส่วนที่ป่วย หรือเส้นชีพจรเพื่อใช้ในการ “นำทาง”
อีกทั้งตัวยานำยังช่วยเพิ่มผลทางการรักษา ถอนพิษ แต่งกลิ่น รักษาระบบทางเดินอาหาร
หากว่าไม่มีตัวยานำแล้ว ยาเหล่านี้ไม่อาจจะเข้าไปถึงทุกส่วนของเส้นชีพจรได้ ไม่ก่อให้เกิดผลทางการถอนพิษ หรือหมายความว่าพิษเหล่านี้ไม่อาจที่ล้างออกไปได้จนหมด จะต้องหลงเหลืออยู่ในร่างกายจนก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บที่ไม่อาจช่วยเหลือเอาไว้ได้
“เช่นนั้นแล้วตัวยานำที่เจ้าต้องการคืออะไร?” จื่ออันเอ่ยถาม
เซี่ยหลินเขียนสัญลักษณ์เอาไว้บนกระดาษมากมาย สัญลักษณ์เหล่านี้มองดูแล้วเป็นเหมือนกับสูตรสำเร็จ และแน่นอนว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้อักษรของซีเจียงกันแล้ว
เขียนอยู่ครู่หนึ่ง เซี่ยหลินจึงได้เงยหน้าขึ้นมาเอ่ย “เขาละมั่งโลหิต”
หมอหลวงตกตะลึงไป “เขาละมั่งโลหิตหรือ? เป็นเขาละมั่งอย่างนั้นหรือ?” หากว่าเป็นเขาละมั่งเช่นนั้นก็จัดการได้ง่าย สิ่งนี้ถึงแม้ว่าจะล้ำค่า แต่ก็สามารถพบเห็นได้ง่ายในยาจีนโบราณ
จื่ออันส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ ไม่เหมือนกัน ละมั่งสีเลือดนั้นหายากยิ่งนัก” นางเคยมองเห็นละมั่งโลหิตในหนังสือโบราณเล่มหนึ่งของศาสตราจารย์หลินในยุคปัจจุบัน ทว่าในยุคปัจจุบันนั้น บันทึกของละมั่งโลหิตมีอยู่น้อยจนถึงน้อยมาก
เซี่ยหลินบอกว่า “ตรงยอดเขาของละมั่งโลหิตนั้น มีพิษอยู่เล็กน้อย สามารถนำมาใช้เป็นตัวนำยาได้ นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดที่เหมาะสมอีก”
มู่หรงเจี๋ยเอ่ยถามเซี่ยหลิน “เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่ใดมีเขาละมั่งโลหิต?”
เซี่ยหลินส่ายศีรษะ เอ่ยออกมาอย่างตรงไปตรงมา “พี่เขย ข้าไม่รู้เลย”
สองวันมานี้ เขารู้แล้วว่ามู่หรงเจี๋ยเป็นพี่เขยของเขา คำเรียกนี้ดูเหมือนว่าได้ผลต่อมู่หรงเจี๋ยอย่างมาก ทันใดนั้นก็เปลี่ยนมาใช้สายตาที่จ้องมองเจ้าเด็กน้อยที่ดูมีอนาคตมองมายังเขา